ต่างชาติทำนาไทย


มีคำถามในข่าวสาร ถึงคนไทยที่กล่าววิสัยทัศน์ ว่าจะชักจูงชักชวนนักลงทุน เพื่อลงทุนเช่าที่นาบนผืนแผ่นดินไทย แล้วให้ชาวนาไทยเป็นลูกจ้างในผืนนา จ่ายเงินเดือนจ้างผู้คนในแต่ละเดือน พร้อมประกาศประกันราคาข้าวไทย ด้วยวิสัยทัศน์ใดไม่ทราบได้ ในแต่ละความจริงของข่าวสาร ผมจึงมีคำถามและคำตอบส่วนตัว สำหรับมุมมองเรื่องนี้

ต่างชาติทำนาไทย

อ้างอิง - ภาพ http://www.oknation.net/blog/kokoyadi

ไม่รู้ว่า

เป็นเพราะบาปเคราะห์

หรือผลจากการกระทำใดใด

จึงทำให้ข่าวสารกลายเป็นหอกแหลม เพื่อทิ่มแทงใครต่อใครทางการเมือง หลังการพาคณะนักธุรกิจซาอุดิอารเบีย เยี่ยมเยือนแปลงนาหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ของคุณประภัตร โพธสุธน ในอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ของคุณทักษิณ ชินวัตร พร้อมข่าวสารว่า ต้องการชักจูงนักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนด้วยเหตุผล แบกรับต้นทุนความเสี่ยงทางธุรกิจ

โดยให้ชาวนาไทยเป็นลูกจ้างในแปลงนา

ให้นักธุรกิจต่างชาติประกันราคา

จ้างชาวนาต่อเดือน

และประกันราคาข้าวที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย แค่เพียงเท่านี้จริงจริงสำหรับข่าวสาร และการประกันวิสัยทัศน์ในโลกทุนนิยม บนผืนแผ่นดินไทย ที่คนไทยทุกคนรู้ดีและตระหนักดีว่า ประเทศชาติแผ่นดินนี้ สร้างขึ้นจากสงครามด้วยช้างม้าและไพร่พลทหาร พร้อมสร้างชาติด้วยควายและชาวนา กระทั่งเมื่อแผ่นดินวิกฤติคราใด ไร่นาคือหัวใจที่ชุบชูผู้คนบนผืนแผ่นดินไทย

ทำไมคนไทยไม่รู้

ว่าบนแผ่นดินทองผืนนี้

สร้างจากคุณค่าความมั่งคั่งใด

ทำไมคนไทยจะไม่เข้าใจ ในพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินนี้ ในท่ามกลางวิกฤติของบ้านเมืองทุกครั้งครา ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นลมวิบัติหรือวิกฤติครั้งใด ก็ไม่ได้ทำให้นาไทยแล้งร้าง จากความมั่งคั่งสมบูรณ์ที่หล่อเลี้ยงคนไทย

สำหรับความคิดหลังได้ยินข่าวสาร

ผมเริ่มไม่มั่นใจพร้อมไตร่ตรอง

เพราะเหตุที่ไม่ได้ฟังกับหู

ว่าความคิดและวิสัยทัศน์ข้อนี้ หลุดจากปากคำของ คุณทักษิณ ชินวัตร จริงหรือไม่ เพียงแต่เชื่อได้ว่า คุณทักษิณ ชินวัตร พาคณะนักธุรกิจไปเยี่ยมเยือนควาย ทักทายคุณประภัตร โพธสุธน และชมแปลงนา ชมการสาธิตปลูกข้าวที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสุพรรณบุรีจริง ผมรับรู้เพียงนั้น

พร้อมเนื้อข่าว

ว่านักธุรกิจซาอุดิอารเบีย

สนใจข้าวไทยอย่างมากจนต้องซื้อกลับ

ไม่นับกับความจริงในคำกล่าว ถึงวิสัยทัศน์ทางธุรกิจในโลกสมัยใหม่ ซึ่งมักมีผู้อ้างความเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ โลกาภิวัฒน์ที่หมุนแรงในแต่ละวันคืน ว่าประเทศไทย ต้องพร้อมรับต่อความเปลี่ยนแปลงใหม่ ว่าเมืองไทยต้องยอมรับต่อทุน เทคโนโลยี และความรู้ต่างชาติ

เหมือนครั้งนี้ที่อาจมีผู้ยกเหตุผลอ้างอิง

ว่านักลงทุนต่างชาติทั้งหลายนั้น

อาจนำเงินทุน

องค์ความรู้ และเทคโนโลยีในการปลูกข้าว เพื่อมาสนับสนุนหรือสอนสั่งให้ชาวนาไทยปลูกข้าวได้ดี และวัฒนาถาวรได้ระดับโลก ซึ่งหากใครสักคนมากล่าวความข้อนี้ หรือกระซิบข้างหูให้ผมได้ยิน ผมจะพูดกับเขาตรงตรง ด้วยเหตุผลแบบชาวนาไทย ว่าให้หันมองทุยที่อยู่กลางนา

แล้วถามตัวเองว่า

เกิดเป็นคนไทยบนแผ่นดินนี้

หรือยืนอยู่บนแผ่นดินถิ่นนี้จริงหรือ

สำหรับความจริงที่คนไทยแต่เล็กแต่น้อย ตั้งแต่เกิดมาที่รู้จักความเป็นข้าวไทย กินข้าวเป็น เคี้ยวข้าวถูก และรับรู้เสมอว่าแผ่นดินนี้ไม่เคยขาดแคลนข้าว และไทยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก เลี้ยงประชากรทั่วโลกด้วยข้าวไทย ด้วยความจริงที่แผ่นดินนี้ไม่เคยขาดแคลนข้าว ไม่ว่าจะประสบวิกฤติในครั้งคราใดก็ตามแต่ เราไม่เคยขาดข้าว

 

 

หรือกระทั่งที่คนไทยภาคภูมิใจ

ในความเป็นข้าวไทย

ว่าดีที่สุดในโลก

และมีความจริงที่ซ่อนอยู่ในเมล็ดพันธุ์ข้าวไทย จีโนมข้าว และพันธุวิศวกรรมข้าวไทย ที่มีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และคนไทยที่ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ ได้ประกาศความจริงว่า ไม่เคยเป็นที่สองรองใครในโลกนี้ ความข้อนี้และองค์ความรู้เรื่องนี้ ไม่เคยเป็นสิ่งที่ปิดลับอำพราง

ไม่ว่าใคร

จะอธิบายถึงข่าวนี้

ว่าเป็นเกมการเมืองอย่างไร

แต่หาก คุณทักษิณ ชินวัตร แสดงวิสัยทัศน์ และอธิบายความรู้ความเข้าใจ ด้วยเหตุผลในการสนับสนุนชักจูงนักลงทุนต่างชาติ เพื่ออ้างว่ามาเช่าที่ชาวนาไทย และช่วงใช้ชาวนาไทย ให้เป็นขี้ข้าลูกจ้างเพื่อทำนาบนแผ่นดินไทย แล้วอ้างว่าจะเกิดความเจริญรุ่งเรืองในราคาเงินได้

ผมจะถือว่าคนที่พูดคำกล่าวเช่นนี้

กำลังสร้างความชิบหาย

ให้กับบ้านเมือง

ไม่ว่าจะเป็นเกมการเมืองใดใด วันนี้ คุณสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พูดประโยคที่ยิ่งใหญ่งดงามมาก แม้ว่าจะเป็นดาบหอกทางการเมืองใด ผมก็ไม่สนใจ เมื่อผมได้ยินนักการเมืองท่านนี้ ประกาศว่าไม่มีวันยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

เพราะคำกล่าว

ที่ประกาศถึงข้าวไทย

ว่าเป็นทรัพย์สมบัติยิ่งใหญ่ของชาติ

และเป็นหัวใจของความเป็นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำตอบในข้อกฎหมาย ที่ยืนยันว่า การทำนาเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะในกรณีใดใด ในเกมการเมืองระหว่าง คุณประภัตร โพธสุธน ที่ปรารถนาจะเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ไม่ได้เป็น

หรือวิสัยทัศน์ทางการเมืองอันยิ่งใหญ่

รุ่งเรืองกว้างไกลสุดขอบฟ้า

ของ คุณทักษิณ ชินวัตร

กระทั่งความพยายามไม่ตกข่าวสารในบ้านเมืองไทย หรือกระทั่งแรงตอบโต้ของคุณสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่อาศัยลมทางการเมือง ตอบโต้และตีกันตำแหน่งของตนในคณะรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเกมอะไรก็ตาม ผมไม่ค่อยสนอกสนใจ เท่ากับความจริงเบี้องหลังข่าวสารเหล่านี้

ว่าสุดท้าย

ข้าวไทยต้องไม่เป็นของใคร

ไม่มีใครจะมาเป็นเจ้าเข้าครองนาไทยได้

เพราะผมถือว่าใครที่เที่ยวยกนาไทย ให้ใครต่อใคร

เท่ากับเป็นการขายชาติ ครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 184107เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2008 14:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีคะ คุณ Kati

อ่านบันทึกนี้แล้ว สะท้อนจิตใจ ความเป็นชาวไทย และรากแห่งความเป็นไทย

ผืนดินของเรา อาชีพที่เป็นรากเง้าของความเป็นไทย

ดิฉันแวะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กับข้าว และชาวนาไทย

ยังมีอีกหลายท่าน ที่เห็นถึงความสำคัญในอาชีพชาวนาไทยคะ

สวัสดีครับ

ฤานี่ คือ การสิ้นเอกราชอธิปไตย อย่างแท้จริง

ด้วยความเคารพรัก

สวัสดีครับ คุณมะปรางเปรี้ยว

เป็นหนึ่งในข่าวสาร

ที่ทำให้วันนี้ ผมมีคำถามในใจอย่างมากครับ ว่าคนที่กล้าพูดประโยคเช่นนี้ คิดได้อย่างไรสำหรับสิ่งที่เรียกว่า ข้าวไทย ชาวนาไทย และทุ่งนาของเรา บนผืนแผ่นดินไทยของเรา ที่รับรู้อยู่ทุกคน ว่าข้าวคือสายเลือดของคนไทย

คิดไปคิดมา

ก็พาลให้หงุดหงิดใจครับ สำหรับสิ่งที่กำลังบ่อนทำลายรากฐานของประเทศชาติบ้านเมืองเช่นนี้ ในท่ามกลางความจริง ที่ทรัพยากรธรรมชาติอย่างอื่น เช่นน้ำมันที่กินไม่ได้ แต่หมุนเศรษฐกิจได้ กลายเป็นข้ออ้างใหญ่ จนใหญ่กว่าข้าวที่เราคนไทยกิน ด้วยอาการไม่อดตาย ด้วยภาวะไม่อดอยาก

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลที่ฝากมาให้ มีประโยชน์อย่างยิ่งครับ

สวัสดีครับ คุณกิตติพงศ์

เป็นหนึ่งคำถามที่เกิดขึ้นในใจ

เป็นคำถามวันนี้ของชีวิต ที่ทำให้ต้องคิดทบทวน กับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่กำลังสร้างปัญหาให้กับสังคมไทย และคนไทยครับ จึงเพียงแต่ถามตัวเอง และนำมาแบ่งปันให้ช่วยกันถกเถียงครับ

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับคุณKati

          ใครน่ะ ?..ที่ยื่นยาพิษให้ชาวนา ตัวเราแม้ข้าวหนึ่งเม็ดที่ติดจานเราก็ไม่เหลือไว้...จนโกรธกับเพื่อนที่มันเห็นแล้วสำรากว่า" กินเกลี้ยงยิ่งกว่าหมาเลีย "...หุหุหุ

                               โชคดีครับ

สวัสดีครับ คุณนายช่างใหญ่

ผมยังไม่แน่ใจเช่นกันครับ

สำหรับมุมมองความคิด ของผู้ที่กล้ากล่าววิสัยทัศน์เช่นนี้ ต่อชาวนาไทย ต่อผืนนา ผืนดิน และข้าวไทย สิ่งอันสำคัญศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้ ยิ่งรับรู้ยิ่งไม่เข้าใจจิตเจตนาของผู้พูดผู้กล่าว ว่ากล้าหาญชาญชัยเพียงใด หรือประมวลความคิด จนส่งผ่านปัญญามาสู่คำพูดคำจาเช่นนี้ได้ ไม่เข้าใจจริงจริงครับ

จึงได้เพียงเขียนอธิบายความอึดอัดใจครับ

ขอบคุณมากครับ

... ตอนนี้พิรุณกระหน่ำ ปานปริ่มจะขาดใจ  ..

... ปู เฮ้อ ....  มีเรื่องดีๆ ทั้งน้านนน ไม่รู้ใช้อะไรคิด

... ไม่เข้าใจว่าทำไม คนประเภทนี้ยัง ลอยนวล อยู่ได้อย่าง

หน้าตาเฉย ... ไม่มี หิริโอตัปปะ ... เฮ้อ ... ไม่เข้าใจ ว่า

ยังไม่สำนึกผิดอีกหรือ ... โอ ... 

... แม้แต่ ตาสี ตาสา ยายมา เขายังมีศักดิ์ศรี นี่อะไรกัน..

... เฮ้อ ... สาธุ ขอให้ใครที่คิดไม่ดีเช่นนี้ จง ...

เฮ้อ ..  

... *

... เป็นไปได้ไหมค่ะ หากทางหน่วยงานนั้น ยื่นระงับไม่ตกลง

* เสนอเรื่อง ลงชื่อคัดค้าน ...

* ใช้พลังมวลชน ต่อสู้ โดยชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

ต้องเป็นตัวประสาน เป็นผู้นำ สำหรับเรื่องนี้  ...

* สงสารพ่อหลวง ท่าน ฯ  ....  เฮ้อ  ...

* คิดว่า น่าจะแก้ทันเวลานะคะ ... ขอให้อย่าเป็นเรื่องจริงเลยค่ะ

 

สวัสดีครับ

แวะมาอ่านครับ คิดไม่ออก

เห็นเหมือนทุกๆ ท่านนะครับ

"เหนื่อย" ดีนะครับ

เช้าวันนี้ พูดคุยกับพี่ชายจากเมืองเหนือประเด็นเดียวกัน สรุปได้เหมือนกับที่พี่ Kati ได้ร้อยเรียงในบันทึกนี้

-----------------------------------------------------

ผมมักจะแอบไปเดิน แถว "สวนเงินมีมา" และแถบนั้น มีความหวังว่า อาจสวนทางกับพี่ kati บ้าง

หากผมหลงทางไป ...พี่ช่วยทักผมด้วยนะครับ

 

สวัสดีค่ะ

- สนับสนุนความคิดท่าน Katiค่ะ

- ไม่ทราบทักษิณใช้สมองส่วนไหนคิด แต่ละเรื่องช่างคิดได้ใจร้ายกับชาติไทยจริงๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับในสายตาผม พวกเราต้องช่วยกันครับ

คิดได้แต่เรื่องกอบโกยผลประโยชน์  

การหวงแหนสมบัติของแผ่นดิน  เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรทำอย่างยิ่ง 

เห็นด้วยกับ  คุณ Kati  ไม่มีใครจะมาเป็นเจ้าเข้าครองนาไทยได้

ลองคิดดูก็แล้วกัน..

  • ประเทศที่ปลูกข้าวเลี้ยงประชากรโลกคือ ไทย เวียดนาม อินเดีย จีน สหรัฐ ประเทศที่ส่งออกมากที่สุดคือ ไทย เวียดนาม ซึ่งจีนขณะนี้ประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติ....
  • ลองคิดกันดู พื้นนาของประเทศไทยก็เหมือนขุมทรัพย์ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราให้ต่างชาติมาทำนาไทย กอบโกยข้าวไทย....
  • ผมเห็นด้วยเราต้องช่วยกันหวงแหนสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งบรรพบุรุษชาวนาไทยของเราได้ช่วยกันผลิตข้าวเลี้ยงประชากรโลกมานานแสนนาน....

 

ผมทราบข่าวเรื่องนี้แล้ว หนักใจจริง ๆ

อยากจะใช้ประโยคที่ครูเคยพูดกับนักเรียนออกจะบ่อยตอนผมเรียนม.ปลายว่า  "หนักใจแทนผู้ปกครองจริง ๆ ประเทศไทย"

  ก่อนหน้านี้เขาเคยขายหุ้น มาวันนี้ กับการกระทำอย่างนี้เราน่าจะเรียกว่าอะไรดีครับ พี่น้องครับ......ช่วยกันคิดหน่อย

 ทำไงจึงจะหยุดพวกเขาได้ครับ ?

 

ผีดิบที่ลุกขึ้นมาสูบเลือดเนื้อชาวนาไทยกินเป็นอาหาร

ระพี สาคริก

เธอที่รักทุกคน บัดนี้ฉันมีอายุเกือบ ๙๐ ปีแล้ว หวนกลับไปนึกถึงสมัยที่ยังเป็นเด็ก ฉันได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” ซึ่งมีผีดิบลุกขึ้นมาทำร้ายผู้คน ช่วงนั้นฉันก็ยังไม่เชื่อว่าผีดิบมันมีอยู่จริง

มาถึงบัดนี้ ประสบการณ์ชีวิตได้บอกให้รู้ว่า “ผีดิบนั้นแท้จริงแล้วก็คือคนธรรมดานี่เอง แต่สวมวิญญาณการสูบเลือดเนื้อประชาชนกินเป็นอาหารอย่างไม่บันยะบันยัง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูบเลือดเนื้อชาวนา ซึ่งโบราณได้กล่าวไว้ว่า “ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ”

ประเด็นนี้ฉันไม่ได้มองที่ตัวบุคคล แต่ใครก็ตามที่มีลักษณะและสภาพทางจิตใจดังกล่าว เราก็อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่สวมวิญญาณผีดิบ

ถ้าจะว่าบุคคลลักษณะนี้มีความคิดอย่างไร ถึงได้ปรากฏออกมาเป็นแบบนี้ หากจะวิเคราะห์เจาะลึกให้ถึงรากฐานจิตใจแล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่า เป็นคนโลภโมโทสัน จนกระทั่งขาดสติสัมปชัญญะ หรืออย่างคนโบราณเขาพูดว่า “เป็นคนหน้ามืดตามัว” จนกระทั่งไม่รู้ว่า เหตุผลในการดำเนินชีวิตนั้นมันอยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงไม่สวมวิญญาณผีดิบได้ลงคอ

บุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว มักเป็นคนที่ขาดจิตสำนึกถึงความสำคัญของแผ่นดินถิ่นเกิด ซึ่งตนควรจะสนองพระคุณด้วยชีวิตที่ให้ความรักความซื่อสัตย์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกษตร ไม่ใช่เป็นเพียงอาชีพของคนท้องถิ่นเท่านั่นแต่ยังเป็นวัฒนธรรมซึ่งทุกคนควรหวงแหนเอาไว้ เสมือนเป็นชาติกำเนิดของเราเอง จากเหตุดังกล่าว ถ้าใครคิดนำเอาการเกษตรไปมอบให้แก่ชนชาติอื่น ก็สมควรแล้วที่จะถูกประณามว่า “เป็นคนทรยศต่อชาติกำเนิดของตัวเองอย่างน่าอับอายที่สุด”

แม้ข้าวก็เช่นกัน เพราะเมืองไทยหาใช่มีข้าวเป็นพืชผลเกษตรเท่านั้น หากยังเป็นพืชทางวัฒนธรรม และเป็นจารีตประเพณีสืบทอดกันมานับร้อยปีพันปีก็ไม่น่าจะผิด ดังนั้นความรักในท้องนาของคนไทย จึงควรอยู่ในจิตใจของคนไทยทุกคนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถ้าคนไทยคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ได้ทำร้ายจิตวิญญาณการทำนา “ก็ย่อมเท่ากับทรยศต่อแผ่นดินถิ่นเกิดของตัวเอง”

ฉันนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อคืนนี้ฉันฝันเห็นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้ชาติบ้านเมือง เพื่อเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้อยู่อย่างภาคภูมิใจ

ฉันตกใจตื่นขึ้นมา แล้วนึกถึงความฝัน ฉันจึงนั่งน้ำตาไหล นึกถึงเมื่อประมาณ ๒-๓ ปีมาแล้ว ตัวเองได้เดินทางผ่านจังหวัดพิษณุโลก ขึ้นไปถึงเชียงใหม่

เป้าหมายที่วางไว้คือเวียงแหง ซึ่งเป็นจุดประวัติศาสตร์ ซึ่งจะต้องเดินทางผ่านดอยเชียงดาว แล้วขึ้นภูเขาไปอีกร่วม ๘๐ กิโลเมตร ฉันขึ้นไปดูแล้วรู้สึกรำลึกถึงท่านอย่างสุดหัวใจ

ฉันได้เห็นที่ประทับแรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทยพม่า หลังที่พักดังกล่าว มีที่นอนของแม่ทัพจากกรุงศรีอยุธยา กับมีที่นอนของแม่ทัพไทยใหญ่อยู่อีกด้านหนึ่ง

จากบันทึกประวัติศาสตร์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่พระองค์ท่านยาตราทัพมีรี้พลประมาณหนึ่งแสนคน แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วมีทัพไทยใหญ่เข้ามาร่วมด้วย รวมเป็นรี้พลประมาณสองแสนคน

ฉันพยายามค้นหาความจริงว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ “ศรัทธาบารมี” แต่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยนิยมอำนาจและเงินตรา จนกระทั่งอาจกล่าวได้ว่า เงินซื้อวิญญาณความเป็นคนของคนไทยส่วนใหญ่ได้ไม่ยาก เพราะคนเดี๋ยวนี้แทบจะไม่รู้จักว่า ศรัทธาบารมีนั้นคืออะไร

การยกทัพของคนไทยในสมัยโบราณ จะส่งหน่วยเกษตรออกไปทำนาล่วงหน้า เพิ่อปลูกข้าวรอเอาไว้ สมกับภาษิตโบราณที่ว่า “กองทัพเดินด้วยท้อง”

แต่การที่มีข่าวมาว่า จะมีคนไทยแต่ใจเป็นทาส นำนายทุนต่างชาติเข้ามาทำนาในเมืองไทยนั้น จากสัจธรรมดังกล่าวน่าจะหมายความว่า “คนกลุ่มนี้กำลังคิดที่จะเข้ามายึดเมืองไทยเป็นเมืองขึ้น”

มีการปฏิเสธว่าการที่นำคนนายทุนชาติเข้ามาปลูกข้าวในเมืองไทยนั้นไม่เป็นจริง แต่ต้องการเทคโนโลยีจากเขา

ถ้ายังจำได้ว่าเมื่อประมาณห้าหกปีมาแล้ว มีผู้บริหารประเทศคนหนึ่ง ซึ่งต้องการขายที่ดินของตัวเองโดยนำเอาไต้หวันเข้ามาปลูกกล้วยไม้ในเมืองไทย เขาก็ได้ให้เหตุผลแบบนี้

จนฉันต้องอธิบายว่าเทคโนโลยีของแต่ละประเทศนั้นควรเป็นของตัวเอง ถ้าเมื่อไหร่คิดนำเอาเทคโนโลยีจากที่อื่นมาใช้บนพื้นฐานวัฒนธรรมของตน ก็เท่ากับนำชาติบ้านเมืองไปมอบให้กับเขาในที่สุด

อันที่จริงพื้นฐานการเกษตรของเราดีอยู่แล้ว สามารถก้าวไกลได้ทั่วโลก ถ้าเทคโนโลยีการเกษตรของเราไม่เหมาะสมแล้ว ทำไมคนโบราณจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานให้เติบโตขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ ส่วนคนที่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก หลังจากกลับมาแล้วส่วนใหญ่ คิดอะไรก็มักเอาผลประโยชน์ของบ้านเมือง ไปมอบให้กับต่างชาติเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วการจัดการศึกษาทางเลือกก็คงไม่เกิดขึ้น

ดังนั้น ใครที่พูดถึงบุญคุณคนในอดีตแล้ว ย่อมทำให้รู้ว่า “ไฮเทคไม่ช่วยให้คนในชาติอยู่รอด แต่ทำให้ตกเป็นทาสชาติอื่นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า” แม้จะแก้ตัวยังไงมันก็ไม่หลุดจากเงื่อนปมที่คนรู้ทัน เพราะฉะนั้นโปรดอย่าดูถูกว่า คนอื่นเขาโง่กว่าตัว อย่างที่โบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า “ยิ่งพูดไป มันก็ยิ่งเข้าตัวเองไปเรื่อยๆ”

เหตุการณ์ที่ผู้บริหารประเทศคนหนึ่งต้องการขายที่ของตัวเอง แล้วไปชวนไต้หวันเขามาปลูกกล้วยไม้นั้น มันยังคงอยู่ในความทรงจำของคนอย่างฉัน และใครต่อใครอีกหลายคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นพัฒนาบ้านเมืองอย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้นการนำเอาต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปลูกข้าวของคนไทย ไม่ว่าจะมาลงทุนทำนา หรือมาศึกษาหาความรู้ก็แล้วแต่ จริงๆ แล้วก็คือ “การชักศึกเข้าบ้าน”

ฉันนึกถึงสมัยที่กรุงศรีอยุธยากำลงใกล้จะแตก เป็นเพราะพระยาจักรีมีพฤติกรรมชักศึกเข้าบ้าน โดยที่คิดว่าตัวเองจะได้รับผลประโยชน์

แต่แท้จริงแล้วถ้ามองในมุมกลับ “ข้าศึกเข้ามาก็ไม่ใช่ว่าเขาโง่ หลังจากคนๆ นี้ทรยศต่อแผ่นดินถิ่นเกิดของตัวเอง ก็ย่อมไม่ปล่อยเอาไว้ จึงจับฆ่าในที่สุด”

ความจริงเราก็มีอุทาหรณ์เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว แต่คนโลภโมโทสัน มักมีปัญญามืดบอด จนกระทั่งไม่สามารถมองเห็นภัยที่จะมาถึงตัวในภายหลัง

ฉันคงไม่ต้องแช่งชักหักกระดูกคนประเภทนี้ เพราะยังไงๆ ในที่สุดบาปกรรมก็ย่อมลงโทษตัวเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงพ้น

ฉันพูดมาแล้วว่าฉันไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล หากใครก็ตามมีนิสัยแบบนี้ก็ย่อมได้รับกรรมตามสนองอย่างเป็นธรรมชาติ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท