เช้านี้นัดประชุมประเมินผลการเรียนผู้เรียนระดับ ม.ต้น ที่เริ่มต้นเรียนไปได้ ๒ เดือนแล้ว
ผู้เรียนเทอมนี้มี ๒ คน เป็นเยาวชนที่จบ ป.๖ ได้ ๒-๓ ปี และช่วยพ่อแม่ทำไร่อยู่ที่บ้าน ไม่ได้เรียนต่อ ตอนแรกที่มาสมัครเรียนไว้มี ๖ คน พอก่อนจะเปิดเทอมคนนึงก็มาบอกว่า จะไปทำงานไต้หวันแล้ว ส่วนอีก ๒ คน ก็ไปทำงานรับจ้างที่จังหวัดเชียงราย
เราจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยให้เยาวชนกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ที่ไม่มีโอกาสศึกษาต่อในระบบเพราะต้องช่วยทางบ้านทำงาน ให้เขาได้มีความรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง พยายามจะให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับเขาในการอยู่ในหมู่บ้าน เพราะส่วนใหญ่เขาต้องช่วยพ่อแม่ทำไร่อยู่ในหมู่บ้านอยู่แล้ว นอกจากบางคนที่ต้องหลุดไปทำงานรับจ้างนอกชุมชนเต็มตัว
ตอนผู้สอนประเมินกันล่วงหน้า ก็ตั้งใจว่า จะพักกลุ่มนี้ไว้ก่อนในเทอมนี้ ไม่ใช่เพราะคนน้อยเท่านั้น แต่คนนึงก็ขาดๆ หายๆ อย่างที่บันทึกไว้ใน "ตามหานักเรียนหาย" http://gotoknow.org/blog/deschool/194345 และพอดีอีกคนที่ไม่ค่อยหาย มาเรียนสม่ำเสมออย่างตั้งใจแม้จะต้องเรียนคนเดียว ก็กลับหายไปอีกคนเมื่อสัปดาห็ที่แล้ว
บรรดาผู้สอนจึงตัดสินใจกันว่า ถ้าแบบนี้คงจะเสียเวลาและพลังงาน (ไม่นับรวมถึงเสียกำลังใจด้วย) ของผู้สอนทั้ง ๓ คนที่จะต้องมานั่งรอ และเตรียมการสอนไว้เก้อ สู้เอาเวลาไปเตรียมสำหรับกลุ่มอื่นๆ น่าจะเป็นประโยชน์กว่า !!
พอวันนี้ได้พูดคุยแล้ว ก็ได้ทราบว่าคนแรกติดธุระและลืมที่จะแจ้งล่วงหน้า แต่ที่สำคัญเขายังยืนยันขันแข็งว่าเขาอยากมาเรียน แม้จะต้องเรียนคนเดียว (ที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาตั้งใจจริง และมาเรียนคนเดียวไม่ติดเพื่อน ผิดวิสัยเด็กวัยรุ่นวัย ๑๙ ปี ที่ไว้ผมยาว มีรอยสักที่แขน ซึ่งน่าจะไปรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน นี่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์จากหมู่บ้านลงมาเรียนไปกลับไม่ต่ำกว่าชั่วโมง แถมช่วงนี้หน้าฝนก็ลำบากใช่เล่น)
คุยไปคุยมาถึงครอบครัวและชุมชน ก็ทราบว่า ในหมู่บ้านเล็กๆ ของเขาบนดอย ไม่มีเยาวชนวัยเดียวกับเขา มีเพียงเขาและเพื่อนอีกคนที่ชวนกันมาเรียนด้วยกันนี้ ที่โตกว่านั้นก็แต่งงานไปแล้ว ตัวเขาก็อยากมาเรียน อยากมีความรู้ ไปสมัครเรียนที่ กศน. ครูก็ไม่ค่อยได้สอนให้
ฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งไป และประโยคหนึ่งก็ลอยขึ้นมาในหัวว่า "คนๆ เดียวมีค่ามากกว่าทั้งโลก"
นี่แหละ "กลุ่มเป้าหมาย" ของโครงการการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคมของเรา
คนที่อยากได้โอกาส แต่ไม่มีโอกาส !!
เลย .. ตัดใจ ปิดกลุ่มนี้ ไม่ลง..
สัปดาห์นี้ยิ่งประทับใจใหญ่
ฝนตกหนักมาก ขนาดเราซึ่งบ้านใกล้กว่ายังต้องรอให้ฝนซาก่อนเลย
แต่นักเรียนคนนี้ ขี่มอเตอร์ไซด์มาจากหมู่บ้านไกลมาก ฝนก็ตกหนัก
แถมรถเสียอีก มาถึงเลยตัวเปียกหมด ครูต้องหาเสื้อมาเปลี่ยนให้
แต่ยังไงก็ใจสู้ ขอมาเรียน ไม่กลัวฟ้า กลัวฝน เรียนคนเดียวก็ไม่ท้อ
ยิ่ง confirm ว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ยังไม่ปิดการเรียนการสอนกลุ่มนี้