เหมือนท่านจะรู้ว่าผมไม่อยากเขียน คืนนี้ท่านครูบาสุทธินันท์โทรมาทวงการบ้านครับ ท่านให้กำลังใจและเข้าใจในข้อจำกัดที่ผมไม่ยอมให้รายละเอียดส่วนตัวใดๆ แต่ก็ยังอยากเรียนรู้และรู้จักให้มากกว่านี้ เพราะว่าผมเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองแบบว่านอนสอนง่าย ก็จะขอเล่าเรื่องเท่าที่พิมพ์ไหวก็แล้วกันครับ
ผมทำงานบริหารในบริษัทเทคโนโลยีของไทยแห่งหนึ่งครับ ชื่อ Conductor นี้เป็นชื่อที่ใช้ในบล๊อกภายในบริษัทมาตั้งแต่ประมาณปลายปี 2547 มีหลายความหมายหลายอย่าง
คนคนหนึ่ง จะให้เป็นอยู่อย่างเดียวตลอดชีวิต คงน่าเบื่อมาก จึงเลือกใช้คำที่มีหลายความหมายนี้เป็นนามแฝงใช้เรื่อยมา
เริ่มทำงานเมื่ออายุยี่สิบปี เคยเป็นอะไรมาหลายอย่างครับ เคยเป็นกระโถน ที่ใครๆ ก็โยนเอาอะไรต่อมิอะไรมาใส่ สถานะนี้ให้ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยนึกว่าทำได้ ต้องขอบคุณเจ้านายที่ให้โอกาส ปัจจุบันก็ยังเชิญท่านมาถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ให้กับเพื่อนร่วมงานในปัจจุบัน
ช่วงหนุ่มๆ เคยมีคนมาปรึกษาปัญหาชีวิตเยอะ (มีแก๊งลูกหมู เป็นสานุศิษย์) มองว่านี่ป็นทางลัดให้เรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์ของเพื่อนร่วมงานโดยไม่ต้องเจอเข้ากับตัวเอง ช่วยให้เข้าใจคนและสังคมรอบข้างได้ดีขึ้น ซึ่งประสบการณ์เรื่องนี้มีค่ามาก การเป็นคนนอกที่ไม่ติดอยู่ในข้อจำกัดและความทุกข์ ช่วยให้มองเห็นต้นเหตุได้ชัดขึ้น รู้สึกดีว่ามีคนคิดว่าเราเป็นที่พึ่งได้ และช่วยให้อ่านคนได้แม่นขึ้นเยอะ
ได้ข้อคิดที่ดีเกี่ยวกับการเรียนรู้จากอดีตผู้บริหารเครือซิเมนต์ไทยผ่านมาทางเพื่อน ผ่านมาหลายสิบปี มีคนบอกว่าน่าจะเป็นนักภาษาศาสตร์ เป็นนักวิจัย เป็นนักวิชาการ เป็นฤาษี เป็นนักเขียน เป็นอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย "ไม่น่าเป็นอย่างที่เป็นเลย" -- ก็แล้วทำไมคนเราจะต้องเป็นอะไรอย่างเดียว หรือเป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นด้วย?
โชคดีที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในหน้าที่การงานค่อนข้างเร็ว เลยยังไม่ลืมว่าตอนเป็นลูกน้องเคยคิดอย่างไร ชีวิตคนทำงานเป็นอย่างไร ลำบากอย่างไร มีข้อจำกัดอย่างไร
ก่อนงานปัจจุบันนี้ เคยทำงานในบริษัทไทยขนาดเล็กกับบริษัทข้ามชาติขนาดยักษ์มาอย่างละแห่ง มีอายุงานนานมากในแต่ละแห่งที่ทำรวมทั้งงานปัจจุบันนี้ด้วย เพราะว่าเลือกงานที่ชอบ-ที่แน่ใจว่าทำอะไรให้เขาได้ก่อนที่จะไปทำ ทั้งสามแห่งเค้ารับไปทำงานก่อน แล้วจึงเขียนสมัครหลังจากทำงานไปแล้วสักพัก
ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่ายืนอยู่ตรงไหน
ปกติชอบมองไปรอบๆ เป็นคนโชคดีที่เลือกได้เสมอ จึงมักจะเลือกไปอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ ตามแต่ว่าจะทำอะไรได้ดีตรงไหน ไม่ค่อยยืนอยู่นิ่งๆ เข้าใจความแตกต่างระหว่าง "การทำได้" กับ "การทำได้ดี" โดยทั่วไปมักทำอะไรอยู่วงนอก มักเลือกช่วยอยู่เบื้องหลัง พอออกหน้าแล้วชีวิตวุ่นวายเกินไป แค่รู้ว่าทำงานที่มีประโยชน์ก็พอใจแล้ว ไม่ชอบเป็นโต้โผ-ขาใหญ่ -- เป็นได้ครับ แต่ไม่ชอบ!
ทำงานใหญ่ทางด้านรากฐานเกี่ยวกับภาษาไทยในคอมพิวเตอร์และเรื่องเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาหลายอัน วิธีคิดมักไม่เริ่มต้นมองจากข้อจำกัด แต่มองว่าผลลัพธ์ปลายทางควรจะเป็นอะไร หลายคนรับแนวคิดอย่างนี้ไม่ได้เลย แต่ผมเชื่อว่าถ้าเริ่มคิดจากข้อจำกัด ก็จะวนเวียนอยู่อย่างนั้น หาทางออกได้ยาก และมักไม่ใช่ทางออกที่ดี อันนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบล๊อก "คนเป็นนาย" จึงพิลึกแบบนั้น
เคยคำนวณดูว่าพ่อจ่ายค่าเทอมสำหรับการเรียนระดับปริญญาตรีสี่ปีในมหาวิทยาลัยของรัฐสำหรับผมไปเกือบห้าพันบาท (นานมาแล้ว) เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีเงินภาษีมาสนับสนุนการศึกษาของผม พอเริ่มยืนบนขาของตัวเองได้ ก็หาทางทำอะไรตอบแทนเงินภาษีบ้าง ให้ได้ทำบ้างก็ยังดีกว่าแสดงอาการรักชาติจนน้ำลายฟูมปาก
แม้บางทีความคิดค่อนข้างบ้าบอ ก็ไม่ได้เป็นคนสุดขั้ว เพื่อความสบายใจของตัวเอง เวลาไปยุ่งอะไรกับใคร มักไปเป็นอาสาสมัคร ช่วยอย่างที่อยากช่วย แต่ไม่ทำสิ่งที่ทำไม่ได้ดีหรือไม่เห็นด้วย คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีสมาธิดีพอสมควร ช่างสังเกต บางทีก็กวนประสาท แต่ไม่วีนใคร และบางทีก็อ่านพบสิ่งที่ไม่ได้เขียน ได้ยินในสิ่งที่ไม่ได้พูด (แต่ไม่ได้จิตหลอน)
เรื่องงานก็ทำให้กิจการเติบโต จนเพื่อนพ้องที่ร่วมกันสร้างบริษัทมา เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้เอง แม้เขาจะออกไปไหน ก็ต้องไม่อายว่าผ่านงานที่บริษัทมา ให้เรียนรู้เป็น กล้าในสิ่งที่ควรกล้า ทำในสิ่งที่ควรทำ รู้จักเลือก ดูแลครอบครัวของเขาได้ เมื่อถึงเวลาของเรา เราก็จะไป
ผมเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมา จนเข้าใจว่าท้ายที่สุด สิ่งที่คิดว่ามี ก็ไม่มี ที่คิดว่าหามาได้แล้วอย่างเหนื่อยยาก แท้ที่จริงแล้วไม่มีอะไรอยู่เลย
เราเป็นคนมีค่าแค่ไหน อยู่ที่เราทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีอะไรอยู่แล้วบ้าง แล้วก็ไม่ใช่ความผิดที่จะมีอะไรอยู่ในปัจจุบันตราบใดที่ได้มาโดยความถูกต้อง
ชีวิตผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะทำอะไรก็รีบทำ
ชีวิตผมไม่ค่อยอยู่ภายใต้คำว่า "ต้อง" ถ้าจะเลือกระหว่าง เฮฮา กับ "ซีเครียด" ก็เลือกเฮฮาอยู่แล้ว
เฮฮาศาสตร์ในมุมมองของผม เป็น springboard เพื่อให้คนทำงานได้มารวมตัวกันเพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้แต่ละคนได้เปล่งประกายได้ สร้างโอกาสให้ได้รู้จักตัวเอง ไม่ต้องเอาฟอร์มเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเครือข่ายของการลงมือกระทำจริง เรียนรู้จริง ยอมรับในความแตกต่าง เป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
เฮฮาแต่ไม่ไร้สาระครับ
รูปใน GotoKnow นี้ ไม่ใช้รูปจริง เพราะรูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงได้ แต่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง; รูปพ่อในโทรศัพท์มือถือเป็นรูปพระพุทธรูป ส่วนรูปแม่เป็นรูปต้นไม้
{แก้ไข: เพิ่มเติมคำหลัก}
สวัสดีครับพี่
ชอบความหมายของ Conductor,มากเลยคะ
ทุกๆข้อเลย
โดยเฉพาะข้อ (Bus) Conductor คนเก็บค่าโดยสารรถเมล์ ไม่ยอมให้ใครขึ้นรถฟรี คือในการนำพาองค์กรให้รุ่งเรือง ทุกคนต้องทำงาน ไม่สามารถปล่อยให้ใครมาเกาะเป็นกาฝากกินแรงคนอื่นโดยไม่สร้างคุณค่าให้องค์กรได้
มาเรียนรู้และชื่นชมคุณ Conductor ครับ
สวัสดีค่ะน้อง...Conductor
สวัสดีครับท่าน Conductor
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณConductor
เข้ามาลงชื่อ (แต่ค่อนข้างจะมาช้า)..
นี้ เป็นพระบาลีภาษิตในรูปที่สาม (มนุษย์กะสุนัข) อาจสะท้อนเจ้าของบล็อกบางแง่มุมได้....
เจริญพร
รูปแรก ท่าน Conductor เป็นท่านสุมาเต๊กโช ในเรื่องสามก๊ก
รูปสุดท้ายมีความหมายแฝงอะไรบ้างครับ คุณวุฒิและวัยวุฒิของผมตีความไม่ออก
มิตรรักแฟนเพลงตามกันมาได้ยังไงครับเนี่ย แอบเขียนในยามวิกาลแล้วเชียวนะ ขนาดเพื่อนอยู่อเมริกาก็ยังอุตส่าห์แซวมาว่า finally, Conductor unplugged !! :-) เมื่อเช้านี้
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะครับ ผมไม่มีอะไรปิดบังแต่ว่ามีสิ่งที่ผู้อื่นรู้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ขออนุญาตตอบรวมกันไปในประเด็นที่มีนัยของปุจฉาหรือมีประเด็นเพิ่ม ทั้งนี้เพื่อประหยัดเนื้อที่ GotoKnow นะครับ (-:
แวะมาตามอ่านตามรู้จักคุณ Conductor อีกคน
เท่าที่อ่านมาก็ไม่ต่างจากที่เคยสัมผัส(ผ่านงานเขียน) ^ ^
เห็นตรงกับความเป็น conductor ที่อธิบายไว้ทุกประเด็นเลยค่ะ
แต่ขอชื่นชมอีกอย่างหนึ่งว่าคุณ conductor เป็นคนที่เขียนอธิบายสิ่งดีๆ ที่อยู่ในตัวเองได้ดีมากเลยค่ะ หาคนเขียนหนังสือแบบมีแง่มุมให้คิดแยบคายแบบนี้น้อยค่ะ ชอบติดตามอ่านตั้งแต่เข้ามา gotoknow ใหม่ๆ ในสมุด"คนเป็นนาย"น่ะค่ะ
สวัสดีค่ะ
ชอบตรงที่เขียนว่า...คนคนหนึ่ง จะให้เป็นอยู่อย่างเดียวตลอดชีวิต คงน่าเบื่อมาก
โดยส่วนตัว จึงมีการทำงานมาหลายแบบค่ะ และชอบและตั้งใจทำทุกแบบ คนที่เคยทำงานมาด้วยกัน จะเห็นตัวตนของเราอย่างแท้จริง
มาเยี่ยมค่ะ
อาจารย์กมลวัลย์: ผมชอบบันทึกที่สามารถต่อยอดความคิดได้เป็นพิเศษครับ นั่นแสดงว่าบันทึกทำหน้าที่สื่อสารได้ดี แม้บางทีผู้เขียนอาจไม่ได้คิดในประเด็นนั้นไว้ก่อน แต่ผู้อ่านกลับต่อยอดไปได้ เช่น เกร็ดประวัติศาสตร์ Google กับบรรยากาศการเรียน -> พื้นที่ กับ การอุดมศึกษา
กรณีอย่างนี้มีให้เห็นได้ใน GotoKnow เสียดายแต่ว่าเรา "ยังไม่มี" trackback/pingback ซึ่งจะแจ้งเตือนเจ้าของบันทึกต้นทางโดยอัตโนมัติว่ามีผู้นำบันทึกไปต่อยอด เรื่องนี้แก้ไขได้โดยผู้เขียนบันทึกที่แตกลูกออกมาใหม่ มาเขียนเป็นความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ครับ หากทำอย่างนี้ได้ ก็อาจจะได้ความคิดเห็นที่มีคุณภาพมากขึ้น
คุณออต: ด้วยความยินดีครับ
คุณศศินันท์: เปลี่ยนรูปแล้ว สีสดใส จำง่ายครับ
การบ้านผมส่งได้ก่อนเพราะอยู่นิ่งๆ ไม่ลอยไปลอยมาทั้งในโลกจริงและโลกบล๊อก :)
ส่วนขนม จะซื้อจาก 7-11 ก็ไม่เอา จะให้ผมซื้อเลยแล้วกลับมากินปีหน้าไหมครับ หรือว่าจะให้ส่งให้ทางบล๊อกดี
ขอนับถือคุณ Conductor เป็นอย่างยิ่ง ปกติเราเห็นวงดนตรีหรือบนรถไฟ รถบันมักมี Condutor เพียง 1 คน ซึ่งก็จะสอดคล้องกับความจริงที่ว่าคนอย่างคุณ Conductor มีน้อยมากในสังคม ซึ่งนั้นก็คือเป็นคนที่ทั้งเก่งและดี เก่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ต้องรวย หรือต้องประสบความสำเร็จตามมาตรฐานสังคมที่ได้ตั้งไว้ แต่เก่งในที่นี้หมายถึง มีความรู้ มีความสามารถ มีความคิดเป็นของตนเอง มีปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองอย่างรอบคอบ ดีในที่นี้หมายถึง คิดที่จะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นด้วยจิตที่บริสุทธิ์
ที่ชอบมากคือประโยคที่ว่า เราเป็นคนมีค่าแค่ไหน อยู่ที่เราทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตนเองพยายามบอกตนเองอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน การเรียนรู้ที่พยายามทำตลอดเวลาก็เพื่อจะได้เป็นคนที่อยู่เย็น และเป็นประโยชน์ ดังที่ท่านพุทธทาสได้แนะนำไว้
อาจารย์กานดา: อย่าชมมากนักเลยครับ เดี๋ยวผมเหลิง -- เมืองไทยมีคนที่ดีและเก่งอยู่มากมาย ใน GotoKnow นี้ก็ของจริงเพียบ
ผมรู้สึกว่าโชคดี ที่ได้รับโอกาสดีเรื่อยมาตลอด และรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ อีกทั้งผู้ใหญ่เพื่อนฝูงกัลยาณมิตร ที่ไว้ใจให้ทำเรื่องสำคัญ
มีเรื่องลึกลับอีกเรื่องหนึ่งคืออายุของผมครับ วัฒนธรรมไทยมีพี่มีน้องมีอาวุโส ผมเห็นอายุในประวัติของหลายท่านแล้ว แต่ประวัติของผมไม่ได้บอกอะไร ครั้นจะไม่บอกก็อะไรเลยก็ได้ เพียงแต่ดูจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่
จึงขอแอบแง้มไว้ตรงนี้ครับ โดยขอเชิญไปอ่าน พระบรมราโชวาท เกี่ยวกับความรับผิดชอบของผู้มีความรู้ ซึ่งผมรับใส่เกล้ามาีตั้งแต่ตอนที่เรียนจบ แต่ว่ายังไม่หยุดเรียนนะครับ
ชอบวิธีคิดของคุณ conductor ครับ คงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันเรื่อยๆนะครับ
สวัสดีค่ะ
หนูชื่อ เพิร์ล อายุ 14 ปี
แต่หนูต้องเป็น Conductor ของวงโยที่ร.ร.ค่ะ
เป็นอะไรที่เหนื่อยอย่างมากมาย
ไม่มีใครมาสอนหนูให้ Conduct
หนูต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง และต้องรับผิดชอบเยอะม๊ากกกกกกก
หนูอยากเรียนรู้วิธี Conduct
หนูจนปัญญาจริงๆแล้วค่ะ
ไม่รู้ว่าจะไปศึกษาได้จากที่ไหน ใครรู้ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะT^T
หมอโรจน์: ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
คุณเพิร์ล: การเป็นวาทยากรของวงโยธวาทิตอาจจะดูเป็นภาระหนัก แต่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับชีวิตครับ
วาทยากรเป็นส่วนของวง มีวาทยากรคนเดียวก็ไม่มีเพลง แต่มีนักดนตรีอื่นโดยไม่มีวาทยากร ก็อาจจะเล่นเพลงไม่ได้ง่ายนัก ดังนั้นจึงเป็นการพึ่งพากัน เพื่อผลลัพท์(เพลง)และความภูมิใจร่วมกันทั้งวง
งานของวาทยากร คือการ "ควบคุม" วงให้เล่นเพลงเดียวกัน ในจังหวะเดียวกัน พร้อมกัน movement เดียวกัน ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ทุกคนในวงเข้าใจเรื่องเดียวกัน จะต้องพยายามสื่อสาร ทำความเข้าใจกัน; เป้าหมายของวาทยากร ไม่ใช่ท่าทางสวยสง่างาม หรือพิสดาร แต่เป้าหมายคือดนตรีที่งดงามครับ
ลองดูเว็บไซต์ของคุณบัณฑิต อึ้งรังษีดูไหมครับ ดูจากวิกิพีเดีย หรือจะลองแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เว็บไซต์แฟนคลับก็ได้ครับ
สวัสดีค่ะคุณConductor
To be what you want to be !!!!!!!!
สวัสดีครับ
-เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน
-ชอบความหมาย เพราะเอาไปคิดอีกได้มาก
-ลองคิดก่อนแล้วค่อยเอาไปคุยกับลูกๆ
-เขียนดีมากค่ะ เพราะอ่านรู้เรื่อง แต่ไม่แน่ใจตัวเองว่าเข้าใจตรงเจตนาหรือเปล่า