ครั้งแรกผมคิดจะรายงานการศึกษา คัมภีร์โพสะราดและสังคะปะกอน ไปตามลำดับหน้า แต่รู้สึกจะไปช้าและยังอยู่ในขั้นแจกแจงลักษณะอุทธรณ์ต่าง ๆ เท่านั้น และเนื้อหารู้สึกว่าค่อนข้างยาก ดังนั้นผมจึงขอเลือกบทที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย และน่าสนใจเป็นเรื่อง ๆ ไป วันนี้ขอเสนอตอนว่าด้วย "เมีย 12 จำพวก" ครับ
ความว่า..จักจาห้องเมีย 12 จำพวกก่อนแล นักปาดเจ้าเพิงฮู้ดั่งนี้เทิ้น : เมียจำพวกหนึ่งผัวแต่งเมียแปง, เมียจำพวก 2 ท้าวพะยามะหากะสัดปงให้เป็นเมียแล, เมียจำพวก 3 ไถ่เอาคนเขามาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 4 นั้น เขาซูกันมีลูก ตัวไปค้ำเอาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 5 นั้น เลี้ยงเด็กน้อยเอามาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 6 นั้น ไปหาเพิ่นแล้ว เพิ่นบ่ให้ตัว จึ่งไปซูเอามาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 7 นั้น แตกเศิกไปสู่ขวัญเอากันกลางป่าแล, เมียจำพวก 8 นั้น สาวมาซูเอากับเฮือนเอาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 9 นั้น เขาเป็นพะยาดบาดมะเฮ็งบ่มีเงินตั้งคาย ตัวจึงไปปัวเอาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 10 นั้น เขาอึดยากเข้าตัวจึงไปเอาเขานำไปเลี้ยง เอาเป็นเมียแล
เมียจำพวก 11 นั้น ขันกินขันพันเอาเป็นเมียแล, เมียจำพวก 12 นั้น ตัวไปลักเอาลูกเขาเมียเขาแล้วผัวเขานำมา ตัวข้าผัวเขาเสียเอามาเป็นเมียตัวแล.. เหล่านี้แม่นเมีย 12 จำพวกแล..
อธิบายความเมีย 12 จำพวก ดังนี้ครับ
จักจาห้องเมีย 12 จำพวกก่อนแล นักปราชญ์เจ้าพึงรู้ดั่งนี้เทอญ : (จา : พูด เจรจา, ห้อง : บท ตอน ห้วง)
1. เมียจำพวกหนึ่งผัวแต่งเมียแปลง : ผัวเมียสู่ขออย่างถูกต้อง (ผัวแต่งเมียแปลง : ผัวเมียที่สู่ขอโดยถูกต้อง, อีสาน/ลาว เรียก แต่งแปลง)
2. เมียจำพวก 2 ท้าวพญามหากษัตริย์ปงให้เป็นเมียแล : ท้าวพญา/ขุนนางยกให้ หรือพระมหากษัตริย์พระราชทานเป็นรางวัลความชอบ (ปง : วางไว้ ในที่นี้คือท้าวพญามอบให้, เจ้าอยู่หัวพระราชทาน)
3. เมียจำพวก 3 ไถ่เอาคนเขามาเป็นเมียแล : ไถ่/ซื้อนางทาสจากมูลนายมาเป็นภรรยา
4. เมียจำพวก 4 นั้น เขาซูกันมีลูก ตัวไปค้ำเอาเป็นเมียแล : หญิงลักลอบมีสัมพันธ์กับคนอื่นมีลูก ตนเองไปรับรองว่าเป็นพ่อแล้วรับเอาหญิงนั้นมาเป็นภรรยา (ยินดีรับเดน.. การ "ซูกัน" ในข้อนี้เป็นการลักลอบแบบไม่มีการรับผิดชอบ)
5. เมียจำพวก 5 นั้น เลี้ยงเด็กน้อยเอามาเป็นเมียแล : เลี้ยง (ต้อย) เด็กหญิง แล้วนำมาเป็นภรรยา
6. เมียจำพวก 6 นั้น ไปหาเพิ่นแล้ว เพิ่นบ่ให้ตัว จึ่งไปซูเอามาเป็นเมียแล : ไปสู่ขอแล้วเพิ่น (พ่อแม่ฝ่ายสาว) ไม่รับ จึงลักลอบเข้าหาสาวหรือหนีตามกันไปเป็นผัวเมีย : (หา : สู่ขอ, ภาษาพาม่วน 2 “คนซูกัน” เมื่อใจตรงกันก็ ซูกันเสียเลย )
7. เมียจำพวก 7 นั้น แตกศึกไปสู่ขวัญเอากันกลางป่าแล : เกิดศึกสงครามแตกบ้าน ตกเป็นเชลยสาว หรือพ่อแม่ตายในสงคราม ถูกกวาดต้อน ไปพบรักกับทหารที่ควบคุมตัว จึงตกลงใจเป็นผัวเมีย มีการสู่ขวัญแต่งงานกันกลางป่า.. (เศิก : ศึก สงคราม, เอากัน : แต่งงาน (คำสุภาพ อีสาน/ลาว พูดกันปกติ)
8. เมียจำพวก 8 นั้น สาวมาซูเอากับเฮือนเอาเป็นเมียแล : สาวมาหา(ซู) มาอยู่กินด้วยที่บ้าน เลยเอาเป็นเมีย (ซู : หญิงหรือชาย ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเข้าหากันก่อน ก็เรียกว่า ซู ได้ทั้งนั้น)
9. เมียจำพวก 9 นั้น เขาเป็นพยาธิบาดมะเฮ็งบ่มีเงินตั้งคาย ตัวจึงไปปัวเอาเป็นเมียแล : สาวป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ยากจนไม่มีเงินค่ารักษา หนุ่มจึง(พา)ไปรักษา(หาย)แล้วเอาเป็นเมีย (พะยาด : โรคภัย ป่วยไข้ทุกอย่าง เรียกแบบลาว/อีสาน รวม ๆ ว่า เป็นพะยาด พยาธิ, บาดมะเฮ็ง : บาด(แผล) มะเร็ง, คาย : ค่ายกครู ค่ารักษา ค่าทำพิธีของหมอต่าง ๆเช่น หมอยา, หมอธรรม (หมอไสยศาสตร์ หมอผี), ปัว : รักษา)
10. เมียจำพวก 10 นั้น เขาอึดยากเข้าตัวจึงไปเอาเขานำไปเลี้ยง เอาเป็นเมียแล : ฝ่ายสาวลำบาก อดอยากข้าวจึงไปเอาเขามาเลี้ยงเป็นเมีย (อึดยากเข้า : อดอยากข้าว)
11. เมียจำพวก 11 นั้น ขันกินขันพันเอาเป็นเมียแล : (ข้อนี้อ่านง่าย แต่เข้าใจยาก รอความเห็นท่านผู้มาเยี่ยมช่วยตีความครับ)
12. เมียจำพวก 12 นั้น ตัวไปลักเอาลูกเขาเมียเขาแล้วผัวเขานำมา ตัวข้าผัวเขาเสียเอามาเป็นเมียตัวแล : ตัวไปลักเอาลูกเขาเมียเขาแล้วผัวเขานำมา ตัวฆ่าผัวเขาเสียเอามาเป็นเมียตัวแล/ ไปฉุดลูกเมียเขามาทำมิดีมิร้าย พอผัวเขาตามมาก็ฆ่าผัวเขา (นำมา : ตามมา ดูภาษาพาม่วน 1 นำ ที่แปลว่า ตาม )
เมียทั้ง 12 จำพวกที่อ่านมานี้ นับว่าได้ชี้ให้เราเห็นถึงสภาพทางสังคมโบราณได้ชัดเจน ไม่ว่าผัวเมียแต่งกันถูกต้อง เมียจากทาส จากสงคราม จากการลักลอบกันเอง จากการฉุดคร่า จากความยากจนไม่มีเงินรักษาแล้วมีชายใจดีรักจริงเข้ามารับรักษาดูแล หญิงมีท้องพบชายใจดีรับเลี้ยงดูเป็นพ่อเด็ก แต่งงานเพราะไม่มีข้าวกินหาชายมาเลี้ยงดู ถูกเลี้ยง(ต้อย)มาให้เป็นเมียเด็ก เป็นต้น...
หัวอกลูกผู้หญิงสมัยโบราณที่ศึกษาพบจาก คัมภีร์"โพสะราดและสังคะปะกอน" (น.23-24) ครั้งนี้ช่างน่าเห็นอกเห็นใจเสียนี่กระไรครับ.
สวัสดีครับครูชาครับ
อยู่เมืองหงสาตอนนี้เกรงว่าจะได้เมียประเภทที่แปดอยู่ครับ
รออ่านบทลงโทษคนมีกิ๊กกับม้าวัวควายนอยู่ครับ
ผมไม่ได้ติดหนังสือเล่มนี้มาเลยไม่ได้เปิดอ่าน
มีตำราเมืองหงสาเขียนเป็นลายมือคนแก่อยู่ครับ มีโอกาสจะส่งไปฝาก
สตรีชาวบ้านโบราณ ลำบากไม่น้อยนะคะ การข่มเหงรังแกสตรีก็มีให้เห็นในบทนี้เช่นกัน
สวัสดีค่ะคุณครูชา
เบิร์ดพยายามออกเสียงตามอยู่นานมากเลยค่ะ แม้จะเคยอยู่ยโสธรมา 6 ปี แต่พอมาเจออีสานแท้เข้าก็ตาปริบๆเหมือนกัน แหะ แหะ
ข้อ 11. เบิร์ดรอผู้รู้อยู่เหมือนกันค่ะ เพราะอ่านแล้วตีความไม่ออกว่าหมายถึงเมียแบบไหน..ฮื่อ.. ชักสงสัยไม่มีเกี่ยวกับสามี บ้างเหรอคะคุณครู ^ ^
ผู้หญิงสมัยก่อนเค้าออกเรือนเร็วนะคะ ..และคำกล่าวทั้ง 12 ข้อนี้ทำให้เบิร์ดนึกถึงคำกล่าวว่า " สามีีเหมือนฉัตรกั้นเกศ งามหน้างามเนตรทุกเวลา "...เป็นเพราะความเชื่อว่าหญิงดีต้องมีสามีด้วยหรือเปล่าคะทำให้ผู้หญิงสมัยก่อนคิดออกเรือนเมื่อถึงอายุที่สมควร?
ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับภาษาน่าสนุกและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ ^ ^