ประเด็นข่าว: ประชาสัมพันธ์เชิงรุกไม่เหมือนกันการลงมือกระทำจริง


วันที่ 9 พ.ค. 2550 มีข่าวจากโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าคณะรัฐมนตรีจะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยเปิดบ้านพิษณุโลกให้รัฐมนตรีผลัดกันแถลงข่าว (เหมือนทำเวร) นัยว่าจะแสดงให้เห็นความคืบหน้าของงาน เพื่อลดความคับข้องใจของบรรดา "คนดู"

สำหรับผมนั้น ไม่ได้หงุดหงิดที่สื่อค่อนขอดว่าไม่มีผลงานครับ ผมหงุดหงิดที่การขาดเป้าหมายและทิศทางต่างหาก แบบหลังนี่คืออาการไม่มีอนาคตครับ

ในวันเดียวกัน มีข่าวว่าเวียดนามกำลังจะให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านได้

ทั้งไทยและเวียดนาม ต้องการ FDI เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และตักตวงเงินจากตลาดทุนของโลก แต่เวียดนามอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่ไม่สูญเสียความมั่นคง ดูดเงินให้ไหลเข้ามาในประเทศ ในขณะที่ไทยยังคุยกันไม่จบ ว่าจะทำอย่างไรเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาถ่ายทอดเทคโนโลยี

ผมไม่ได้บ้าฝรั่งหรอกครับ ประเด็นคือความคิดที่ไม่ได้ทำ มีผลเท่ากับไม่ได้คิด

จบข่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จบเห่

หมายเลขบันทึก: 95309เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2007 02:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
เห็นมีเรื่องบ้าฝรั่ง อยากได้ความเห็นเกี่ยวกับ เรื่องนี้ ครับ

งั้นตอบตามใจฉันก็แล้วกันครับ

  • มีคนเตือนต้องถือเป็นมงคลของชีวิต
  • คำเตือนต้องฟัง (แม้ไม่เตือนก็ต้องฟัง! ฝรั่งเรียก proactive)
  • ฟังแล้วพิจารณาไตร่ตรอง แม้ไม่เห็นด้วยในขณะที่พิจารณา ก็อย่าทิ้งประเด็นไป นี่ไม่ใช่การทำข้อสอบที่เลือกไปแล้วก็จบกัน
  • สิ่งใดที่เราทำเป็นการเลือกของเราเอง คนมีปัญญาควรเลือกอย่างฉลาด
  • ถ้า f(x) เป็นฟังก์ชั่นของอรรถประโยชน์: f(ความไว้ใจ) < f(ผลงานในอดีต) < f(ความรู้) < f(ปัญญา) ; ทุกตัวแปรทำให้หลงได้หมด แต่จะแพงมากเป็นพิเศษหากตัดสินใจผิดที่ระดับสูง ผู้ที่รับกรรมกลับเป็นคนระดับล่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง

กลับมาที่ตัวบันทึก เป็นนิสัยของผมที่มักจะพูดไม่รู้เรื่อง (อยากบอกตัวเองว่าบางทีความคิดซับซ้อนเกินไป)

หลังจากเขียนบันทึกและข้อคิดเห็นข้างบนไปแล้ว จึงอ่านพบข้อความเหล่านี้ ซึ่งมีข่าวใน Bangkok Post เรื่อง A scientific mind เป็นตัวอย่างอันเป็นรูปธรรมของความหมายที่เขียนในบันทึก คือไม่จำเป็นต้องแถลงข่าวรายสัปดาห์ แต่ยืนอยู่บนความเป็นจริง และเผชิญหน้ากับความจริงอย่างกล้าหาญ -- ขอแนะนำให้อ่านภายใน 6 วัน ก่อนที่บทความจะย้ายที่และหายไปในที่สุด

ฟังก์ชั่นอรรถประโยชน์ เขียนโดยไม่ได้หมายถึงใครเป็นการเฉพาะครับ เป็นข้อสังเกตส่วนตัวก่อนที่จะอ่านพบข่าวและบล๊อก

เห็นด้วยครับ การขาดทิศทางที่แน่นอน (ยกเว้นการไล่เช็คบิลอำนาจเก่า)   เพราะสิ่งนี้ทำให้ทุกอย่าง ต้องหยุดชะงักเพื่อรอดูทิศทาง  => สถานะการณ์ก็จะยิ่งกดดันขึ้น  ไม่รู้ว่าจะต้องรอรัฐธรรมนูณนี้อีกนานเท่าไรด้วย (ชักไม่แน่ใจว่า ปท.ไทยจะมีรัฐธรรมนูญได้ภายในสิ้นปีนี้)

Thanks for the Scientific Mind article which reminds me that there are sensible visionaries that we may not get to hear them often, but we are not lack of them.

Speaking of hearing often which we will get when there is "การประชาสัมพันธ์เชิงรุก", which honestly, it sounds like a marketing/propaganda practice that I thought, wasn't that a routine in the former Super CEO running the country regime?

And yet, we are seeing  cry babies in grownups who blamed things that had gone out of normal practice. Some people see problems as opportunities and challenges, others see them as scapegoats!

Thailand wouldn't have been recognized as one of Four New Asian Tigers if it hadn't been FDI money that boosted export industry. And yes, the same FDI money that fled the country and caused the Asian financial crisis.

Right, blame the FDI for the money, for if we don't have it, we won't spend it.

One more note - "No man is an island" I feel our TH governors are steering the country into an island nation!

 

 

โดนเต็มๆ ทั้งคุณ P และคุณ P ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท