สาวเอย.....(ราคา-รอยราคี) : เวทย์


อ่านกลอนลุงเวทย์ (ลุงเวทย์ คือ อดีต หนึ่งในสี่มือทองนักกลอนธรรมศาสตร์ รุ่นสอง)

  1. กลอน ลำนำเลือด(นักกฎหมาย) จากหนังสือ ข้างกองไฟ : เวทย์
  2. สาวเอย.....(แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย) : เวทย์
  3. สาวเอย.....(บทเรียนก่อนวิวาห์) : เวทย์ 
  4. สาวเอย.....(ปากเสือ-ปากหมา) : เวทย์ 
  5. ซอแสนกล : เวทย์ 
  6. ฝันดี : เวทย์ 
  7. กลบท นายโรงลืมกรับ ตอน 2 : เวทย์  
  8. อ่านบันทึก กลบท นายโรงลืมกรับ ตอนที่ 1 : เวทย์+กวิน+ม้าก้านกล้วย+เชษฐภัทร
  9. สาวเอย.....(ราคา-รอยราคี) : เวทย์
10. ดัด : เวทย์
11. ความในใจของใครสักคน : เวทย์ 

12. พันธะที่ละเลย


กลอน : ราคา-รอยราคี หน้า 101-102
แต่งโดย : เพิ่มบุญ (เสริมศักดิ์) เปลี่ยนภู่ (นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,เนติบัณฑิตไทย)
นามปากกา : เวทย์
หนังสือชื่อ : ข้างกองไฟ ( สำนักพิมพ์พรศิวะ, กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งแรก 2547 . 116 หน้า)

 

ก่อนที่เธอจะทอดกายให้ชายชิด
ผ่านการคิดใคร่ครวญถี่ถ้วนไหม
หรือเป็นเพียงเพราะเธอก็เผลอใจ
เมื่อความใคร่คุคลั่งลืมยั้งมัน
ก่อนเธอเคลิ้มเธอคล้อยถ้อยคำรัก
ควรตระหนักนิยามความแปรผัน
นิยายรักหวานล้ำเขารำพัน
อาจไม่ทันถึงปีที่จบลง

และอย่าหวังว่านั่นสร้างพันธะ
อย่าคิดนะเสน่ห์เธอเขาเผลอหลง
สัญชาติเสือเหลือวิสัยให้ซื่อตรง
แล้วก็คงออกลายเมื่อปลายมือ
หวังลูกแทนโซ่ทองคล้องใจพ่อ
จะเชื่อมต่อถึงแม่ได้แน่หรือ
คำว่ามารหัวขนคนเล่าลือ
ควรเป็นสื่อสอนใจให้เธอตรอง 
 

ชายกี่คนรู้คิดรับผิดชอบ
เกียรติเป็นกรอบกั้นตนพ้นมัวหมอง
แม้เขาคือคนหนึ่งที่พึงปอง
เธอก็ต้องมีความหมายในสายตา
แค่ดอกไม้ริมทางเขาร้างทิ้ง
กลายเป็นหญิงอัปยศหมดคุณค่า
มิอาจเอาออกขายได้ราคา
เป็นสินค้ามือสองคนมองเมิน

หมายเลขบันทึก: 214039เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2008 18:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับคุณกวิน นักปราชญ์มาดเท่ผู้เป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นและข้อเท็จจริงผ่านอักขระในเชิงของบทกวี.....

มาร่วมแจมด้วยคนครับกับบทที่ว่าด้วยไฟราคะกับการพิจารณาความตาย

ความใคร่ ความปรารถนา กระสันรัญจวน เป็นไฟราคะที่คุกรุ่นและลุกโชนเพื่อเผาไหม้บรุษและสตรี ที่สั่งสมอนุสัยนอนเนื่องอยู่ก้นบึ้งหัวใจต่ำใต้จิตสำนึกให้คุโชน จนสามารถแสดงอากัปกริยาอาการป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ และวาจาที่จ้วงจาบหยาบคาย ไร้ยางอาย กระทำได้แม้สิ่งนั้นจะผิดต่อหลักศีลธรรม ในหนึ่งวันหรือหนึ่งคืน จนกว่าไฟราคะได้ค่อยมอดดับลงเพื่อรอการปะทุขึ้นมาอีกในคืนถัดไป

       เมื่อไฟราคะได้มอดดับลง ทั้งบรุษและสตรีต่างได้สำนึกดีชั่วเกรงกลัวต่อบาป เกิดความละอายในอากัปกริยาและวาจาของตนเองที่ผ่านมา หลอกลวงตนเองว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ เป็นสัตว์ที่มีวัฒนธรรมอันดีงาม ยกตนเหนือสัตว์เหล่าอื่นที่อยู่ร่วมโลก แท้ที่จริงแล้วพฤติกรรมและพฤติกามการแสดงก็ไม่แตกต่างกันนัก ไฟราคะจุดติดจิตสำนักจึงถูกเผาไหม้และทำให้จิตใต้สำนึกที่เป็นอนุสัยนอนเนื่องปะทุออกมาเผาผลาญเกียรติยศชื่อเสียงของบุรษและสตรีให้เหลือแต่เถ้าถ่านของความดีงาม

       การพิจารณามรณัสสติอยู่เนืองๆจึงเปรียบเสมือนน้ำที่ราดรดบนเปลวไฟและกองเถ้าถ่านให้สงบระงับและดับไป

[สวัสดีครับ...แล้วจะติดตามงานเขียนของท่านในบันทึกต่อไป]

ขอบคุณ ท่าน  ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง ที่นำประสบการตรง Direct experience มาเล่าสู่กันฟังนะครับ

คุณกวินครับ อ่านแล้วสะเทือนใจยังไงไม่รู้ครับ

ขอบคุณน้อง คนPlusถิ่น ครับ ;)

เอาน้ำทั้งแม่น้ำดับไฟราคะได้ไหมเล่า....

มีภูติ แม่น้ำโขง ติดมาด้วยหรือเปล่าครับ พี่นุส...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท