วิจัย เอาปริญญาเอก ทำไมต้องทำ แบบสอบถาม


วันก่อน  ผมเพิ่ง ปฎิเสธ  นศ ปริญญาเอก  มหา ฯ  ชื่อดัง ของประเทศไทยไป  ว่า  คงไม่ขอรับเป็น กรรมการวิทยานิพนธ์  เพราะ

๑)  ยังมาอีหรอบเดิมๆ  คือ  นศ  ออกแบบๆ สอบถาม   มาปรึกษาผม ว่า แบบสอบถาม เข้าท่าห์ไหม  

จากนั้น จะได้ เอา แบบสอบถาม  ไปอาละวาด  ถามผูู้คนต่างๆ ในวงการ แล้ว ก็เอามา  ทำเป็น Model  สรุปรวบยอด     จากนั้น  ไป  ถกกับ พวกอาจารย์  แล้ว ออกมาได้ ปริญญาเอก !!!   ว้าว...  ผมว่า  มันง่ายไปนะ

ผิดหลักการ  "วงจรเรียนรู้"  แบบสุดๆเลย

๒) ผมว่า พวกนักข่าวสารคดี ในวารสารต่างๆ   เขาทำ แค่ ไม่กี่ีสัปดาห์ ผมว่า  ก็ได้ เนื้อหาดีกว่าด้วยซ้ำไป   แบบนี้  พวกนักข่าว  คงได้ปริญญาเอก กันหมดแล้ว

๓) แบบนี้ ไม่น่าเรียกว่า   "วิจัย"   น่าจะเรียก เป็น "อวิจัย"   สะมากกว่า

หมายเลขบันทึก: 234691เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
ชอบจังครับบันทึกนี้
  • ขอบคุณครับ
  • อ่านแล้วตื่นจากภวังค์

เค้าเรียกว่า "โพลล์ปริญญาเอก" หรือเปล่าครับอาจารย์ :)

แค่ปริญญาโท ... ก็ไม่ควรจะทำแล้วครับ "แบบสอบถาม" นั่นน่ะ

มีวิธีการค้นหาความรู้ องค์ความรู้อยู่มากมาย กลับเลือกวิธีที่ (มัก) ง่ายที่สุด จบเร็ว ประสบความสำเร็จเร็วหรือเปล่าครับ

คารวะการตัดสินใจในครั้งนี้ ครับ :)

ตามวงจร เรียนรู้

คุย คิด คลิก คลำ ---> Nonaka learning cycle

คุย คือ Dialogue ไม่ใช่ เอาแบบสอบถาม ไปถาม มันต้อง คุยๆ แลกเปลี่ยน ...

ยิ่ง เอาเอา แบบสอบถาม ไปถาม CEO ไทย ยิ่งแย่ใหญ่เลย เพราะ CEO ไทย ก็ยังไม่รู้อะไรเยอะนัก ลอกๆ เขามามา นายสั่งมา มั่วๆอยู่

คิด คือ ค้นคว้า จดบันทึก mindmap ... อันนี้ เห็นได้ว่า มักทำกัน ประมาณ 50% ของความหนา วิทยานิพนธ์

คลิก คือ ปิ๊ง ได้ ทฤษฎีใหม่ ... อย่าง ที่ Senge สร้าง 5 Discipline หรือ Scharmmer สร้าง Theory U ....

ค่อยสมศักดิ์ศรี คนทำ ปริญญาเอก หน่อย

ไม่งั้น ผมว่า Senior Project ของ ปริญญาตรีบางคณะ ... ยังดูมีคุณค่ากว่า ปริญญาเอก แบบ Poll

คลำ คือ ตั้ง Hypothesis แล้ว เอาไปทำ ผิดก็ได้ กลับมาคุย กันอีก ไม่ใช่ กรรรมการ อาจารย์ ด่าๆๆๆๆๆๆ ให้ ตรงกับ ทฎษฎีของพวกอาจารย์เรียนมาก ... แบบนี้ กบในกะลา จะถ่ายทอด ไม่ให้ ออกไปจาก กะลา

ประเทศเรา ขาด คุณภาพ ในการวิจัย ที่ เป็น "ปัญญา" ที่ ตอบโจทย์จริงๆ กับ ชุมชน กับในสังคม น้อยมาก เรามีเรื่องวิจัยมากมาย ในองค์กร ในห้องเรียน ในชุมชน ในตัวผู้บริหาร (วิจัย สันดานผู้บริหาร) นักการเมือง ข้าราชการ ฯลฯ

ปริญญา เป็นแค่ Result ... ดันเอามาเป็น ประเมินผล คัดคนเข้าทำงาน Promote งาน ..... หาก พวก ฝ่าย HR หลงกล ฝ่ายการศึกษา ... ประเทศไทย ล่มจมลง แบบโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ

ที่เราต้องการคือ กระบวนทัศน์ในการเรียนรู้ กระบวนการในการเรียนรู้ สร้างฉํนทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ให้ตนเองได้

สุ ฯ คือ การเรียนรู้ นอกตัว ฟัง คิด ถาม เขียน (สุ จิ ปุ ลิ) สอบ

จิตมยปัญญา คือ จินตนาการ แบบนอกตัว (วิสัยทัศน์ มโนภาพ วาดฝัน ฯลฯ) และ จินตนาการ แบบในตัว (โยนิโสมนสิการ โอปนยิโก สนทนากับใจตนเอง ดูจิต ดูขันธ์ ๕ ฯลฯ เพื่อให้ จิตว่าง)

ภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาตอนจิตว่าง มีสติกำกับ ความคิดที่ออกมาตอนจิตสงบ ไม่เจือกิเลส เป็นปัญญา ที่มาจาก ผลของการทำจิตว่าง

สวัสดีครับ อาจารย์

ข้อเขียนของอาจารย์โดนใจผมมากครับ
แต่ต้องขอเรียนว่า "แรงมาก" สำหรับบางคน
ผมว่าคนเราบางจำพวกมักจะรับไม่ได้
เมื่อมีใครสักคนพยายามพูดอธิบายสิ่งที่เป็น "ความจริง"

ขออนุญาตแจมด้วยนะครับ
กับประเด็น

ผมกำลังนึกไปถึงปัญญาอีกหนึ่งประเภทครับ
เคยได้ยินผู้รู้หลายๆท่านในแวดวง KM
มักจะพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่า "ปัญญาปฏิบัติ"
อันหมายถึง ปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้จากการทำงานจริง
ผมเคยคิดเล่นๆ ว่าหากจะให้ดูเท่ห์ขออนุญาตเรียกว่าเป็น

"ปฏิปทามยปัญญา" จะได้ไหมครับ

ส่วนปัญญาอีกลักษณะหนึ่ง
มักจะได้มาตอนทำ "สุนทรียสนทนา"
ซึ่งได้มาจากการ เปิดใจ รับฟัง ต่อยอดความคิดซึ่งกันและกัน
ผมขอถือวิสาสะเรียกว่าเป็น "สุนทรียสนทนามยปัญญา" นะครับ

จะผิดหลัก ถูกหลัก หรือจะมีความคิดเห็นเป็นประการใด
ก็สุดแท้แต่จะพิจารณากันนะครับ

ขอบคุณครับสำหรับเวทีที่เปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นครับ

 

สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมค่ะ เห็นด้วยมากๆค่ะ

สวัสดีปีใหม่ครับ

  • วิจัย เพื่อ วิจัย
  • วิจัยให้เสร็จๆ ตามประเพณี เพื่อกระดาษเปื้อนหมึกที่ไร้ความหมายใบหนึ่ง
  • วิจัยโดยปราศจาก ฉันทะ ในเรื่องที่ทำวิจัย มันคือ อวิจัย จริงๆด้วยครับ
  • เมื่อวานก็มีคนที่เรียนในม.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเอาแบบสอบถามมาเร่งเร้าให้ผมกาๆ ตอบๆ แล้วจะรอรับไปเลย จึงบอกเขาไปว่าไม่น่าจะทำแบบนั้น  คนตอบขีดๆกาๆไปแบบไม่ได้อ่านได้คิด คำตอบก็คงเชื่อถืออะไรไม่ได้ เขาไม่ทำกันหรอก .. สุดท้ายเธอก็บอกว่า ไม่ว่างก็ไม่ป็นไรค่ะ ผมเลยไม่ต้องร่วมทำบาป เรื่อง มุสาวาท ต่อสังคมในเรื่องดังกล่าว

เรียน อาจารย์ Handy

ถูกใจ เรื่อง ไม่ มุสาพรรณา ลงใน แบบสอบถามมหาลัย (มาหาอะไร๗ ยุคเสพนิยม

วันนี้ไปฟังนักวิจัยจาก วช.สัมมนาใหญ่ ฟังๆไปคนข้างหลังมาบอกว่าข้อมูลแย่กว่าข่าวในหนังสือพิมพ์อีก

โดนใจมากครับ . . . ผมเองก็ปฏิเสธไปหลายรายแล้วเหมือนกัน ตอนแรกก็รู้สึกไม่ดีที่ตอบปฏิเสธไป แต่ในที่สุดก็คิดว่า ดีกว่าที่จะไปประทับตราว่า "เครื่องมือวิจัย" ของเขา "ใช้ได้" แล้วปล่อยให้เขาเอาไป "อาละวาด" กับคนอื่นๆ . . .

คงยังสรุปไม่ได้

หากผู้ที่ทำแบบนั้นทำแล้วเกิดปัญญา

ศาสตร์ใครก็ศาสตร์มัน มันต้องใช้หลายอย่างประกอบกันในการพิจารณาว่าจะแค่ไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ และหลักการณ์เพียงอย่างเดียว แต่อาจมีความยึดหยุ่น วุฒิภาวะ ความรอบคอบ รอบด้าน คลอบคลุมในเนื้อหาที่ทำ ฯลฯ ประกอบด้วย  อยากให้ประเทศไทยเจริญ ก็ช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนานะครับ

ผมเห็นด้วย ครับ

และ อยากมองไป ที่

การทำวิจัยชุมชน ใน มหาวิทยาลัยชาวบ้าน

การดึง ทุกภาคฝ่าย เข้ามาทำวิจัยร่วมกัน

การลดความสำคัญของปริญญาลง

การทำวิจัยแบบ ครบวงจร โนนากะ ... โดยเฉพาะ เอาโมเดล ไป "ทดลองทำ" ..Thesis ของปริญญาตรี วิศวะ วิทยาฯ ก็มัก จะมีการ Implement เืพื่อดู Before และ After implement สักหน่อย ... ไปถามๆๆๆ แล้วสร้าง Model มัน ไม่ครบวงจร และ ขาดการ "รู้จริง" การกรอกๆ แบบสอบถาม เป็นอะไรที่ นักศึกษา มั่วไปให้ อจ ก็ได้ ... คนกรอก ชุ่ยๆก็มี .... มันก็ไม่ต่างอะไร กับ นักข่าวสารคดี นั่นเอง ....

สมัยนี้ ต้อง วิจัยแบบ ลงมาคลุก ลงมาทำ ลงมาทดลอง ....ทำผิดพลาด ก็เอามา Dialogue กันได้ ...

ปริญญา โหล ขนาดนี้ ... MBA เกลื่อนเมือง ...

มองในแง่ดี ปริญญา เยอะๆ โหลๆ หมูๆ .... ทำให้ คนเสื่อมปริญญา ก็ดีนะ สงสัยเป็นแผนขั้นเหนือเมฆ คือ ให้คนหมดศรัทธาในปริญญา

คนจบ ปอ เอก ไปทำงาน บริษัทเอกชน ในเมืองไทยนี่แหละ ... มักจะโดน เพ่งเล็งง่ายมาก โดนแซวเสียคน ลาออกไปก็เยอะแล้ว ... ผลงานไม่มี ปริญญาก็ไร้ค่า ...

แต่ จบ ปอ เอก เข้า ราชการ นี่สิ ... เอาออกยังไง ??? ไล่ออกก็ลำบาก ... แต่ ถ้าแบบการศึกษาสมัยใหม่ ก็ สอนแบบ Learn how to learn ให้เขามี Space หรือ Ba ในการพัฒนางาน

ข้าราชการไทย จริงๆแล้ว ฉลาด แต่ ขาดโอกาสแสดงฝีใือ .. โดน ระบบชราภาพ เจ้านายนักกฏหมาย กลัว คอรัปชั่น ขั้นตอนเพียบ ฯลฯ ผล คือ Learn how to survive กันสะแล้ว .... บ้านเมืองก็ไปไม่รอด

โอ้สุดยอด

ข้าราชการส่วนใหญ่ โดนระบบชราภาพกระทบเยอะค่ะ

หลายครั้งที่กระเทือนจนอ่ออแรง

ขอบคุณอาจารย์ค่ะ

^_^

เยี่ยมมากเลยครับ

ข้าราชการมีฝีมือและเก่ง คนใหม่ๆเข้ามา ระบบเปลี่ยนแต่พฤติกรรมคนไม่เปลี่ยน น่าเห็นใจครับ

งานวิจัยเพื่อลดช่องว่างทางสังคม หากนักวิจัยรุ่นใหม่หรือนักวิชาการเล็งเห็นคุณค่าเพื่อผู้อื่นมากกว่า ใช้ประโยชน์สุขแต่เพียงลำพัง สังคมคงมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จะกี่มากน้อยก็เป็นทางคู่ขนานกันไป

ขอบคุณครับ กับบทความดีๆ

โชคดีที่งานวิจัย ป.เอก ของเราเป็น การทดลองล้วนๆ ไม่ใช่แบบสอบถาม

เฮ้อ...เหนื่อยจัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท