"ความสุขใจ" ที่ได้รับจาก "การเขียนบันทึก"


"ถ้าคิดจะทำอะไร ก็ควรรีบลงมือทำทันที
เพราะว่าความคิดของคนเรามักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
อีกทั้งอย่าผัดวันประกันพรุ่ง
เพราะความคิดที่เกิดขึ้นเปรียบเหมือนดั่งคลื่นที่กระทบฝั่ง
แล้วล่าถอยกลับมา ยิ่งชักช้าก็ยิ่งอ่อนแรง"

ลเลียม เชคสเปียร์

 

วามหมายของการเขียน

การเขียน ือ การสื่อสารชนิดหนึ่งที่เป็นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการของผู้ส่งสารออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องและเข้าใจตรงกัน รวมทั้งยังสามารถนำมาบอกต่อ หรืออ้างอิงก็ได้อย่างครบถ้วน  (ลุงไอน์สไตน์, 2552, หน้า 6)

 

ก่อนเป็นครู

 

ก่อนที่โชคชะตาวาสนาจะให้ผมมาทำหน้าที่สอนคนให้มีความรู้ตามวิชาชีพเทคโนโลยีการศึกษานั้น ... ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้มีงานเขียนใด ๆ ออกมาเลย นอกจากทำงานกับคอมพิวเตอร์ ทำเว็บไซต์ เป็นงานประจำปกติ

จำได้ว่า การเขียนเป็นเรื่องที่ฝังใจตัวเองมานานว่า ยากที่จะคิด ยากที่จะทำ อันเกิดจากบทเรียนของการทำบทนิพนธ์สมัยเรียนปริญญาตรี การทำวิทยานิพนธ์สมัยเรียนปริญญาโท ... งานเขียนให้คนอื่นเขารู้เรื่องในสิ่งที่เราทำ แถมยังต้องอ้างอิงให้มีหลักฐานเพียงพอ เป็นที่ยอมรับ ยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาหิมาลัยเสียอีก

 

เมื่อเป็นครู

 

เมื่อมารับหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือ เดินมาทางสายวิชาการอย่างชัดเจน หน้าที่และภาระของครูมหาวิทยาลัย ได้แก่ การเขียนเอกสารประกอบการสอน การเขียนตำรา การทำงานวิจัย การให้บริการวิชาการแก่สังคม ฯลฯ

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ต้องอาศัยการเขียนสื่อสารให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ เข้าใจถึงความรู้นั้นได้ง่ายดายขึ้น รวมทั้งอาจจะมีการบรรยายเน้นย้ำไปให้ชัดมากขึ้นอีก

นอกเหนือจากการเขียนสมุดไดอารี่ที่เป็นกระดาษที่ใช้พยายามไม่เคยสำเร็จ จนพยายามจะเขียนแบบไดอารี่ออนไลน์ แต่เขียนได้ไม่เท่าไหร่ ก็หยุดเขียน เนื่องจากพบมารผจญ ... ทำให้ทิ้งร้างไปโดยไม่เหลียวแล

 

การเขียนบล็อก

 

จนกระทั่ง ... วันหนึ่งได้มีโอกาสเข้ามาลองทำความรู้จักกับ BLOG การเขียนบันทึกใน gotoknow ... ตัวเองไม่เข้าใจในประโยชน์ หรือสภาพแวดล้อมของชุมชนเสมือนแบบนี้หรอก เพราะไม่เคยมีประสบการณ์การใช้ BLOG มาก่อน

 

เข้ามาแรก ๆ ก็เฝ้าเพียรถาม เรื่องราวต่าง ๆ ในหลายแง่มุม

 

บันทึกที่เขียนส่วนใหญ่มีแต่ความสงสัย การต้องการคำตอบ ไม่ได้เป็นงานเขียนที่ให้ความรู้มากนัก เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้รู้ท่านอื่นเสียมากกว่า

ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะพอเข้าใจเลา ๆ ว่า ลักษณะชุมชนเครือข่ายแบบนี้มันมีความรู้สึกอย่างไร ?

มาชิกทุกคนมีตัวตน แต่จะเปิดเผยตัวหรือไม่เท่านั้น ...

สมาชิกแต่ละคนมีความชำนาญและประสบการณ์แตกต่างกันไป

สมาชิกแต่ละคนมีมุมมองในการนำเสนอวิธีคิดต่าง ๆ มากมาย

ฯลฯ

 

การฝึกหัดการเขียน

 

เมื่อฝึกหัดการเขียนไปได้สักระยะ เริ่มเข้าใจมากขึ้น เริ่มมีการปรับปรุง เพิ่มเติมสมุดบันทึกที่เป็นแนวทางที่ตนเองสนใจ มีความชำนาญมากเป็นพิเศษ

จนวางวัตถุประสงค์ไว้เลยว่า หากเป็นสมุดบันทึกเล่มนี้ เราอยากนำเสนอเพื่ออะไร อีกเล่มนำเสนออย่างไร

บันทึกหลายบันทึกที่เขียนไปอยากให้เกิดการต่อยอดความรู้ มุมมอง ความนึกคิดของสมาชิกท่านอื่น ๆ เพื่อประมวลความรู้และความเข้าใจของตัวเองด้วยว่า เห็นเป็นอย่างไร เข้าใจเป็นอย่างไร เกิดความรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่

 

บันทึกหลายบันทึกเขียนเพื่อรณรงค์ความถูกต้องอะไรบางอย่างที่ตัวเองเห็นว่า ันไม่ถูกต้อง ันจะทำให้สังคมมีค่านิยมที่ผิด ๆ เช่น

 

การเขียนด้วยแบบดิบ ๆ

 

การเขียน เป็นการถ่ายทอดแนวความคิดของตัวเองออกมาได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าบางครั้งก็วางโครงสร้างเนื้อหาในใจ แต่บางครั้งก็ไม่เคยวางโครงสร้างเลย คิดอะไรตรงจุดไหนก็เขียนออกมาเป็นตัวอักษรก่อน เรียกว่า จคิดอย่างไร เขียนไปอย่างนั้น แล้วจึงค่อยกลับมาทบทวนอีกรอบว่า สิ่งที่ตนเองเขียนไป สื่อสารตรงใจที่อยากบอกสมาชิกท่านอื่น ๆ หรือไม่

การเขียนของตัวเอง เหมือน การเขียนดิบ ๆ ที่กลั่นกรองมาแล้วบ้าง แต่ยังไม่ดีที่สุดเท่าที่คนเป็นนักเขียนควรมี

 

ข้อควรระวังในการเขียนแล้วไม่ทบทวน

 

การเขียนบันทึก ณ สถานที่ที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต (Internet) นั้น หากมีการเขียนออกไปแล้วไม่ได้ใคร่ครวญเนื้อหาใด ๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อความรู้สึก สถาบันบางแห่ง บางบุคคล นั้น ควรแก้ไขเนื้อหาก่อนที่จะตัดสินใจ ลิก ! ปุ่มบันทึก ...

ทราบไหมครับว่า คลิก ! ปุ่มบันทึก ปั๊บ ... เนื้อความก็ออกสู่สาธารณชนทันทีทั่วโลกที่สามารถอ่านภาษาไทยได้ ภายในเวลานั้นทันที ... เวลาไม่กี่นาที อาจทำให้คนที่อ่านเนื้อหาบันทึกของเราเข้าใจผิดได้เป็นจำนวนร้อย ๆ คน พัน ๆ คน ก็ได้ ... ยิ่งปล่อยเวลาไป แล้วไม่แก้ไขเนื้อความ ... ปริมาณคนก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้น เมื่อเขียนบันทึกเสร็จ ควรตรวจสอบเนื้อหาเสียก่อนที่จะตัดสินใจ คลิก ! ครับ

 

การเขียนตามกระแสความสนใจบ้าง

 

ในหลาย ๆ ครั้ง การเลือกเนื้อหาในการเขียนบันทึกจะเลือกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้ ๆ ตัว ที่ได้รับรู้ เรียกว่า ันสมัยต่อเหตุการณ์

เช่น ตอนนี้ในชุมชน gotoknow กำลังคุยกันเรื่อง digital divide, knowledge divide เป็นต้น ...

ผมก็ศึกษาหาความรู้จากหลายบันทึกของทีมงาน จากสมาชิกท่านอื่นบ้าง บางทีก็สงสัยในความเข้าใจผิด เข้าใจถูก ก็เห็นว่า น่าจะมีความรู้ไปนำเสนอให้พิจารณาดู ก็เขียนบันทึกลักษณะนั้น ๆ บ้าง

 

เจตนารมณ์ของการเขียนบันทึกด้วยใจ

 

หลายคนจะเข้าใจความหมายของการเขียนบันทึกของผมในช่วงระยะเวลานั้น ๆ ว่า ผมต้องการสื่ออะไรออกไป ... หลายคนไม่เข้าใจ ก็ปล่อยผ่านไป

ด้วยนิสัยที่เป็นครู ผมจึงชอบให้ความรู้ในแง่มุมต่าง ๆ ให้กับเพื่อน ๆ และกัลยาณมิตรอย่างสม่ำเสมอ เพียงแต่ว่าถ้าเข้าใจก็ถือเป็นกุศล แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ถือว่าเขามองไม่เห็นเอง ป้อนอย่างไรก็คงไม่รับ เหมือนสอนลูกศิษย์เป๊ะ !

 

จนถึงบันทึกนี้แล้ว ผมเขียนบันทึกมาถึง ๕๑๔ บันทึก ล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวพอสมควร

ผมมีความสุขทุกครั้งที่เขียนบันทึก ผมท่องไว้ในใจเสมอว่า บันทึกที่ผมเลือกเขียนลงไป ผมเขียนเพื่อใคร เพื่อคนกลุ่มใด และอยากบอกอะไรกับพวกเขาได้รับรู้บ้าง

ผมมีลมหายใจที่ไม่เบียดเบียนใคร เลือกทำความดี และให้ได้เท่าที่ตนเองมีความสามารถ มีมุมมองเฉพาะตัวที่คนอื่นอาจคิดไม่ถึง ...

 

เมื่อผมเขียนบันทึกที่มาจากใจ ... ผมมีความสุขทุกครั้ง ครับ

คิด แล้ว เขียน ... เขียน แล้ว ทบทวน ... ทบทวน แล้ว นำเสนอ

ขอบคุณเพื่อน ๆ และกัลยาณมิตรทุกท่าน ครับ :)

 

หมายเลขบันทึก: 259599เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2009 15:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (44)

สวัสดีค่ะ

การเขียนในบล็อก ได้lo &km จากกัลยาณมิตร เช่นได้เรียนรู้ต้นไม้ ดอกไม้มากขึ้น

ขอบคุณครับ คุณ berger0123 ... ที่ให้ทัศนะจากความคิดเห็นเอาไว้ครับ :)

ผมคิดว่า คนที่จะสัมผัสการเขียนบันทึกได้ ต้องเขียนให้ได้ ๑๐๐+ ขึ้นไปก่อนนะครับ ถึงจะพ้น ระดับวิกฤติ (จะท้อ หรือ จะถอย)

คือ หลายคนจะหลุด ไม่หลุดจากวงโคจรก็ตรงนี้

แต่หากติดลมบน เขียนไป พัฒนาตัวเองไป ได้มิตรดีๆไป ถือว่า ได้รับความสุขจาก gotoknow ไปเต็มๆครับ

เหมือนเจ้าของบันทึกนี้...  :)

 

สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อบันทึกใหม่แล้วครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

"บันทึกนี้ เจ้าของติดลม (โม้) บน"

555 ... กฎแรงดึงดูดยังใช้ได้ดีครับ

ขอบคุณมากครับ :)

ตอนนี้อยู่ในช่วงพัฒนาการถดถอยค่ะ (แปลง่ายๆ ว่าขี้เกียจ) และมีกิจกรรมอย่างอื่นทำเยอะ เลยไม่ค่อยได้เขียนอะไร เป็นพวกติสท์จัดไปหน่อยด้วยค่ะ จะเขียนอะไรทีต้องควานหาแรงบันดาลใจแถวตู้เย็นหรือตู้กับข้าวก่อน คือท้องว่างแล้วเขียนไม่ออกค่ะ 555 แต่ทุกบันทึกที่เขียนไปนี่รับผิดชอบและตรวจตราก่อนบันทึกออกไปแน่นอน เป็นพวกที่ค่อนข้างซีเรียสกับสิ่งที่เขียน ถ้าเม้นท์ก็ไม่เท่าไหร่ อนุทินก็เฉยๆ แต่ถ้าเป็นบันทึกจะใส่ใจมาก และคัดกรองเนื้อหาที่เขียนก่อน ไม่ใช่แบบประเภทเข้าลิฟต์แล้วตดก็เอามาเขียน หรือประมาณว่าก่อนตดเขียนได้เรื่อง ตดเสร็จเกิดแรงบันดาลใจเขียนได้อีกเรื่อง แบบนั้นก็หาสาระไม่ได้ และสิ้นเปลืองต่อการใช้ทรัพยากรค่ะ

อีกไม่กี่วัน ก็จะมีโอกาสไปมอบความรักให้กับคุณครูที่ โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก

งานนี้ถือว่า เป็นการเพิ่มความรัก ลดความเหลื่อมล้ำ นะครับ

 

เรื่องของการเขียนบล็อก หนูว่ามีคนห่างหายไปจากการเขียนบล็อก

ด้วยความที่หลายเหตุผลที่หายไป ทำให้เรานึกถึงและห่วงใยกัลยาณมิตรที่ห่างหายไปเพราะยุ่งกับงานและภารกิจ

แต่ทุกครั้งที่ระลึกถึงกลัยาณมิตร ก็จะแวะไปเยี่ยม ไปอ่าน เพราะคนเหล่านี้เขียนบล็อกได้เยี่มมากๆค่ะ ถึงแม้ปริมาณในการเขียนจะน้อยแต่คุณภาพยังมีอยู่ค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบคุณค่ะ
  • ได้อ่าน ได้คิดตาม
  • ธุ อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

เคยคิดว่า "หนังสือคือชีวิต" "หนังสือคือเพื่อน"  แล้วก็ยังมี "การเขียนคือชีวิต" อีกแน่ะ   พอใจ+สุขใจที่ได้อ่าน ได้เขียน    และระลึกรู้อยู่ในทุกขณะจิตว่าเมื่อได้พิมพ์ข้อความใดๆ ลงไป แล้วกดคลิกส่งผ่านข้อความนั้นสู่โลกไซเบอร์..มันจะปรากฏสู่สาธารณชน   ส่วนใหญ่แล้วเราเรียกคืนข้อความนั้นๆ กลับมาเพื่อแก้ไขใดๆ ไม่ได้   ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไร "ต้องใส่ใจ" ค่ะ   จึงเกิดการคัดกรอง (เท่าที่จะทำได้   หากที่ไม่ได้คัดกรองก็เพราหลงๆ ลืมๆ  อิอิ)

 

เพราะ  เพราะ  เพราะ  เพราะ  เพราะ 

เพราะ  เพราะ  เพราะ  เพราะ  เพราะ 

 

คัดคำผิดเองก็ได้ อิอิ  ^^

ขอบคุณค่ะกับข้อคำถามที่อาจารย์ตั้งไว้คิด

ย้อนกลับไปอ่านข้อสงสัยของอาจารย์หลายๆข้อสงสัย..ทำให้ได้คิดดีค่ะ

ขอบคุณกับสิ่งดีดี..บล็อคเขียนแล้วมีความสุขเสมอ...เรามีมิตรภาพที่ดีดีที่ตรงนี้หลายหลายคน..ดีใจที่ได้มิตรภาพที่ดีนั้น...

ทุกความเห็น ใช่เลยค่ะ

มาร่วมด้วยครับผม :)

เห็นด้วยกับควมคิดเราที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลาครับ คิดจะเขียนก็เขียนเลย กับคิดแล้วค่อยเขียน...ชีวิตชีวาต่างกันเย๊อะครับ อิอิ

ทั้งนี้ทั้งนั้น บันทึกไว้ดีที่สุดครับ...บันทึกวันนี้...พรุ่งนี้ก็เก่าแล้ว(ลอกสำนวนคุณเอนก นาวิกมูล)

ขอบคุณมากๆครับ :)

เรื่องที่ผมเขียนส่วนใหญ่คิดบ้าง ปิ๊งบ้างน่ะครับ

พอเขียนไปเขียนมา ก็เริ่มมี skillบ้าง (ผมคิดเองนะครับ)

จากคนชอบอ่าน ก็มาเป็นคนชอบเขียนบ้างตามโอกาส

บันทึกของคุณซูซานเป็นตัวอย่างของความรับผิดชอบต่อผู้อ่านอย่างสูงสุดครับ ... เนื้อหาแน่น การจัดวางเอกสารในหน้าบันทึก ยกให้เป็นมือวางด้านการออกแบบจริง ๆ ครับ ... สวย งามแบบมีศิลป์ ... ก็เจ้าของบันทึกเป็น ART นี่ครับ ...

การเขียนบันทึกที่หาสาระได้น้อย เป็นชีวิตประจำวันที่เขียนทุกวัน แบบนี้เรียกว่า "เปลืองทรัพยากร" จริงดังว่าครับ

ขอบคุณครับ :)

เรากำลังเข้า "มาตรการลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้สึก" ให้กับคุณครูโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กครับ ;)

ขอบคุณครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

สวัสดีอีกคราครับ คุณ berger0123 ;)

เขาเรียกว่า ความสม่ำเสมอ ใช่ไหมครับ

แม้นานเพียงใด แต่คุณภาพยังคงเดิม

ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือนครับ คุณ ครูคิม ;)

  • ผมว่า การเขียน เป็นการทบทวนความรู้ของตนเองให้เป็นระบบมากขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองเข้าใจแล้ว ยังต้องพยายามสื่อให้คนอ่านเข้าใจด้วย
  • อาจารย์เป็นคนที่ ช่างคิดช่างเขียน จริงๆครับ

การคัดกรองและใส่ใจในการเขียน การสร้างบันทึก เรียกว่า "ความรับผิดชอบ" ครับ หนูต้อม เนปาลี ;)

ความรับผิดชอบของผู้เขียนบันทึกไม่ต่างอะไรจากชีวิตจริง ... ซึ่งถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติเช่นเดียวกันครับ

ชื่นชมครับ :)

ขอบคุณครับ ท่าน ศน.add ;) ...

คนช่างสงสัยจะทำให้เราสามารถสร้าง "องค์ความรู้ใหม่" ได้โดยบังเอิญ เหมือนนักประดิษฐ์ของโลกเคยผ่านมาแล้ว

BLOG สร้างมิตรภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ ... จริงบ้าง หลอกบ้าง ไม่ต่างอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริง

;)

ใช่เลย ประมาณนี้ บอกกันว่า ใช่เลย ;)

ขอบคุณครับ pa_daeng ;)

ขอบคุณครับ คุณน้อง adayday ;)

บันทึกวันนี้...พรุ่งนี้ก็เก่าแล้ว

ดังนั้น มันต้องเขียนกันแบบสด ๆ ครับ 555

ใช่เลยครับ คุณ Phornphon ... การที่เราจะมีเรื่องเขียนได้ทุก ๆ วัน แสดงว่า เราต้องผ่านกระบวนการคิดมาก่อน ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า รวมถึงสมองซีกซ้ายซีกขวาที่อยู่ภายในด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ :)

ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์หมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ;)

เป็นการหาเรื่องฝึกคิด ทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมในเรื่องอิคิวซังนะครับ

นี่ก็ติดนิสัยเหมือนกันนะครับ เวลาไปสอนนักศึกษา มักจะลองหาคำถามมาถามนักศึกษาดูวิธีคิดของพวกเขา ชอบให้พวกเขาฝึกคิดให้เป็นบ้าง ดีกว่ารับความรู้แต่ฝ่ายเดียวครับ

:)

  • อาจารย์จัดเวลาได้ไงคะนี่ ขยันเขียน(เรื่องดีๆ)  ขยันอ่าน
  • พี่กำลังทบทวนตัวเอง เพราะไม่มีเวลามากพอที่จะเข้ามาเขียน มาอ่านทุกวัน (เกรงใจคนที่บ้าน...เริ่มบ่นเบาๆ แม่นั่งทำอะไรหน้าคอมนานจัง)
  • เผลอๆ ทิ้งงานมาอ่าน Blog แน่ะ
  • เขียนยังถึง ๑๐๐ เลยค่ะคุณเอก  สงสัยจะต้องหลุดจากวงโคจรซะแล้ว
  • เฮ้อ....

ผมว่า ผมเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ พี่ nui ... ว่างเมื่อไหร่ มาหน้าจอคอมฯ เมื่อนั้น ... แถมบางทีขี่รถเครื่องอยู่ดี ๆ นึกถึงประเด็นที่อยากเขียนเฉยเลยครับ ... พอมาถึงที่ทำงานก็ประมวล ๆ ๆ ... แล้วลองลงมือเขียนเองครับ

หรือ หากนำมาจากการอ่าน ก็อ่าน อ่าน อ่าน แล้วบังเอิญเจอประเด็นที่ประทับใจ ... เอามาลงเพื่อแชร์ความรู้กันเลยครับ

ถือเป็นความตั้งใจแชร์เรื่องราวที่อ่านมายังกัลยาณมิตรของผมทุกท่าน ครับ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ :)

แวะมาทิ้งร่อยรอย  อิอิ

รู้ว่าตัวเองค่ะ

ว่าบันทึก...ตัวเอง   ต้องปรับปรุงเป็นอันมากๆๆ 5555+

ขอบคุณอาจารย์หนอน......อิอิ

ที่ให้คำชี้แนะตลอดมา

ขอบคุณมาก แม่นาง (คุณ ครูเอ ;) ...

ข้าฯ พร้อมที่จะให้คำชี้แนะท่านเสมอ

555

อาจารย์ทำให้ผม มองย้อนดูตัวเองว่า ความเป็นครูของเรา สอนให้นักเรียน ช่างคิด ด้วยหรือเปล่า

ขออภัยอาจารย์หมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ด้วยครับ ... ผมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นครับ ... ผมไม่ค่อยมีโอกาสพบนักเรียนเก่ง ๆ บ่อยนักครับ ที่คิดเป็น พูดเป็น ทำเป็น ... ส่วนใหญ่ Copy เป็น พูดไม่เป็น ก้มหน้าก้มตา ... โกงเป็น ส่วนใหญ่ครับ ... สอนยากมากครับ สำหรับจิตสำนึกความเป็นคนดี ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

แวะมาทักทายค่ะยามตาใกล้ปิดค่ะ

อ่านบันทึกแล้วนะค่ะ แต่หมดแรง comment แล้วค่ะ อยากบอกแค่ว่ามันจี๊ดๆ ค่ะ (โดนจี้ใจดำ)

ขอบคุณค่ะ :o

ทบทวนตนเองดูน่ะ น้อง สี่ซี่ :) ...

คิด แล้ว เขียนสิ่งที่คิดดู ... แล้วค่อยนำสรุปเป็นหัวข้อมาวางคั่นไว้

สนุก สนุก ครับ

ว่าแต่ มันไปจี้ใจดำ ๆ ของน้อง สี่ซี่ ตรงไหนหว่า 555

ขอบคุณครับ :)

ทุกวันนี้รู้สึกโลกหมุนไปไวมาก จนตามไม่ทัน

แต่พอได้มาอ่านข้อความของอาจารย์แล้ว

ตอนนี้เหมือนกำลังก้าวถอยหลังลงคลองไปทุกวัน ทุกวัน

เหมือนสร้างกำแพงให้ตัวเอง

ตอนเรียนจบใหม่ ๆ มีความคิดดี ๆ มากมาย

พอเวลาผ่านไป ความคิดเหล่านั้นก็หลุดลอย

มืแต่ความซ้ำซากจำเจในการทำงาน

ความเบื่อหน่ายในหน้าที่การงานเข้ามาแทนที่

ขอบคุณบทความดี ๆ ของอาจารย์ที่ช่วยเตือนใจ

คิดแล้วเขียน เขียนแล้วทบทวน ทบทวนแล้วนำเสนอ

ขอบคุณอืกครั้งค่ะ

อ่านบันทึกของอาจารย์ คุณ ora และประสบการณ์ของผมที่สอนนักเรียนแพทย์  ทำให้ผมตั้งคำถามกับระบบมหาวิทยาลัยของเราว่า เรากำลังสอนแต่ความรู้ แต่ไม่ได้สอนให้คนคิด หรือเปล่า

เรียนรู้จากบันทึกของอาจารย์หลายๆเรื่องค่ะ

บางที่ก็ถูกสอนทางอ้อม 55555

แบบยอมรับซะดีๆ  ต้องรีบแก้ไขอยู่ในใจค่ะ  อิอิ..

สำนึกได้ด้วยความรู้สึกที่ดี

เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ

ขอบคุณที่เผยความในใจ ถึงแม้จะไม่เปิดเผยหน้าตาที่หล่อเหลา(มั้ง)????

..หุหุ!! 

                         ของฝาก  จากสวนของแม่  ค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณ Ora ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนบันทึกนี้ :)

Dream Catcher ... ลองใช้การเขียนดักจับความฝันที่เคยคิดไว้ตอนเรายังเล็ก ๆ ดูไหมครับ

Gotoknow อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งได้ครับ :)

ของอาจารย์หมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี เป็นนักศึกษาแพทย์ คือ คนชั้นยอดในสังคมไทย

ของผม เป็นนักศึกษาครู คือ อาชีพที่คนเรียนไม่อยากเลือก

เรากำลังสอนให้คนมีความรู้จริง ๆ ครับ ... แต่การคิดเป็น เป็นโจทย์สำคัญที่ทุก ๆ วิชาชีพจะถามตัวเองว่า เราสอนกันหรือไม่ ?

ขอบคุณครับ :)

คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ครับ ... ถึงผมจะหล่อมากกว่าคุณเอกนิดนึง แต่มิอาจเปิดเผยใบหน้าได้ (เหมือนโฆษณายาสีฟัน แปรงสีฟัน ยังไงก็ไม่รู้นะครับ)

บันทึกผมคงเหมือนยาขม ... ที่ผู้รับคิดแล้วคิดอีกว่า เราคิดอะไรผิดไปหรือเปล่าหว่า เราต้องแก้ไข ปรับปรุงตัวไหม

คิดได้นี่ ดวงตาเห็นธรรม แล้วล่ะครับ

เพราะเป็นการเตือนจากมิตรที่ดีคนหนึ่ง ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน นอกจากสังคมสงบสุขและมีความสุขกันมากขึ้น

;)

ตอ้งถอยหลังครึ่งก้าวแล้วค่ะ

กลัวคำนี้ เนื่องจากพบแต่มารผจญ(แรงค่ะ)

กลัวคำว่าเลือกตอบบางคน

สัญญาค่ะ ความรู้สึกที่คิดจะให้ออกมานอ้ยที่สุด

อย่างนอ้ยฉันขอเวลา 6 เดือน

อย่างมากก็ 1 ปี

ขอเก็บสะสมกำลังใจเพื่อวันที่ฉันเดินออกไป

ฉันสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้

ไม่ใช่อยู่อย่างร่างที่ไร้วิญญาญ

เหมือนดังหุ่นไล่กา (คำที่แม่ฉันพูด)

ฉันพยายามหารอยยิ้มเพื่อให้ท่านชื่นใจ

เพื่อจะได้ลูกสาวคนเก่ากลับมา

ขอบคุณกับทุกสิ่ง

สัญญาจะพยายามห่างและหายไปในที่สุด


( ขออนุญาติ )


" สวัสดีค่ะครู "

" สวัสดีค่ะ อุนนุน " ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ ที่่แวะเข้ามาเจอข้อความ ปรกติอ่านเรื่อย ๆ อยู่แล้วนะค่ะ

หลายปีเพิ่งโพสมาต่อเนื่องครั้งนี้ครั้งที่สอง อ่านข้อความอุนนุนตรงนี้แล้ว" ใจแป้วค่ะ "


เป็นสื่อสาธารณะนะค่ะ เวลาโพสพอประมาณ(คำพูดการกระทำ)ตามมารยาทจ๊ะ

หมายถึง ประโยคคำพูด " อย่าเสียใจไปเลยนะ "

ดิฉันเองก็อยู่ในโลกเสมือน " ครูเขามีหน้าที่ของเขา อุนนุนมีหน้าที่เช่นกัน บางทีขอบเขตก็

พอประมาณจ๊ะ กลาง ๆ ไว้ ถือว่าเคารพพึ่งพากัน คนเราต่างมีที่มาที่ไปแตกต่างกัน

" ครูเขาต้องเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง คงไม่ใช่แค่ตัวหนังสือที่เราเห็นกัน

แล้วอย่างนี้ อุนนุนจะคิดว่ายังไง "

" ดูนี่สิ ดิฉันเป็นผู้ผ่านทาง ฟังแล้วรู้สึกเข้าใจทั้งสองท่าน สเหร่อโพสเข้ามาร่วมด้วย

นี่ก็เพราะสาธารณะ และเป็นเพียงผู้ผ่านทาง(เข้าใจนะค่ะ ผู้ผ่านทาง)


( ....... วางแล้วนะค่ะครู วางนะจ๊ะอุนนุน

ดิฉันถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสื่อสารธารณะ

" อยากเข้ามาอ่าน เจอกับการมองจากความเป็นจริง

กับหน้าที่ ความรับผิดชอบ การกระทำ

...ดิฉันเป็นผู้อ่าน ไม่ใช่คนในเว็ปนี้ ( ไม่ใช่สิ เคยสมัครเมื่อเกินหกปีที่แล้วมั้ง เข้าไม่ถูกแล้ว

เดี๋ยวจะมุสา อ่า ดีแล้วที่ไม่อยู่ในนี้ ไม่งั้น... ฮ่า ๆ )

ไม่ใช่ใคร ๆ เป็นคนผ่านทาง พอเขียนได้ใช่ใหม ไม่น่าเกลียด

เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม ระวังให้กันด้วยนะค่ะ(บอกทุกคน)

แล้วจะกลับมาเยี่ยมเยือนค่ะ ขอโทษอีกครั้ง ให้กำลังใจทั้งสองท่านค่ะ

" อุนนุนนะ ให้กำลังใจตัวเองนะจ๊ะ แยกเป็นเรื่อง ๆ

และทบทวนตัวเอง ด้วยความเข้าใจ แล้วคุณจะมีทางออกที่ดีได้ในเร็ววันค่ะ

อย่าเสียใจกับคำพูดที่ครูก็คือครูเลยนะค่ะ เขาสอนให้เข้มแข็ง " ฯลฯ


ขออภัย ไม่ได้มาแก้แทนให้ใคร แต่เป็นคนมองเห็นหลาย ๆ อย่าง " ขอบคุณปัญญาชน "

ขอให้กำลังใจครู และอุนนุนค่ะ

( นรินทิพย์ )


N(W)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท