สืบเนื่องจากบันทึก ที่แล้ว ที่ อ.สกล กับผมได้มีโอกาสนำเรื่องการดูแลคนไข้ระยะสุดท้ายไปนำเสนอให้ กลุ่มสามพราน ที่มี อาจารย์ประเวศ ..นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๙ เมษายน ที่ผ่านมา
ในบันทึกนี้ จะเป็นข้อคิดเห็น คำแนะนำจากท่านอาจารย์ประเวศ และ อาจารย์ท่านอื่นๆหลายท่าน ในที่ประชุมวันนั้น
เรื่องระบบการดูแลคนไข้ ระยะสุดท้าย
- การนำภูมิปัญญาทางพระพุทธศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น โพชฌงคปริตร คิลิมานนทสูตร
- การขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบันต้องใช้ ชีวิตและการอยู่ร่วมกัน เป็นตัวตั้ง จึงจะอยู่รอด ไม่ใช่ใช้แต่ด้านเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง
- การดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย เป็นประตูสู่การดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด เห็นได้จากโรงพยาบาลที่ได้รางวัล SHA award ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย
- ควรเน้น ความงามของปัจฉิมวัย การสร้างเสริมสุขภาพในปัจฉิมวัย เช่น spiritual eldership วัยแห่งคุณค่า ความละเอียดอ่อน วัยแจกของส่องตะเกียง มากกว่ามุมมองในแง่ลบที่เคยชิน เช่น วัยแห่งความเสื่อมถอย โดยอาจใช้ศิลปะ ศิลปินมาช่วย
- ควรสร้างศักยภาพและกลไกสนับสนุนทุกระดับของ INN: individual-node-network
- ควรเน้นและให้ความสำคัญกับระบบการดูแลคนไข้ที่บ้าน วิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค เช่น ข้อจำกัดการเบิกจ่ายยาและวัสดุอุปกรณ์กลับไปใช้ที่บ้านตามระบบหลักประกัน สุขภาพ
- ระบบควรต้องคิดถึงผู้ดูแลหลัก ทั้งเรื่องความรู้ เช่น การกำจัดขยะติดเชื้อ การเก็บวัสดุเครื่องใช้ทางการแพทย์ที่บ้าน รวมไปถึง การป้องกันผู้ดูแลทำร้ายคนไข้ การได้พักบ้าง respite care
- เน้นผลิตและสนับสนุนพยาบาลชุมชนที่ปฏิบัติงงานในพื้นที่ ถึงบ้าน
- ความต่อเนื่องของการดูแล continuity of care ต้องรวมถึงเรื่องข้อมูลของคนไข้ที่ส่งต่อถึงกันระหว่างสถานพยาบาล ชุมชนด้วย
เรื่องการ จัดการเรียนการสอน
- ปรัชญาการศึกษา ต้องเอาชีวิตและการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เป็นตั้วตั้ง ไม่ใช่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง
- ๙๕% เราเรียนรู้ผ่านการเห็นผู้อื่นทำ หรือร่วมทำ มีเพียง ๕% เท่านั้นเรียนรู้ผ่านการสอน
- ควรบูรณาการเรื่องการดูแลคนไข้ระยะสุดท้ายในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และต้องครอบคลุมตลอด trajectory phase ตั้งแต่ระยะแรก ระยะสุดท้าย และระยะหลังคนไข้เสียชีวิต
เรื่องการ จัดการประชุม APHC 2013
- การเป็นเจ้าภาพของไทย อาจเชิญประเทศที่อยู่นอกกลุ่มเดิมมาเข้าร่วมประชุมได้ผ่านกลไกขององค์การ อนามัยโลก เช่น การให้ทุนมาร่วมประชุม เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย
- มีการเยี่ยมชมพื้นที่หรือหน่วยงานที่ให้บริการของประเทศไทย นำเสนอรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์หรือจุดแข็งของไทย อาจจะเรียกเป็น Thai Day หรือใช้รูปแบบ Hospice Visit เหมือนเจ้าภาพครั้งก่อนๆทำก็ได้
- การมีคณะกรรมการจากทุกภาคส่วน จะทำให้รู้ว่า เรามีจุดแข็งตรงไหนบ้าง
- อาจดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์ของแต่ละประเทศในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ร่วมกัน แล้วมาร่วมนำเสนอแลกเปลี่ยนตอนจัดประชุม
- ต้องพิจารณาว่า จะต้องมีความรู้ส่วนไหนบ้าง แล้วดำเนินการ สร้างและรวบรวมก่อนจัดงานประชุม