โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มีกิจกรรมที่เรียกว่า สนทนา Palliative Care เพื่อให้บุคลากรมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมกันคิดและต่อยอด ในประเด็นที่เกี่ยวข้องการการดูแลคนไข้ประมาณทุก ๒ เดือน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มกราคมที่ผ่านมา หัวข้อที่เราคุยกัน คือ เมื่อผู้ให้บริการเป็นผู้รับบริการ ซึ่งจะอยู่ในประเด็นหลักเกี่ยวกับการดูแลอย่างเป็นองค์รวม การดูแลด้านจิตสังคมและจิตวิญญาณ
ปกติกิจกรรมแบบนี้จะมีลักษณะเป็นโต๊ะกลม เพื่อจะได้พูดคุยแบบเห็นหน้าหลายๆคน แต่ครั้งนี้ มีคนสนใจฟังเกินร้อย จนต้องเปลี่ยนไปใช้ห้องบรรยายนั่งเรียงแถวเป็นนักเรียนแทน
ที่คนสนใจฟังมาก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว และผู้ที่เราเชิญมาถ่ายทอดประสบการณ์ก็เป็นแม่เหล็กดึงดูดได้ดีจำนวน ๔ ท่าน มีทั้งอาจารย์แพทย์ น้องพยาบาลที่ตนเองต้องป่วยเป็นมะเร็ง รวมถึงพี่เภสัชกรที่มาพูดในฐานะผู้ดูแลหลักเมื่อบิดามารดาเจ็บป่วยเรื้อรัง ทุกคนเหมือนกันคือ ต้องมาใช้บริการในโรงพยาบาลที่ตนเองเป็นผู้ให้บริการ โดยมีพี่อานนท์..นพ. อานนท์ วิทยานนท์ จิตแพทย์เสาหลักของทีม Palliative Care เป็นผู้เชื่อมโยงประสบการณ์ของแต่ละคน
ผมนั่งฟังประสบการณ์ชีวิตที่หลายคนอาจมองว่าเป็นวิกฤต ผ่านเรื่องเล่าที่ดูเหมือนพูดคุยกันตามธรรมดาแบบพี่น้องคุยกัน แล้วขนลุกซู่หลายครั้งจากความรู้สึกหลากหลาย มีทั้งความกลัว กังวล อิ่มเอิบ ภูมิใจ ฮึกเหิม ประทับใจ เพราะนั่นคือครู พี่ น้องเรา และมันอดไม่ได้ ที่จะต้องมามองย้อนดูตัวเอง รวมทั้งคนที่เรารัก
บันทึกนี้อาจจะยาวกว่าบันทึกปกติของผม เพราะรู้สึกว่าอยากบันทึกประสบการณ์ครั้งนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด รู้สึกเสียดาย..เสียดายมาก แทนหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสมาฟัง สำหรับผมแล้ว การได้มาฟังเรื่องราวในกิจกรรมครั้งนี้ นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
ต้องขอขอบพระคุณผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ทุกท่าน มาในบันทึกนี้ด้วยครับ
ช่วงเวลาที่ทุกข์ที่สุด
ในช่วงวิกฤติกลับห่วงคนอื่น
เพราะคิดว่ารู้แล้ว
คุณภาพการให้บริการ
เปลี่ยนงานเมื่อป่วย
คุณค่าของชีวิต
กำลังใจ
ทำไมไม่ไปรักษาที่อื่น
ของแถม
ความเจ็บป่วยไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
มันทำให้เรามองเห็นความงดงามของชีวิตมากขึ้น
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เมื่อต้องมาเป็น ผู้รับบริการ ด้วยนะครับ
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ ที่ได้รวบรวม ความรู้สึกของผู้ที่เจ็บป่วยผู้ที่ได้สัมผัสความงามและคุณค่าของชีวิตมากขึ้น... ขอนำไปเป็นบทเรียนรู้ ของตัวเองนะคะ
ชอบ ตรงนี้จังเลยค่ะ คนยังไม่ป่วยได้เรียนรู้ด้วยคะ
ความเจ็บป่วยไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
มันทำให้เรามองเห็นความงดงามของชีวิตมากขึ้น
สวัสดีครับคุณหมอ
ถ้าผมได้อ่านบันทึกนี้ก่อนไป ร.พ.พิจิตร และ ร.พ.เจ้าพระยายมราช
คงจะทำให้การเตรียมความพร้อมของผมดีกว่านี้มาก ๆ
มาอ่านตอนนี้ก็ยังไม่สายครับ
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากครับคุณหมอ
เป็นบันทึกที่มีคุณค่ามากจริงๆ ครับ
สวัสดีคะอาจารย์
เมื่อพี่ต้องมาเป็นผู้รับบริการ เหตุการณ์ผ่านไปได้ไม่นาน
คุณพ่อพี่ป่วยเมื่อเดือนที่แล้ว ปัสสาวะเป็นเลือดและมีภาวะไตวายเฉียบพลัน ต้องเข้าตรวจแบบฉุกเฉิน
ความรู้สึกบอกได้ว่าทุกข์ทรมาน กว่าจะผ่านช่วงวิกฤตมาได้
ช่วงที่พ่อาการหนัก พ่อคิดว่าไม่รอดแน่ พี่มีความหวัง พ่อต้องหาย
บางอย่างพี่ก็ไม่รู้ รอคำตอบ รอคอย การตรวจต่าง ๆต้องใช้เวลา
น้องพยาบาลอาจจะเข้าใจว่าเรารู้ เรื่องทุกอย่าง บางครั้งพี่ต้องถามและขอคำตอบให้ชัดเจน
พี่ดูแลคุณพ่อเอง ทั้งเดือน เช้าไปทำงาน เย็นมานอนเฝ้าพ่อ พ่อไม่ยอมให้น้องพยาบาลเช็ดตัวให้ ไม่ยอมให้น้องพาลุกเดิน
พ่อต้องลุกขึ้นปัสสาวะทุกชั่วโมง พอใส่สายสวนคาไว้ สบายขึ้น แต่ก็กลัวติดเชื้อ
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายและเยี่ยมคนบ้านเดียวกันค่ะ..สบายดีน่ะค่ะ ขอให้มีความสุขกับงานที่รักค่ะ...บาย บาย..
สังเกตมานาน ว่าอาจารย์เป็นตัวอย่างนักฟังที่ดีมากคะ ฟังอย่างตั้งใจและจับประเด็นมาถ่ายทอดได้
อบรมที่เชียงใหม่เมื่อศุกร์เสาร์ที่ผ่านมา มีความเห็น ประสบการณ์น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้
อิ อิ เดี๋ยวจะเขียนมั่ง (แกะรอย)
แวะมาบอกข่าว พ่อพี่แผลแห้งติดดี สบายดีขึ้นมากแล้วคะ กลับมาอยู่บ้าน
สวัสดีค่ะ
เคยปวดแผลผ่าตัดน่ะค่ะ ได้รับยา pethidine ฉีดiv ไม่หายปวด แถมยังใจสั่นมากๆเลยค่ะ
แต่ถ้าฉีด im จะบรรเทาปวดได้มาก แต่หมอไม่เชื่อค่ะ
อาจารย์ขา วันก่อนกุ้งไปเจอท่านอาจารย์สกลที่งาน HA Forum เลยฝากความระลึกถึงมาถึงอาจารย์ ไม่ทราบว่าต้องร้องเพลงนี้ด้วยหรือเปล่านะคะ ความคิดถึง กำลังเดินทาง อิอิ เเวะมาเรียนรู้เเละเก็บเกี่ยวบทเรียนที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเวทีเช่นนี้ กุ้งว่าได้เห็นมุมมองของผู้รับบริการ เเละจะทำให้เข้าใจความรู้สึกของผู้รับบริการมากขึ้น ทุกคนคงไม่ต่างกัน
Si