BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

ชาติหน้ามีหรือไม่ ? (ปายาสิราชัญญสูตร) ๑๑


ชาติหน้ามีหรือไม่ ? (ปายาสิราชัญญสูตร) ๑๑

ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากพระกุมารกัสสปได้ทูลร้องขอให้เจ้าปายาสิอย่าทรงยึดถือความคิดความเห็นผิดๆ ทำนองนั้นเลย เพราะมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ แต่เป็นไปเพื่อทุกข์ฝ่ายเดียว... ท้าวเธอจึงตรัสถึงสถานภาพและเกียรติยศศักดิ์ศรีในสังคมทำนองว่า...

  • ข้าแต่ท่านกัสสป ! พระคุณเจ้ากล่าวอย่างนั้นก็จริง แต่เกล้าฯ ก็มิอาจละความคิดเห็นทำนองนี้ได้ เพราะพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี พระราชาอื่นๆ นอกแว้นแคว้นก็ดี ซึ่งทรงรู้จักกับเกล้าฯ ต่างก็รู้กันอยู่ว่าเกล้าฯ มีความคิดเห็นทำนองนี้ นั่นคือ โลกหน้าไม่มี สัตว์ที่ผุดเกิดไม่มี ผลกรรมดีชั่วที่ทำแล้วก็ไม่มี...
  • ถ้าเกล้าฯ ละความคิดความเห็นทำนองนี้เสียแล้ว พวกเขาจักสำคัญว่า เจ้าปายาสิช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน ขาดความฉลาดเฉียบแหลม หลงยึดถือความคิดความเห็นผิดๆ อยู่ตั้งนาน...
  • ดังนั้น เกล้าฯ จำเป็นต้องยึดถือความคิดเห็นทำนองนี้ไว้ เพราะความโกรธบ้าง เพราะความลบหลู่บ้าง เพราะความตีเสมอบ้าง...

ผู้เขียนว่านี้แหละ ทิฎฐิมานะของคนเรา แม้จะรู้ตัวว่าตนเองผิดหรือมีความคิดเห็นไม่ถูกต้อง แต่การที่จะให้เปลี่ยนแปลงนั้นยาก เพราะอาจเกรงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเย้ยถากถาง ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุให้เราโกรธและอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้น หลายๆ คนในโลกนี้จึงยอมยึดถือและกระทำแบบเดิมๆ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม หรือเพราะให้ความสำคัญเกียรติยศศักดิ์ศรีของตนเองมากกว่าสิ่งอื่น...

เรื่องราวต่อไป จะเป็นโวหารเปรียบเทียบนัยต่างๆ ของพระกุมารกัสสปเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าปายาสิยอมรับและสละความคิดเห็นผิดๆ ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อๆ ไป

 

สำหรับผู้สนใจอาจย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ตาม Link ข้างล่าง...

 

สรุปว่า มีข้อโต้แย้ง ๙ เรื่อง คือ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์นั้นเป็นโลกนี้หรือโลกหน้า สั่งคนช่ั่วตายแล้วให้กลับมาบอก สั่งคนดีตายแล้วให้กลับมาบอก คนมีศีลห้าไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำไมพระ-เณรจึงไม่รีบฆ่าตัวตาย เอาโจรมาต้ม เอาโจรมาชั่ง เอาโจรลากไปข้างโน้นข้างนี้ และก็เฉือนเนื้อโจร เพื่อค้นหาจิตวิญญาณ...

อนึ่ง ผู้สนใจใคร่จะนำนิทานไปเล่าต่อ ก็อาจจำเฉพาะหัวข้อสั้นๆ กล่าวคือ..

  • ดวงจันทร์-คนชั่ว-คนดี-ศีลห้า-พระเณร-ต้ม-ชั่ง-ลาก-เฉือน

 

หมายเลขบันทึก: 235270เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2009 07:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

นมัสการพระคุณเจ้า

 

  • วันนี้ได้รับซองทำบุญมาจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อร่วมทำบุญ
  • แต่ติดตรงที่กระผมขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรี่ยไรการบริจาคเงินในทำนองนี้ กล่าวคือ ที่ผ่าน ๆ มาเคยแต่เป็นผู้ร่วมบริจาคนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เคยเป็นรับเป็นผู้เรี่ยไรทำบุญมาเลยครับ
  • มีอยู่ครั้งหนึ่งได้รับมา 20 ซอง ตอนนั้นเป็นทุกข์มากเพราะไม่เคยเรี่ยไร ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจใส่เงินตัวเองเข้าไปแทนทั้งหมด อานิสงในครั้งนั้นก็ทำให้ผมเรียนรู้เรื่อง "ทาน" มากขึ้น และทำให้ผมเริ่มหันหน้ามาทำบุญทำทานมากขึ้นเป็นลำดับครับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมรับเป็นผู้เรี่ยไรได้เลย
  • มาถึงครั้งนี้ ผมได้รับมาอีก 30 ซอง พิจารณาดูจิตใจตนเองแล้วเป็นทุกข์น้อยลง แต่ก็ยังทำใจให้ออกไปเรี่ยไรไม่ได้อีกเหมือนเคยครับ
  • กระผมคิดว่า ชีวิตในวันข้างหน้าคงมีเหตุการณ์อย่างนี้อีกหลายครั้ง จึงอยากจะขอความรู้ คำแนะนำ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่ถูกต้องต่อไปในการดำเนินชีวิตครับ
  • กราบขอบพระคุณครับ

 

(กราบ 3 ครั้ง)

ไม่มีรูปคนดิบ



ประเด็นนี้ น่าสนใจ เพราะพาดพิงคนทั่วไปในสังคม จะเขียนเรื่องนี้ตอนบ่ายๆ หรือค่ำๆ นี้แหละ..
สำหรับแนวทางปฏิบัติเบื้องต้นนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของคุณโยมเอง เพราะมีปัจจัยต้องวินิจฉัยเป็นกรณีไป เช่น ความเหลือเฟือหรือขาดแคลนในขณะนั้น ฏีกามาจากใครหรือที่ไหน และข้ออ้างตามใบฏีกา ฯลฯ
คุณโยมเจอหลายๆ ครั้ง ก็อาจกำหนดวิธีการตัดสินใจได้เอง...
เจริญพร

กราบนมัสการพระอาจารย์

  • ตามไปอ่านที่บันทึก นักเลงไม่กลัว กลัวใบฏีกา ที่ท่านให้คำแนะนำไว้แล้วครับ ตอนนี้เป็นทางออกเห็นทางสว่างแล้วครับ
  • กราบขอบพระคุณพระอาจารย์มากครับ

(กราบ 3 หน)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท