ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากพระกุมารกัสสปได้ทูลร้องขอให้เจ้าปายาสิอย่าทรงยึดถือความคิดความเห็นผิดๆ ทำนองนั้นเลย เพราะมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ แต่เป็นไปเพื่อทุกข์ฝ่ายเดียว... ท้าวเธอจึงตรัสถึงสถานภาพและเกียรติยศศักดิ์ศรีในสังคมทำนองว่า...
ผู้เขียนว่านี้แหละ ทิฎฐิมานะของคนเรา แม้จะรู้ตัวว่าตนเองผิดหรือมีความคิดเห็นไม่ถูกต้อง แต่การที่จะให้เปลี่ยนแปลงนั้นยาก เพราะอาจเกรงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเย้ยถากถาง ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุให้เราโกรธและอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้น หลายๆ คนในโลกนี้จึงยอมยึดถือและกระทำแบบเดิมๆ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม หรือเพราะให้ความสำคัญเกียรติยศศักดิ์ศรีของตนเองมากกว่าสิ่งอื่น...
เรื่องราวต่อไป จะเป็นโวหารเปรียบเทียบนัยต่างๆ ของพระกุมารกัสสปเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าปายาสิยอมรับและสละความคิดเห็นผิดๆ ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อๆ ไป
สำหรับผู้สนใจอาจย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ตาม Link ข้างล่าง...
สรุปว่า มีข้อโต้แย้ง ๙ เรื่อง คือ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์นั้นเป็นโลกนี้หรือโลกหน้า สั่งคนช่ั่วตายแล้วให้กลับมาบอก สั่งคนดีตายแล้วให้กลับมาบอก คนมีศีลห้าไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำไมพระ-เณรจึงไม่รีบฆ่าตัวตาย เอาโจรมาต้ม เอาโจรมาชั่ง เอาโจรลากไปข้างโน้นข้างนี้ และก็เฉือนเนื้อโจร เพื่อค้นหาจิตวิญญาณ...
อนึ่ง ผู้สนใจใคร่จะนำนิทานไปเล่าต่อ ก็อาจจำเฉพาะหัวข้อสั้นๆ กล่าวคือ..
นมัสการพระคุณเจ้า
(กราบ 3 ครั้ง)
คนดิบ
กราบนมัสการพระอาจารย์
(กราบ 3 หน)
คนดิบ
เจริญพร