ตัวแปรของความรัก


ยากจนก็อยู่ลำบาก มีโรคมากก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ไกลกันก็เหงา โง่เขลาก็ไม่อาจสร้างฐานะหลักฐาน แก่เกิดนานก็ทำอะไรไม่ไหวแล้วใครจะทนอยู่เป็นคู่ชีวิต

 

                 ความรักนั้นมีม่านบังตาเป็นตัวแปรเยอะ? ในวัยเรียนเราฝันอยากมีคู่ชีวิตที่หน้าตาดูดี มีฐานะ แต่งงานแล้วจะสร้างบ้านทำกิจการเสริมอาชีพที่ทำประจำ เราสองคนและลูกเราจะมีเงินใช้มีความสุข วันหยุดได้ไปพักผ่อน ถ่ายภาพแอ๊คชั่น หลายจินตนาการที่คิดไว้ในวัยศึกษา ในรั้วมหาวิทยาลัยที่มันไม่ใช้สรวงสวรรค์เหมือนกับที่หลายคนคิด  
                 เมื่อจบการศึกษา หลายคู่ที่แต่งงานไป มีงานทำตามสาขาที่เรียน เราก็นึกแอบปลื้มว่าเขาช่างโชคดีได้คนหน้าตาดีมีฐานะ เวลาสิบปีกว่าปีที่เป็นวัยทำงาน เราชักเริ่มเห็นโทรศัพท์เพื่อนๆที่เคยเล่าคำหวานมาเล่าความไม่ดีของคนในครอบครัว ตำหนิกันและกันให้เพื่อนฟัง โตขึ้นเรามองอะไรกว้างขึ้นหรือว่ามันชาชินชีวิตเดิมๆ แล้วอยากมีสิ่งอื่นเหมือนเปลี่ยนรถใหม่ อยากเลิกกับแฟนคนเดิม อยากเติมคนรักคนใหม่เข้ามา จงอย่าเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ดีหรืออย่าเสียเวลากับเหตุการณ์ที่ไม่ดี จงอยู่อย่างคนมีเป้าหมายชีวิตที่ดี
                ทุกวันนี้คนเราเลิกกันหรือแยกทางกันได้ง่ายกว่าปลอกกล้วยสุกทั้งที่แต่ก่อนบอกว่ารักกันมาก เราไม่ค่อยแคร์กัน  คนรุ่นพ่อแม่เราเวลาโกรธกันจะมีน้ำอดน้ำทน หนักช่วยกันหาบหยาบช่วยกันดึง ยามไม่เข้าใจกันจะบ่นนิดหนึ่งหรือบ่นพอสมควรแล้วก็อภัยกัน คิดเรื่องดีๆต่อกันในวันที่ยังไม่โกรธแล้วก็ดีกัน เอาสติปัญญาหัวใจมาคิดทำงานที่มีเพื่อสร้างฐานะต่อไป
               ปัจจุบันเราเป็นอะไรไปพวกเราทำไมถึงอ่อนแอจัง เมื่ออะไรไม่ได้ดังใจ เมื่อมันไม่ลงตัวตามที่คิดไว้ เมื่ออะไรไม่ได้ดังที่ใจอยากได้ คำพูดหรือการกระทำพฤติกรรมของคู่ชีวิตมันไม่เป็นดังที่เราอยากให้เป็น เรียกว่าเมื่อคนรักทำผิดสเปกส์นิดๆหน่อยๆ เราก็ตำหนิอีกฝ่ายหรือบางคนอยากเปลี่ยนคู่ชีวิต....
               เราก็ดีเขาก็ดี ทุกคนคือสิ่งมีชีวิตที่เขาเรียกว่าคน มีลมหายใจเข้าออก การกระทำอาจมีทั้งทางบวกและทางลบ ดีบ้างเลวบ้างสลับกัน รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรรู้จักคนเข้าใจคนคงดีกว่าบังคับคนให้เป็นทาสอารมณ์ อย่าบีบคั้นคนที่เรารักมากเกินไป
               รักจินตนาการเราอยากให้คนที่เรารักเอาใจใส่ดูแลเราเต็มที่ แสดงความอ่อนโยนกับเรา เป็นห่วงเป็นไยเรา(แม้ในยามหลับเหมือนในละครที่แฟนต้องห่มผ้าให้) พูดจาสนุกสนานกับเราเพื่อจะได้ไม่เหงา ทำอะไรได้ทุกอย่าง เป็นอะไรตามที่เราอายากให้เป็น แต่ความเป็นจริงคนก็คือคน คนมีความสามารถไม่เท่ากัน ดีไม่เท่ากัน ดังนั้นคิดจะรักใครเอาแค่คิดว่า "เขาก็มีส่วนดีอยู่บ้าง ร้ายบ้างเป็นธรรมดา I am ok. You are ok.(คนทุกคนเป็นคนดี ) ยังเป็นมุมมองชีวิตที่ใช้ได้อยู่เป็นอย่างดี
               ตัวแปรของความรักที่เป็นอัปรัก(ไม่มีรัก) โบราณสอนไว้ว่าสาเหตุที่คนดูหมิ่นคู่ชีวิตตนเองพร้อมที่จะทิ้งไปอยู่กับคนใหม่เกิดจากสิ่งเหล่านี้คือ
               1.ความยากจน คือแฟนเราพาเราจน ไม่มีสมบัติติดตัวหรือมีก็ไม่พอเพียง อยากกินอะไรก็ไม่มีเงินซื้อ ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีเครื่องนุ่งห่มที่สวยงามให้เรา....ไม่มี....ไม่มี....(อย่าบูชาความรักจนมองไม่เห็นว่าจนก็อันตราย)กินเกลือกับข้าวจะกินได้กี่วัน
               2.มีโรคมาก คือเจ็บป่วยนานรักษาไม่หายสักที มีโรคประจำตัวทำอะไรไม่ได้(ทำได้ก็ไม่ดี) เป็นศูนย์รวมแห่งโรค เป็นโรคไม่สบายพร้อมคณะ เช่นโรคเบาหวานพร้อมคณะสารพัดโรคที่ตามมา
               3. ไม่มีปัญญาหาทรัพย์ คือเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่มีภูมิปัญญาสร้างฐานะให้ดีขึ้นได้ อยู่ไปร้อยปีก็คงจนเท่าเดิม หาเงินไม่เป็นแต่ใช้เป็นและใช้เก่ง สะสมทรัพย์ไม่ได้มีแต่ละลายทรัพย์ แล้วจะเหลืออะไร ใครก็ตามไม่ว่าหญิงหรือชายก็ตามถ้าไม่รู้จักทำงานไม่คิดจะสร้างฐานะก็ไม่ควรเลือกเป็นคู่ชีวิต 
                4.การอยู่ห่างไกลกัน คือคู่สมรสที่อยู่ห่างไกลกันนานๆ มาหากันไม่ได้เพราะอยู่ไกล มาแต่ละครั้งก็ใช้เวลาให้เงินเดินทางเยอะกว่าจะได้เห็นหน้าและละเดือนมาถึงก็หลับเป็นตายไม่ถึงสองสามวันก็กลับ
                5.คู่ชีวิตชรา คือแก่มากเกินไป ไม่มีเริ่ยวแรงทำอะไรได้ หมดความสวยงามและหมดเรี่ยวแรง
             (อย่าบูชาความรักจนมองไม่เห็นว่าภัยทั้ง 5 นี้เป็นอันตรายต่อความสุขของปุถุชนคนมีกิเลสอย่างเราๆ)
                ยากจนก็อยู่ลำบาก มีโรคมากก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ไกลกันก็เหงา โง่เขลาก็ไม่อาจสร้างฐานะหลักฐาน แก่เกิดนานก็ทำอะไรไม่ไหวแล้วใครจะทนอยู่เป็นคู่ชีวิต
               โบราณกล่าวไว้ว่า มีเงินให้เขายืม,มีภรรยาหรือสามีอยู่ไกล,มีของดีฝากไว้กับคนอื่นมีก็เหมือนไม่มี ถ้าแฟนใครมีครบทั้งห้าอย่างคือ ชรา อยู่ไกลกัน ไม่มีปัญญาหาทรัพย์สมบัติ มีโรคมากและยากจนเรียกง่ายๆว่ามีก็เหมือนมีเช่นกัน ดูตัวแปรแล้วทำสมการให้ถูกครับแล้วชีวิตคู่จะได้มีความสุข ชีวิตจริงไม่ใช่ฝัน ฝันไม่ได้เป็นจริงเสมอไป
       "ตัดผมผิดเจ็ดวันหาย สร้างบ้านผิดคิดจนบ้านพัง เลือกคู่ผิดคิดจนวันตาย"
                                          
                                                    ( ที่นี่มีเด็ก)
หมายเลขบันทึก: 401702เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2010 09:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท