แม่จ๋า......หนูท้อง......


“แม่จ๋า.....หนูท้อง....” กลัวไหม ที่จะได้ยินคำนี้
วันหนึ่ง
ลูกสาววัยสิบเจ็ด ที่เพิ่งสอบผ่านเข้าไปเรียนในคณะที่ใครๆ อยากจะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อ เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่
บอกแม่ว่า
แม่จ๋า.....หนูท้อง....
                                   
โลกเหมือนจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ
แม่ ที่กำลังจะเปลี่ยนสภาพเป็น ยาย อับจนถ้อยคำที่จะกล่าว
ทำอย่างไรดี??
ทำอย่างไรดี??
ที่สุด หลังจากเวลาผ่านไปนาน ความเงียบจะทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุด
ที่สุด ความคิดของแม่ก็ตกผลึก
เป็นคำถามกลับไปที่ลูกวัยรุ่น ที่กำลังจะเป็นแม่ในไม่นานนี้ พร้อมกับรอยยิ้ม
แล้วหนูคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะลูก ?”
กลัวไหม กับคำตอบ
ถามว่า ถ้าเป็นตัวเอง จะตั้งสติ ทำได้อย่างคุณแม่ท่านนี้ไหม ?
เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง จากปากแม่คนหนึ่ง ที่พาลูกสาวท้องห้าเดือนมาพบเราที่ห้องคลอดในเย็นวันหนึ่ง
อยากรู้ไหม ว่าทั้งสองคน มาที่ห้องคลอดทำไม และ เพื่ออะไร
                  
ไม่รู้จะไปไหนดีค่ะ
คุณยายหมาดๆ บอกเราอย่างนั้น
ตอนนั้น สองทุ่มกว่าแล้ว
เป็นสถานการณ์ที่สับสนของแม่ลูกคู่หนึ่ง ที่ต้องการที่พึ่งพิงในยามที่อับจนอย่างที่สุด
เมื่อเราเปิดประตูห้องคลอดออกไปเจอแม่ลูกคู่นี้ ก็เหมือนกับเปิดประตูออกไปเจอโลกอีกใบหนึ่ง
โลกที่ทุกวันนี้มีมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
เรา คนที่ทำงานห้องคลอด คิดไหมนี่ ว่าจะเจอเรื่องอย่างนี้
OH My God !!!! จะทำยังไงดีเนี่ย

ลองดูคำตอบของแม่วันรุ่นก่อนก็แล้วกันนะคะ
หลังจากคำถามของแม่ “แล้วหนูคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะลูก ?” ที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม (คงจะเป็นยิ้มที่ไม่ได้ชื่นบานนัก แต่ก็ช่วยให้ลูกใจชื้นได้มากพอดู)
คำตอบที่ได้คือ
แม่.....หนูไม่อยากทำแท้งค่ะ
หนูคงทุกข์อยู่กับเรื่องนี้ตามลำพังมานานมานาน ด้วยว่าอนาคต และความฝันของตัวเอง และครอบครัว จะจบลงวันนี้ด้วยสาเหตุจาก “ชีวิตเล็กๆที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตัว..อย่างนั้นหรือ
ชีวิตเล็กๆที่ไม่อาจจะรับรู้เรื่องราว ปัญหาของแม่ รู้แต่ว่าจะโตมาเป็นคนคนหนึ่งในเวลาอีกไม่นานนี้ จำเป็นต้องถูกพิพากษา ว่าจะมีโอกาสนั้นหรือไม่ ...... เขามีความผิดอะไร ?
เมื่อได้ยินลูกตอบ สิ่งที่แม่ทำได้คือ กอดลูก แล้วบอกว่า
เราค่อยๆ คิดกันนะลูกนะ ว่าจะทำยังไงดี
และที่สุด ในช่วงเวลาสับสน คิดอะไรไม่ออก ที่พึ่งคือ "โรงพยาบาล" ตอนนั้นสองทุ่มกว่าแล้ว สองแม่ลูกมาที่ห้องฉุกเฉิน ด้วยเหตุผลที่แม่บอกว่า ร้อนใจ เพราะลูกยังไม่ได้ฝากท้อง อยากรู้ ว่าเด็กในท้องจะสมบูรณ์แข็งแรงดีไหม ทางห้องฉุกเฉินเลยส่งต่อมาที่ห้องคลอด 
จริงๆ แล้ว ถ้ามองในแง่มุมของ “งานอย่างเดียว งานนี้ไม่ฉุกเฉินหรอกค่ะ ไม่ใช่งานในหน้าที่ของห้องคลอดด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้มาด้วยอาการเจ็บครรภ์คลอด หรือมีเหตุให้ต้องได้นอนโรงพยาบาลแต่อย่างใด นัดมาฝากท้องในเวลาราชการก็ได้
แต่ว่า.... สบตาทั้งสองคนแล้ว บอกตัวเองว่า
ไม่ได้...ปล่อยไปไม่ได้...นี่มันเรื่องฉุกเฉินทางใจนี่นา

โชคดี มีโอกาสได้คุยกับลูกก่อน เพราะแม่ออกไปโทรศัพท์นอกห้อง
เลยได้ถามไถ่ ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร
เรื่องของเรื่อง คือ หนูก็มีแฟนคบกันมาหลายปี แม่ก็รู้ แต่ก็อยู่ในสายตาตลอด ไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเลย
แต่เกิดเรื่องเพราะหนูต้องไปติวที่กรุงเทพ พ่อแม่เหมารถตู้ให้ลูกๆ ไปด้วยกันเป็นกลุ่ม ให้ไปพักบ้านที่ว่างอยู่ของเพื่อนในกรุงเทพ
เด็กๆ อยู่กันลำพัง ไม่กี่คืนก็เป็นเรื่อง
กลับมา ไม่ได้บอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคิดว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนั้นอีก และก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะหนูไม่อยากเสียอนาคต
แต่โชคชะตาไม่ยอมให้เรื่องจบลงแค่นั้น
แม้หนูจะสอบผ่าน มีอนาคตสดใสรออยู่ แต่ก็มีเรื่องราวที่หนักหนายิ่งกว่าครั้งใดๆ ในชีวิตมาให้หนูขบคิด
ท้อง คำๆ นี้ ถ้าเป็นคนที่พร้อม ทั้งเรื่องชีวิต การงาน ครอบครัว คงเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่าเรื่องใดๆ
หนูคงไม่รีรอที่จะประกาศให้ใครๆ ได้รู้ข่าวดีนี้ และร่วมแสดงความยินดีกับหนูด้วย
แต่ในความเป็นจริง หนูต้องเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองเพียงลำพังถึงสามเดือน กว่าจะเปิดปากออกมาได้
ขอบคุณความดีในตัวหนู ที่ไม่ได้คิดทำอะไรเสี่ยงๆ ด้วยตัวเอง และยังนึกถึงแม่ ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้หนูได้
หนูคิดถูกแล้ว....
 

พอแม่กลับเข้ามา ก็เลยได้คุยกันพร้อมหน้า แม่-ลูก และพยาบาล (ที่ไม่มีลูก)

ถามแม่ว่า คิดว่าจะทำอย่างไร โชคดีอีกนั้นแหละ ที่แม่ไม่คิดจะให้ลูกทำแท้ง แต่ก็ห่วงอนาคตของลูกเหลือเกิน อยากให้ได้ไปร่ำเรียน แต่เป็นอย่างนี้ จะทำได้หรือ?
ก็เลยแชร์ความคิดกัน ให้แม่-ลูกได้พูดในสิ่งที่คิดว่า ควรจะทำอย่างไร
โชคร้าย ที่พยาบาลไม่สันทัดเรื่องระบบการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนี้ ว่าถ้าสอบได้ แล้วดร็อปไปก่อน ค่อยไปเข้าเรียนปีหน้าได้หรือเปล่า หรือจะต้องสละสิทธิ์ไปเลย (กรณีนี้ ใครรู้ช่วยบอกทีนะคะ)
จึงได้แต่ขอสัญญาใจกันไว้ ว่าหนูจะดูแลตัวเองให้ดี มาฝากครรภ์ และคลอดน้อง ดูแล ให้นม จนปีหน้า หนูค่อยฝากน้องไว้กับแม่ แล้วตัวเองกลับไปเรียนต่อ จนจบ มีงานทำ ค่อยกลับมาดูแลแม่ กับลูกอีกที
ถามความเห็นแม่ แม่ก็บอกว่า แม่เลี้ยงหลานได้ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย
แต่พอถามลูกว่า “หนูพอจะทำได้ไหมหนูก็ดูจะลังเล ก็เลยแสดงความคิดเห็นไปว่า ถ้าเป็นเราเอง เราคงไม่อยากให้แม่ทำแท้งเราออกใช่ไหม และถ้าเราคลอดแล้ว คงไม่อยากให้แม่ทิ้งเราใช่ไหม และถ้าเรารู้ว่าแม่รักเรา แต่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่ออนาคตของเรา และพยายามแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุดโดยไม่ทำร้ายเรา ทั้งที่แม่ต้องลำบาก เราคงจะรักแม่มาก
พูดถึงตรงนี้ ทั้งแม่และลูก ก็ร้องไห้ แม่ลูบศีรษะลูก และบอกว่า หนูจะรักลูกของหนู เหมือนที่แม่รักหนู ใช่ไหมลูก คำพูดของพยาบาลที่พูดมายืดยาว ดูจะไม่มีความหมายเลย ประโยคนี้ของแม่ต่างหาก ที่ทำให้หนูตัดสินใจได้ในที่สุด เช็ดน้ำตา และสัญญาอย่างเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง ว่าหนูจะเอาลูกไว้...และจะไม่ทิ้งลูก

                

ถึงตอนนี้เลยถามทั้งสองคนว่า มีอะไรที่อยากจะให้ช่วยอีกไหม
ทั้งสองคนตอบเป็นคำเดียวกันคือ อยากจะตรวจดูว่าน้องในครรภ์แข็งแรงดีไหม
จริงๆ ณ เวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น
แต่ด้วยความตั้งใจดีของแม่ลูก จึงเชิญคุณหมอให้ช่วยมาทำอัลตราซาวน์ให้ และช่วยตรวจครรภ์ เจาะเลือดให้ ตอนที่ทั้งคู่ได้เห็นหัวใจเด็กเต้นได้เห็นศีรษะ แขน ขา มือ นิ้ว ได้เห็นเด็กขยับตัวในจอเครื่องอัลตราซาวน์ และได้ฟังเสียงหัวใจเด็กด้วยเครื่องฟังเสียงหัวใจเด็ก ได้ยินเสียงเต้นตุบๆๆๆ ดูท่าทางทั้งสองคนดีใจ และมีความสุขมากจนเราไม่ต้องอธิบาย โน้มน้าวใจอะไรอีกเลย 
จากนั้นก็ให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง และนัดมาฟังผลเลือด / ฝากครรภ์ที่ห้องฝากครรภ์อีกครั้งในเวลาราชการ
จบกระบวนการ ทั้งสองคนขอบคุณเรามากมาย แต่เราคิดว่า เราต่างหาก ที่ต้องขอบคุณเขา ที่ให้มุมมองดีๆในชีวิตอีกมุมหนึ่งแก่เรา และทำให้เรารู้ว่า ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าใครมากมายจะกระทำ พร่ำพูดกับเราอย่างไร คนที่มีความหมายกับเรา รักเราที่สุด และช่วยให้เราเผชิญชีวิตได้ในที่สุด ก็คือ แม่นั่นเอง

 
จบเรื่องเล่าเรื่องแรกตรงนี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านอย่างอดทนยิ่ง :-) 
หวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากผู้อ่านทุกๆ ท่านนะคะ
และจะพยายามปรับปรุงการเขียน และนำเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันในชุมชนอีกค่ะ
 
หมายเลขบันทึก: 189223เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2008 15:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (39)
  • ลองพิมพ์ใน word
  • ใช้อักษร Tahoma 14 point
  • copy มาวางใน gotoknow ครับ
  • อยากอ่านต่อครับผม
  • ธุค่ะ..

ถ้าต้อมเจอสถานการณ์อย่างคุณแม่ท่านนี้   ก็คงนิ่งไปชั่วครู่ (นิ่งเพราะตกตะลึงกับคำบอกกล่าวของลูก+สมองกำลังประมวลเรื่องราวต่างๆ)

จะดึงตัวลูกน้อยมากอด...ช่วยกันหาบทสรุปของเรื่องนี้ (แต่ในสถานการณ์จริงๆ ก็คงไม่ง่ายเลยนะคะ

 

ขอบพระคุณค่ะ

ดีอก ดีใจ ออกหน้า ออกตา ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว

รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยนะคะ :-)

  • เจอเหตุการณ์แบบนี้ลำบากเหมือนกันนะครับ
  • แหมน้องต้อมพี่นึกว่าน้องต้อมแก้ไขได้
  • อิอิๆๆ
  • ลองแก้ไขบันทึกดูนะครับ
  • ธุค่ะ..

สำหรับคุณลูกวัยกระเตาะที่กำลังจะกลายเป็นคุณแม่ กับคุณแม่ที่จู่ๆ ก็กำลังจะได้เป็นคุณยาย..  ทางออกมันก็มีอยู่หลายทาง   และขอเอาใจช่วยให้เธอทั้งสองคนนี้ก้าวผ่านพ้นบททดสอบนี้ไปได้ด้วยเถอะ

 

ขออนุญาตจัดการพี่คนนี้หน่อยนะคะ   P ..แหมน้องต้อมพี่นึกว่าน้องต้อมแก้ไขได้   <<  ท่านพี่ลืมไปแล้วรึ ว่าน้องเพิ่งจะวัยรุ่นเอง  ยังไม่เคยมีลูก  อิอิ  ก็เลยยังไม่มีประสบการณ์มาแก้ไขเรื่องนี้ 

เรียน ท่านผู้มีอุปการะคุณที่ติดตามอ่านทุกท่าน

ดึกๆ คืนนี้จะมาเขียนต่อนะเจ้าคะ อยากรู้ว่าทำไง ต้องตามไปดูค่ะ :-)

  • ค่ะ ไว้ดึกๆ คืนนี้จะตามไปดูค่ะ
  • อยากรู้ว่าทำไงเหมือนกันค่ะ  

HA HA

พี่ไก่ตามอ่านไหวแน่นะคะ

เวลาดีของตัวยุ่งคือตีสาม-ตีสี่ ค่ะ

แต่ตอนนี้ ขออนุญาต...งีบเอาแรงก่อนค่ะ :-)

โห นึกว่าน้องต้อมจัดการได้ รออ่าน เป็นเพื่อนพี่กัญญา นะครับ โห ตีสามตีสี่ รอก็รอ ฮ่าๆ

ตามมาให้กำลังใจค่ะ จะรออ่านนะคะ

  • สวัสดีค่ะ ขอร่วมแลกเปลี่ยน ในฐานะคนมีลูกสาวคนเดียว ( ตอนนี้แปดขวบค่ะ) เคยแอบคิดอยู่เสมอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขี้นจะรู้สึกอย่างไร
  • ลึก ๆ แล้วดีใจด้วยซ้ำที่เขาจะได้ให้กำเนิดใครอีกคนที่จะสามารถรักเขาได้มาก ๆ เหมือนที่แม่รักเขา การมีลูกเป็นสิ่งที่วิเศษณ์ที่สุด ถึงแม้จะพลาดพลั้งก่อนเวลาอันควรก็ต้องรักษาเอาไว้ ภายหน้าอาจจะไม่มีโอกาสก็ได้ ( มองในฐานะคนมีลูกยาก และมามีลูกเอาเมื่ออายุมากน่ะค่ะ)
  • เรื่องเรียนพักไว้ก่อน ไม่มีคำว่าสาย ชีวิตจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมเพื่อน 
  • ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่มากของเด็กวัยสิบเจ็ด แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย

เมื่อได้ยินลูกตอบ สิ่งที่แม่ทำได้คือ กอดลูก แล้วบอกว่า
“เราค่อยๆ คิดกันนะลูกนะ ว่าจะทำยังไงดี”
.....

เป็นคำที่ปลดเปลื้อง หรือชะลอความทุกข์เศร้าของผู้ฟังได้เป็นอย่างดียิ่ง

ขอบคุณครับ

ขอบคุณ คุณอักษร และ คุณแผ่นดิน ที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
ดีใจมาก
เป็นมือใหม่หัดเขียนค่ะ
หวังว่าจะได้รับการพัฒนาจากที่นี่นะคะ

  • เป็นอย่างที่คิดไว้เหมือนกันนะคะ เรื่องบางเรื่อง เราคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ เก็บไว้แต่กับตัวเอง บางทีไม่รู้เลย ว่าแค่บอกคนใกล้ๆตัวเท่านั้น เรื่องจะง่ายขึ้นอีกเยอะเลย เราไม่ได้โดดเดี่ยว .... ใช่ไหมคะ :-)

หวัดตอนเช้าเจ้าตัวยุ่ง

  • ตามมาอ่านจบแล้วนะคะ
  • เขียนได้ดี เรื่องน่าอ่าน

ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น เนื้อหาควรอยู่ติดต่อกันนะคะ แก้ไขบันทึกให้อยู่ในช่องรายละเอียดด้านบน และปรับแต่งให้มีวรรคตอน ปรับ Front ให้อ่านง่าย มีภาพน่ารัก ๆ มาเพิ่มสีสรรให้กับบันทึกนะคะ

พี่โยงตัวอย่างของสมาชิก G2K รุ่นพี่ ๆ มาให้ดูตัวอย่างนะคะ

อ.วัชราภรณ์   ครูมิม  คุณดาวลูกไก่  พี่อักษร  ครูตุ๊กแก  ฯลฯ

จะรอติดตามผลงานนะคะ

ขอบคุณค่ะ พี่ไก่

  • ตามไปดูตามที่แนะนำแล้วค่ะ
    ฮือฮา ฮือฮา เมื่อไหร่จะทำได้อย่างนั้นมั่งหนา
    เทคนิควิธีการยังตามหลังใครๆ อีกหลายขุมเลยค่ะ
  • ที่ลงเป็นตอนๆ ทีละน้อย เพราะนึกว่าให้ลงได้ทีละน้อยๆ น่ะค่ะ (คิดเอาเองทั้งเพ)
    ไปดูของปรมาจารย์ทั้งหลายแล้วถึงรู้ว่า อะฮ่า ข้าน้อยช่างอ่อนด้อยประสบการณ์นัก
    ต่อไปจะปรับปรุงค่ะ ขอแอบไปดูเทคนิควิธีการอีกนิดนะคะ :-)

 

มาอ่านเรื่องราวและคำถามชวนคิดครับ...

คำถามบางคำถามมันไม่น่ากลัวที่คนอื่นจะตอบ...

แต่มันน่ากลัวที่เราจะตอบอย่างไรต่างหาก...

ขอบคุณครับผม...

 

  • พี่ไก่ขา มาแก้ไขเอาเรื่องราวไปไว้รวมกันแล้วค่ะ ไม่ขาดเป็นห้วงๆ แล้ว แต่หน้าตายังไม่สวยดี
  • คุณ Mr.Direct ชอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอคำแนะนำในโอกาสต่อไปด้วยนะคะ :-)

สวัสดีค่ะ คุณตัวยุ่ง

  • แม้บันทึกจะยาว....แต่ด้วยเนื้อหาสาระที่นำเสนอนั้นมีคุณค่า...ผู้อ่านจะติดตามอ่านจนจบ...เสมอค่ะ  เพียงแต่หากปรับตัวอักษรได้ขนาดที่คุณน้องขจิตแนะนำไว้  ก็จะทำให้ผู้สูงวัยเช่นพี่สบายตาขึ้น
  • ขอบคุณสำหรับบันทึกที่ดี  และบทบาทของพยาบาลที่เป็นที่พึ่งยามยากของประชาชนอย่างแท้จริง(ไม่ใช่สถานีตำรวจ...อิ...อิ...)
  • ให้กำลังใจในการถ่ายทอดความรู้ฝังลึกต่อไปค่ะ

สวัสดีคะ

อ่านแล้วก็อึ้งไปซักพ้ก จริง ๆ ตามอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ แต่ตัวเล็กมาก (แก่แล้ว อิอิ)

สายเลือด สายใยของความเป็นแม่ บางครั้ง ความเข้าใจในตัวตนทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ขอเพียงให้มีคนสำคัญเข้าใจ เพียงคนเดียวก็เพียงพอ ....เพราะถ้ายิ่งซ้ำเติม ก็เหมือนเรายิ่งไปทำร้ายเขา ..ไม่ใช่ทำร้ายคนเพียงคนเดียวนะคะ แต่มันกระทบไปอีกหลาย ๆ อย่าง 

ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่สำหรับคนอีกหลาย ๆ ท่าน บางครั้ง ผงเข้าตาตัวเอง ก็เอาออกลำบากเหมือนกัน อย่างน้อยในสถานการณ์ของความเป็นจริง โลกเราก็ไม่ได้มีแต่คนซ้ำเติม แต่ยังมีคนที่หวังดี และให้กำลังใจคนอื่นเสมอ

คำว่าอภัย เมื่อพลาด อันนี้ยิ่งใหญ่ค่ะ เพราะเขาจะเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด และแก้ไข ให้ดีขึ้น เพนาะนั่นคือบทเรียนชีวิต ที่มีต่อชีวิตอีกหลาย ๆ ชีวิต

ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟัง  ได้แง่คิดมากมายเลยค่ะ

ขออนุญาตนำเข้าแพลนเน็ตนะคะ อิอิ.

สวัสดีค่ะ ขอชื่นชมพยาบาลและคุณหมอค่ะ

  • ขอบคุณ พี่กฤษณา พี่ Ranee สำหรับกำลังใจค่ะ จะพยายามปรับปรุงการเขียนให้น่าอ่าน + สวยๆ เหมือนที่ทุกท่านแนะนำไว้ เขียนจบแล้วถึงรู้ว่าเรื่องยาวจังแฮะ แต่ก็เป็นโรคตัดใจไม่ลง (ตามประสาพยาบาล รู้ๆ กันอยู่นะคะ)เลยออกมายาวเฟื้อยอย่างที่เห็นค่ะ วันหลังจะเขียนให้สั้นกว่านี้ค่ะ สัญญา :-)
  • คุณพี่ pa daeng ขา
    รุ่นน้องขอรายงานตัวค่ะ
    (ขอนั่งพับเพียบ มือประสานที่ตัก ตามอง 45 องศาก่อนนะคะ)
    จบ วพ.สรรพสิทธิประสงค์ รุ่น 18 จบปี 2534 ค่ะ
    เอ ตามหลังพี่ทันไหมคะ อาจจะคลาดกันประมาณ 1 ปี กระมังคะ
    ฝากเนื้อฝากตัว + ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
  • ปล.แอบเก็บทุกท่านเข้าแพลนเน็ตแล้วนะคะ :-)
  • แวะมาทักทายค่ะ 
  • ดีเยี่ยมเลย ทั้งเขียนบันทึก และ Comment 
  • ข้อมูลครบ แล้วค่อยตกแต่งทำสวยงามต่อไปนะคะ
  • จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ

สวัสดีเจ้าค่ะ

น้องจิไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี คิคิ เพราะน้องจิไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่ขอกอดพี่ต้อม กับ ครูเสียงเหน่อๆ ก่อนเลย 55555+++ รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --->น้องจิ ^_^

  • สวัสดีค่ะ..

กลับมาอ่านต่อแล้วค่ะ.. อ่านแล้วก็รู้สึกรักคุณแม่คุณลูกคู่นี้เป็นนักหนา   ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักกัน

เป็นกำลังใจให้คุณแม่และคุณลูกคู่นั้นนะคะ ^^ 

 

และมารับกอดจากน้องสาวเสียงเหน่อๆ ด้วยค่ะ

 

  • ดีใจจังที่น้องจิแวะมาอ่าน ไม่อยากบอกเล้ย ว่าจริงๆ ก็ยากให้เด็กๆ อ่านกันแหละต่ะ แฮ่ม แต่ใครไม่เด็กก็อย่าน้อยใจไปนะคะ ดีใจที่ทุกคนแวะมาทักทายกันค่ะ
  • ขอบคุณ คุณเนปาลี ที่ติดตาม เป็นกำลังใจให้มากเลยค่ะ หวังว่าจะรออ่านเรื่องต่อๆ ไปนะคะ :-)

สวัสดีครับ

แวะมาอ่านครับ

จะเอาไปเล่าให้เด็กๆ ฟัง ;)

สวัสดีค่ะ พี่ตุ๊..

เข้ามาทักทายและชื่นชมผลงานค่ะ ..เก่งจังเลย

น้องจ๋า เข้าไปแก้ตัวอักษรหน่อยนะคะ สงสารสายตา สว  แล้วจะน่าอ่านมากๆๆๆค่ะ

  • รับทราบ+ปฏิบัติค่ะ พี่แก้ว
    ต้องขออภัยท่าน สว. ทุกท่านที่ต้องทนทรมานอ่านมานานหลายเพลา แก้ไขขนาด Font แล้วนะคะ
  • หนูเอ๋ คนสวย พี่รออ่านงานอยู่นะจ๊ะ

                                  

น้องตัวยุ่งพี่อ่านแล้ว ตอนแรกก็เสร้าค่ะ ตอนจบดีค่ะ ขอบคุณสำหรับการแวะมาเยี่ยม เล่าเรื่องภูเรือดีกว่านะคะ บุษบารีสอร์ท เจ้าของเค้าต้อนรับอบอุ่น อาหารอร่อย ถ้าไม่คิดมากนอนห้องรวมก็ได้ หลายๆเตียงค่ะ จะได้ประหยัดงบประมาณ

ขอบคุณพี่หน่อยที่ติดตามมาเชียร์ค่ะ

ไว้หนาวนี้ ถ้ามีเวลาอาจจะแวะไปเที่วเมืองเลยบ้าง ถ้าจะได้ไปจริงๆ อาจจะรบกวนขอข้อมูลนะคะ :-)

สวัสดีค่ะ ตัวยุ่ง

  • แวะมาเยี่ยมค่ะ

สวัสดีรอบดึกค่ะ พี่ไก่

เพิ่งเจอกันวันนี้ในงานสัมมนาพยาบาลพี่เลี้ยง กลับมาหมดแรงค่ะ (ทำงานไม่หยุดมาสิบกว่าวันแล้ว เริ่มแผ่วปลายแล้วค่ะ)

คาดว่าอาทิตย์หน้าจะคลอดเรื่องใหม่ๆ ออกมาให้อ่านกันอีก ตอนนี้ขอทำงานหลวงก่อนจั๊กกะน้อยค่ะ :-)

กางเขนน้อยที่บ้านในป่า ถ่ายเองค่ะ :-)

  • สวย สวยมาก  ภาพที่ใช้ตกแต่งบล็อก...เมาส์สวยเชียว อิอิ
  • ช่วงนี้งานหนักเหมือนกันค่ะ  เพิ่งรู้ว่าจะได้ทำแบบประเมินตนเองหมวด 2 (ล้วนๆ) ...อิอิ ช่วงนี้มีให้เขียนของบ UM นะคะ คิดว่าห้องคลอดคงเพียบ  ...ที่นี่ก็พยายามจะส่งเท่าที่จะมีเวลาหยิบจับมาขมวดให้...เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเหนื่อยมาก สุขภาพไม่ค่อยดีนัก

 

หนูกลอย

  • แอบดอดเข้ามาดูเมื่อไหร่หนอ นี่ก็หัดแต่งบล็อกไปเรื่อยๆ คลายเครียด เพลิดเพลินดีเหมือนกันจ้ะ แต่ต้องตอนว่างๆ อารมณ์ดี ๆด้วยนะ (ตีสามตีสี่ ประมาณนั้น อิอิ)
  • แนะนำ...ต้องไปอ่านเรื่องความเคยชินของน้องเอ๋ (independent woman) ยังทำลิงค์ไม่เป็นแฮะ ไปหาดูในแพลนเน็ตรวมเรื่องฯ ละกัน
  • ว่าแล้วก็ขอให้กระโดดออกจากหม้อให้ทัน หายร้อนค่อนโดดเข้าหม้อไปสู้ใหม่ นะจ๊ะ อ้อ อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยเน้อ เป็นห่วงนะจ๊ะ

ประทับใจในเรื่องที่นำมาบอกเล่าให้ฟังมากเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณค่ะ
เมื่อตอนที่เขียนเรื่องนี้ หวังใจให้เป็นเรื่องราวให้แง่คิดทั้งกับวัยรุ่น และครอบครัว
โดยการเตือนให้ระวัง ดูแลตัวเองไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัย และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ควรจะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร
คิดว่าไม่มีอะไรที่บอกเล่าได้ดีกว่า "เรื่องจริง"
งานนี้ต้องขอบคุณ "เจ้าของเรื่อง"
ที่ในวันนั้น แก้ปัญหาได้ด้วยความรัก
และในวันนี้ อาจทำให้หลายท่านที่อ่านได้รับรู้สิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์
ขอยกความดีทั้งหมดให้กับ แม่ ลูก และหลานตัวเล็กๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท