ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาบันทึกเท่าไร แต่เรื่องที่เกิดกับผมครั้งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ขับขี่รถยนต์ท่านอื่นบ้าง
ผมต้องเดินทางไปบรรยายของสมาคมรังสีรักษาฯที่จังหวัดระนองในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
และความที่ไม่อยากขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ แล้วขึ้นเครื่องบินลงมาระนองแบบสองต่อ จึงคิดขับรถไปเอง คำนวณระยะทางประมาณ ๕๕๐ กม. น่าจะใช้เวลาไม่เกิน ๗ ชม. น้อยกว่าขึ้นเครื่องบินสองต่อแน่ๆ
ผมออกจากบ้านที่หาดใหญ่วันเสาร์ประมาณ ๑๐โมงเช้า ขับรถไปตามถนนสายเอเชีย แวะพักงีบที่สุราษฎร์ธานี แล้วต่อไปถึงหลังสวน ก่อนใช้ เส้นทางพะโต๊ะ ที่เป็นทางตัดผ่านเทือกเขาไปยังราชกรูด เส้นทางสายนี้ผมจำได้ว่า สวยมาก เพราะจะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา มีสวนปาล์มสลับต้นหมากขึ้นแปลกตาดี
ตลอดทางมีฝนตกเป็นช่วงๆ บ้างปรอยๆ บ้างหนัก ผมคิดในใจว่า เออ..ดีเหมือนกัน รู้สึกปีนี้มันแล้งเหลือเกิน
เกือบ ๕ โมงเย็น ตอนเข้าเขตจังหวัดระนอง อีกไม่เกิน ๔๐ กม.ก็จะถึงจุดหมายอยู่แล้ว ผมกำลังคิดถึงอาหารมื้อเย็นที่รออยู่ข้างหน้า ถนนช่วงนั้นเป็นถนนคดเคี้ยวแบบลงเขา ความเร็วของรถผมอยู่ที่ไม่เกิน ๖๐ กม./ชม. ก็มีฝนเริ่มตกปรอยๆอีกครั้ง
ผมลงจากเนินได้ไม่เท่าไร ก็รู้สึกถึงความผิดปกติของรถได้ มันเซและส่ายอย่างควบคุมไม่ค่อยอยู่ ดีที่ความเร็วไม่มากนัก ผมยังประคองรถได้ชั่วครู่ พอมองไปข้างหน้า มีรถบรรทุกคันใหญ่ค่อยๆขับไต่เขาขาขึ้นมาช้าๆ ผมคิดว่าถ้ารถเราส่ายแบบนี้ มีหวังได้ชนเข้ากับรถข้างหน้าแน่ๆ จึงขยับพวงมาลัยออกซ้ายหลบเพียงเล็กน้อย
ตอนที่รถเราสวนกัน ผมนึกในใจว่า บั้นท้ายรถคงกระแทกกับรถบรรทุกคันนั้น แต่ปรากฏว่า ไม่ รถทางตรงข้ามคงหลบผมไปเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนั้น มันเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ที่ผมไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจอะไรต่อได้เลย สมองผมสั่งการครั้งสุดท้าย คือ ตอนที่ขยับพวงมาลัยหลบรถบรรทุกก่อนหน้านั้น
รถผมหมุนทำวงเลี้ยวซ้ายเกือบจะ ๙๐ องศา และชนราวกั้นเหวข้างทางทางซ้ายมือ ก่อนจะลอยตัวข้ามมันไป
ผมมองเห็นแต่ท้องฟ้า..
แล้ว อ.หมอเป็นอะไรหรือเปล่าครับ
ปลอดภัยได้กลับมาเขียนบันทึกเตือนใจนี้ครับ
ขอบคุณครับ
สู้ๆนะคะ
มาเป็นกำลังใจค่ะ
^_^
สมองมันชาครับ ตอนนั้น
โอย อ่านแล้วหวาดเสียวครับ แต่ดีใจที่อาจารย์ปลอดภัยครับ
เห็นด้วยว่าทางสายพะโต๊ะสวยจริงๆ ครับ แถวพะโต๊ะเป็นพื้นที่ที่สวยมากพื้นที่หนึ่งครับ แต่ผมเคยไปครั้งล่าสุดคือเมื่อ 20 ปีที่แล้วตอนสมัยเรียนมัธยมครับ ป่านนี้อาจจะเปลี่ยนไปเยอะมากแล้วก็ได้ครับ
ผมเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาบ้าง...สติสำคัญที่สุดนะครับ
ดีแล้วครับ ที่อาจารย์ปลอดภัย ถือว่าได้ประสบการณ์และได้เรียนรู้นะครับ
:)
อ.ธวัชชัยครับ
ท่าทางอาจารย์จะเสียชื่อคนชุมพรเสียแล้วนะครับ ไปพะโต๊ะมาเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ทำได้อย่างไรครับ
อาจารย์เอกครับ
ตามมาอ่านด้วยความใจหายอย่างแรงเลยค่ะ ขอบคุณอ.เต็มมากๆที่มาเขียนเล่า ทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ครอบครัวเราใช้อย่างน้อยปีละครั้งค่ะ แล้วสาเหตุเป็นเพราะอะไรคะอาจารย์ ขวัญกลับมาอยู่กับตัวเต็มที่เมื่อไหร่ อาจารย์เขียนเพิ่มนะคะ สำหรับตอนนี้เขียนได้ระดับนี้ก็บอกได้ว่าอาจารย์เยี่ยมมากๆค่ะ อ่านแล้วใจแป้วไปด้วยเลยตอนที่อาจารย์เห็นแต่ท้องฟ้า....
คุณโอ๋ครับ
สามีเคยพบอุบัติเหตุ ในทำนองนี้ค่ะ
รถคันที่เขาขับ หมุนอยู่บนถนนเป็นวงกลม เนื่องจากโดนรถบรรทุกสิบล้อขับเข้ามาเบียดชน(เฉยเลย) และเกี่ยวส่วนที่เรียกว่ากระโปรงรถ,ลากรถเขาติดไปพักใหญ่ ๆ จนกระทั่งส่วนที่ถูกเกี่ยวฉีกขาดไปตามแนว vertical เป็นแผลใหญ่ รถเขาและรถบรรทุก จึงเป็นอิสระต่อกัน
แน่นอน..รถบรรทุกขับหนีค่ะ
เมื่อเป็นอิสระ รถของสามี (ฮอนด้า แอคคอร์ด) ยังหมุนควง แต่ถือว่ารถทรงตัวได้ดีมาก และคิดว่าเขาเองมีสติดีมาก เลี้ยงประคองพวงมาลัยไว้ตลอด ฝนตกค่ะลืมบอก
บุญพระรักษาด้วยที่ไม่มีคันอื่นขับตามมาซ้ำเติมเข้า
สภาพรถ ประกันถามว่า "พี่มีพระอะไร ครับนี่" เพราะสามีไม่เจ็บตัวเช่นกัน (ใจค่ะ..ฝ่อมาก)
สามี มีหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ค่ะ แต่เป็นรุ่นแรก ๆ เลย
ที่สำคัญน้องคิดว่า "สติ-สัมปชัญญะ" ค่ะ
ทุกวันนี้ ตัวเองเป็นคนขับรถเร็วกว่าเขา เขามักเตือนด้วยเรื่องนี้เสมอ
นำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ด้วยคนค่ะ บางครั้งเราขับดี ระวัง แต่คู่กรณี-ไม่
บางครั้งดินฟ้าอากาศ สภาพเส้นทาง ทัศนวิสัย ความโค้งลาดของถนนฯลฯ อีกมากนะคะ
ขอให้กำลังใจด้วยคนค่ะ
ขอบคุณครับ แต่ข้อเสนอน้องหมานี่ คงยกเว้นนะครับ พวกมันตัวป่วนเลย คงทำเอาผมตกข้างทางมากกว่านี้
ขับรถไม่เป็น คงคล้ายๆกับภาวะฉุกเฉินที่น่านฟ้าอันดามัน @ 242181 ที่เห็นแต่ท้องฟ้ากับทะเล
ดีใจที่อาจารย์ปลอดภัย
ขอให้"ขวัญ" กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวนะคะอาจารย์
พี่หมียังมีสติในเหตุการณ์นั้น แต่ของผมสติหาไม่เจอนะครับ
เพิ่งเข้ามาอ่านบันทึก ใจเต้นระทึกไปด้วย อาจด้วยวันนี้ เกือบจะเกิดอุบัติเหตุเหมือนกัน เพราะประมาทมองข้างทางเพลิน
ดีใจที่อ.เต็มไม่เป็นอะไร
ขอบคุณฮั้วมากครับ