ระทึกใจ ๑ : ผมมองเห็นแต่ท้องฟ้า


สมองผมสั่งการครั้งสุดท้าย คือ ตอนที่ขยับพวงมาลัยหลบรถบรรทุกก่อนหน้านั้น

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาบันทึกเท่าไร แต่เรื่องที่เกิดกับผมครั้งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ขับขี่รถยนต์ท่านอื่นบ้าง

 

 


ผมต้องเดินทางไปบรรยายของสมาคมรังสีรักษาฯที่จังหวัดระนองในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
และความที่ไม่อยากขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ แล้วขึ้นเครื่องบินลงมาระนองแบบสองต่อ จึงคิดขับรถไปเอง คำนวณระยะทางประมาณ ๕๕๐ กม. น่าจะใช้เวลาไม่เกิน ๗ ชม. น้อยกว่าขึ้นเครื่องบินสองต่อแน่ๆ

ผมออกจากบ้านที่หาดใหญ่วันเสาร์ประมาณ ๑๐​โมงเช้า ขับรถไปตามถนนสายเอเชีย แวะพักงีบที่สุราษฎร์ธานี แล้วต่อไปถึงหลังสวน ก่อนใช้ เส้นทางพะโต๊ะ ที่เป็นทางตัดผ่านเทือกเขาไปยังราชกรูด เส้นทางสายนี้ผมจำได้ว่า สวยมาก เพราะจะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา มีสวนปาล์มสลับต้นหมากขึ้นแปลกตาดี

ตลอดทางมีฝนตกเป็นช่วงๆ บ้างปรอยๆ บ้างหนัก ผมคิดในใจว่า เออ..ดีเหมือนกัน รู้สึกปีนี้มันแล้งเหลือเกิน

เกือบ ๕​ โมงเย็น ตอนเข้าเขตจังหวัดระนอง อีกไม่เกิน ๔๐ กม.ก็จะถึงจุดหมายอยู่แล้ว ผมกำลังคิดถึงอาหารมื้อเย็นที่รออยู่ข้างหน้า ถนนช่วงนั้นเป็นถนนคดเคี้ยวแบบลงเขา ความเร็วของรถผมอยู่ที่ไม่เกิน ๖๐ กม./ชม. ก็มีฝนเริ่มตกปรอยๆอีกครั้ง

ผมลงจากเนินได้ไม่เท่าไร ก็รู้สึกถึงความผิดปกติของรถได้ มันเซและส่ายอย่างควบคุมไม่ค่อยอยู่ ดีที่ความเร็วไม่มากนัก ผมยังประคองรถได้ชั่วครู่ พอมองไปข้างหน้า มีรถบรรทุกคันใหญ่ค่อยๆขับไต่เขาขาขึ้นมาช้าๆ ผมคิดว่าถ้ารถเราส่ายแบบนี้ มีหวังได้ชนเข้ากับรถข้างหน้าแน่ๆ จึงขยับพวงมาลัยออกซ้ายหลบเพียงเล็กน้อย

ตอนที่รถเราสวนกัน ผมนึกในใจว่า บั้นท้ายรถคงกระแทกกับรถบรรทุกคันนั้น  แต่ปรากฏว่า ไม่ รถทางตรงข้ามคงหลบผมไปเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนั้น มันเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ที่ผมไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจอะไรต่อได้เลย สมองผมสั่งการครั้งสุดท้าย คือ ตอนที่ขยับพวงมาลัยหลบรถบรรทุกก่อนหน้านั้น

รถผมหมุนทำวงเลี้ยวซ้ายเกือบจะ ๙๐ องศา และชนราวกั้นเหวข้างทางทางซ้ายมือ ก่อนจะลอยตัวข้ามมันไป

 

ผมมองเห็นแต่ท้องฟ้า..

หมายเลขบันทึก: 244456เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2009 20:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

แล้ว อ.หมอเป็นอะไรหรือเปล่าครับ

ปลอดภัยได้กลับมาเขียนบันทึกเตือนใจนี้ครับ

ขอบคุณครับ

สู้ๆนะคะ

มาเป็นกำลังใจค่ะ

^_^

โอย อ่านแล้วหวาดเสียวครับ แต่ดีใจที่อาจารย์ปลอดภัยครับ

เห็นด้วยว่าทางสายพะโต๊ะสวยจริงๆ ครับ แถวพะโต๊ะเป็นพื้นที่ที่สวยมากพื้นที่หนึ่งครับ แต่ผมเคยไปครั้งล่าสุดคือเมื่อ 20 ปีที่แล้วตอนสมัยเรียนมัธยมครับ ป่านนี้อาจจะเปลี่ยนไปเยอะมากแล้วก็ได้ครับ

ผมเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาบ้าง...สติสำคัญที่สุดนะครับ

ดีแล้วครับ ที่อาจารย์ปลอดภัย ถือว่าได้ประสบการณ์และได้เรียนรู้นะครับ

:)

P อ.ธวัชชัยครับ

  • ผมรู้สึกว่า ร่างกายปลอดภัย แต่ ขวัญกระเจิง ครับ
  • เหตุการณ์แบบนี้มีผลกระทบกับผมแน่นอน ไม่สามารถทำเป็นเก่งแล้วบอกว่า ทำใจได้แล้ว
  • เวลาคิดถึงหรือเล่าให้คนฟัง มันยังรู้สึกเสียวๆท้องอยู่เลยครับ
  • อย่าประมาทเป็นดีที่สุดครับ โดยเฉพาะเส้นทางที่เราไม่ชำนาญ

ท่าทางอาจารย์จะเสียชื่อคนชุมพรเสียแล้วนะครับ ไปพะโต๊ะมาเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ทำได้อย่างไรครับ

P อาจารย์เอกครับ

  • เห็นด้วยครับ เราต้องครองสติให้อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้
  • แต่ผมหามอง สติ ของตัวเองไม่เจอนะครับ ตอนนั้น
  • อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ความชำนาญหรือการฝึกฝนที่จะทำอะไรอย่างรวดเร็วด้วยรีเฟล็กจากไขสันหลังมากกว่าสมองสั่งการ เพราะตอนนั้น สมองเรามักจะสั่งการไม่ทัน
  • มีคนแนะนำว่า ถ้าแบบนี้ ต้องดึงเบรกมือช้าๆ แล้วเปลี่ยนเกียร์ต่แต่จะต้องฝึกทำบ่อยๆ ให้ชิน

ตามมาอ่านด้วยความใจหายอย่างแรงเลยค่ะ ขอบคุณอ.เต็มมากๆที่มาเขียนเล่า ทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ครอบครัวเราใช้อย่างน้อยปีละครั้งค่ะ แล้วสาเหตุเป็นเพราะอะไรคะอาจารย์ ขวัญกลับมาอยู่กับตัวเต็มที่เมื่อไหร่ อาจารย์เขียนเพิ่มนะคะ สำหรับตอนนี้เขียนได้ระดับนี้ก็บอกได้ว่าอาจารย์เยี่ยมมากๆค่ะ อ่านแล้วใจแป้วไปด้วยเลยตอนที่อาจารย์เห็นแต่ท้องฟ้า....

P คุณโอ๋ครับ

  • ถ้าจะโทษคนอื่น ก็ต้องบอกว่า เพราะ เจ้านี่
  • ถ้าจะโทษตนเอง ก็ต้องบอกว่า เพราะประมาท ถึงจะขับช้า แต่ยังช้าไม่พอ นะครับ

สามีเคยพบอุบัติเหตุ ในทำนองนี้ค่ะ

รถคันที่เขาขับ หมุนอยู่บนถนนเป็นวงกลม เนื่องจากโดนรถบรรทุกสิบล้อขับเข้ามาเบียดชน(เฉยเลย) และเกี่ยวส่วนที่เรียกว่ากระโปรงรถ,ลากรถเขาติดไปพักใหญ่ ๆ จนกระทั่งส่วนที่ถูกเกี่ยวฉีกขาดไปตามแนว vertical เป็นแผลใหญ่ รถเขาและรถบรรทุก จึงเป็นอิสระต่อกัน

แน่นอน..รถบรรทุกขับหนีค่ะ

เมื่อเป็นอิสระ รถของสามี (ฮอนด้า แอคคอร์ด) ยังหมุนควง แต่ถือว่ารถทรงตัวได้ดีมาก และคิดว่าเขาเองมีสติดีมาก เลี้ยงประคองพวงมาลัยไว้ตลอด ฝนตกค่ะลืมบอก

บุญพระรักษาด้วยที่ไม่มีคันอื่นขับตามมาซ้ำเติมเข้า

สภาพรถ ประกันถามว่า "พี่มีพระอะไร ครับนี่" เพราะสามีไม่เจ็บตัวเช่นกัน (ใจค่ะ..ฝ่อมาก)


สามี มีหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ค่ะ แต่เป็นรุ่นแรก ๆ เลย 

ที่สำคัญน้องคิดว่า "สติ-สัมปชัญญะ" ค่ะ

ทุกวันนี้ ตัวเองเป็นคนขับรถเร็วกว่าเขา เขามักเตือนด้วยเรื่องนี้เสมอ

 

นำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ด้วยคนค่ะ บางครั้งเราขับดี ระวัง แต่คู่กรณี-ไม่
บางครั้งดินฟ้าอากาศ สภาพเส้นทาง ทัศนวิสัย ความโค้งลาดของถนนฯลฯ อีกมากนะคะ

ขอให้กำลังใจด้วยคนค่ะ

  • โชคดีมากเลยที่อาจารย์ปลอดภัย
  • การขับรถใช้สติสมาธิมากจริงๆๆ
  • ต่อไปขับรถไกลๆๆต้องระวังครับ
  • สภาพดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจนี่ยิ่งน่ากลัว
  • ครั้งต่อไปเอาน้องหมาไปเป็นเพื่อนนะครับ
  • อิอิๆๆๆๆๆๆ

P

  • ของผมคงไม่หนักถึงขนาดนั้นนะครับ
  • มีคนถามผมเหมือนกันว่า ห้อยพระอะไร
  • ผมตอบว่า คนตานี ก็ต้องหลวงพ่อทวดสิครับ
  • ขอบคุณนะครับ

P ขอบคุณครับ แต่ข้อเสนอน้องหมานี่ คงยกเว้นนะครับ พวกมันตัวป่วนเลย คงทำเอาผมตกข้างทางมากกว่านี้

ขับรถไม่เป็น คงคล้ายๆกับภาวะฉุกเฉินที่น่านฟ้าอันดามัน @  242181 ที่เห็นแต่ท้องฟ้ากับทะเล

ดีใจที่อาจารย์ปลอดภัย

ขอให้"ขวัญ" กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวนะคะอาจารย์

P พี่หมียังมีสติในเหตุการณ์นั้น แต่ของผมสติหาไม่เจอนะครับ

เพิ่งเข้ามาอ่านบันทึก ใจเต้นระทึกไปด้วย อาจด้วยวันนี้ เกือบจะเกิดอุบัติเหตุเหมือนกัน เพราะประมาทมองข้างทางเพลิน

ดีใจที่อ.เต็มไม่เป็นอะไร

P ขอบคุณฮั้วมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท