คุณครูระเบียบ เหล่านาค


ถ้ามองเพียงรูปลักษณ์ของคุณครู จะเห็นว่าไม่มีอะไรให้ประทับใจเลย แต่เมื่อมองที่แววตาสีหน้า ของคุณครูจะพบความเมตตา ใบหน้าและดวงตาของคุณครูจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา

            สืบเนื่องมาจากบันทึก  Facebook  ทำให้เราและเขาพบกันอีกครั้ง   ที่เพื่อนต่างแดนได้กระตุ้นถามข่าวของคุณครูท่านนี้  

คุณครูซึ่งเป็นปูชนียบุคคล  เป็นที่รักศรัทธาชื่นชมของนักเรียนที่ร่วมสมัยกับครูภาทิพ    เหตุที่ต้องจำกัดคำว่าร่วมสมัย

ของครูภาทิพเพราะว่า   คุณสมบัติของคุณครูระเบียบที่พวกเราประทับใจนั้น    ในรุ่นต่อมาซึ่งเป็นรุ่นที่สังคมอ่อนแอ 

ครอบครัวอ่อนแอ  จะมองเห็นความรักความปรารถนาดี   ความจริงใจของคุณครู  เป็นสิ่งที่จู้จี้ขี้บ่นน่าเบื่อ   น่ารำคาญ 

คุณครูในอุดมคติของรุ่นที่ซื้อทุกอย่างด้วยเงินก็คือคุณครูที่ตามใจพวกเขา  (ตามใจจะไปตกเหวที่ไหน)

 

            ก่อนหน้านี้ก็มีลูกศิษย์ของคุณครูโพสท์ข้อความถึงคุณครูไว้ที่สมุดเยี่ยมของครูภาทิพไว้เช่นกัน   เมื่อเขาเสิร์ทพบข้อความ

ที่ครูภาทิพเขียน  ไว้ในด้านล่างเว็บให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทยเว็บหนึ่งว่า   

          

จุดมุ่งหมายในการอุทิศตนเพื่อนำเสนอ

         1. เพื่อจัดทำแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ตำราที่มีคุณค่าของสถาบันการศึกษาที่ผู้จัดทำได้ศึกษาให้นักเรียนและผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้า

         2. เพื่อรำลึกถึงสุนทรภู่ จินตกวีเอกของโลก ที่เป็นต้นแบบในการแต่งกลอน และรำลึกถึงคุณครูระเบียบ   เหล่านาค คุณครูในดวงใจของผู้จัดทำ

 

            ครูระเบียบคือใคร  ครูระเบียบ เหล่านาค  คืออดีตครูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ม.ศ.๓) ของโรงเรียนสวีวิทยา

ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการด้วยปัญหาด้านสุขภาพของท่านก็คือรองผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง  

ไม่ทราบว่าเพราะตำแหน่งนี้หรือเปล่าที่ทำให้ท่านป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง  และก่อนเสียชีวิต ท่านเป็นอัมพาต

ดูแลตัวเองไม่ได้อยู่หลายปี  ทำไมลูกศิษย์รุ่นก่อนๆ  จึงติดตามข่าวคราวของคุณครู

 

            ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง  ผอมเกือบเกร็น  ใบหน้ารูปสามเหลี่ยมเล็ก  ผมหยิกฟูจมูกแบน  ตาเล็ก  ปากบางกว้าง 

เดินหลังโก่ง  สวมชุดที่ปกปิดถึงคอ  รองเท้าส้นเตี้ย  พูดอธิบายทีน้ำลายออกมาอยู่ที่มุมปาก  ถ้ามองเพียงรูปลักษณ์

ของคุณครูจะเห็นว่าไม่มีอะไรให้ประทับใจเลย   แต่เมื่อมองที่แววตาสีหน้า  ของคุณครูจะพบความเมตตา ใบหน้า

และดวงตาของคุณครูจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา  เมื่อเดินสวนทางกับนักเรียนคุณครูจะเรียกทักทายนักเรียนก่อน 

พร้อมจับมือถามข่าวคราว ทุกข์สุข 

 

         ในห้องเรียน คุณครูสอนสนุกมาก  คุณครูจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาโดยไม่เปิดหนังสือ เด็กเปิดอ่านไป  คุณครูจะอธิบาย

เล่าสอดแทรกเนื้อหา  ต่อยอดออกไปจากแบบเรียน   ใช้ภาษาทองแดงแทรกบ้างเป็นบางครั้ง   เมื่อคุณครูสอนเรื่อง

กามนิต วาสิฏฐี  คุณครูอธิบายทำเสียงให้เราเพลิดเพลินเกิดจินตนาการประหนึ่งว่าเราเป็นตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเลยทีเดียว 

และทำให้เราต้องไปอ่านต่อล่วงหน้า   เพื่อว่าเมื่อมาฟังคุณครูเล่าจะได้อรรถรสยิ่งขึ้น   ต่อมาจำไม่ได้ว่าคุณครูสอนเรื่องอะไร

จึงได้โยงไปสู่ พระราชนิพนธ์เรื่อง มัทนะพาธา เป็นบทละครพูดคำฉันท์ 5 องค์ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยนำคำฉันท์ ต่อไปนี้มาท่องให้นักเรียนฟัง    ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีเรียนในระดับชั้น ม.ศ.๓

 

อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี

ประดุจมโนภิรมย์ระตี ณ แรกรัก

แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์

แฉล้มเฉลาและโสภินัก นะฉันใด

หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย

สว่าง ณ กลางกมลละไม ก็ฉันนั้น

แสงอุษาสะกาวพะพราว ณ สวรรค์

ก็เหมือนระตีวิสุทธิอัน สว่างจิต

 

                และ

ความรักเหมือนโรคา               บันดาลตาให้มืดมน

ไม่ยินและไม่ยล                    อุปสรรคใดใด

ความรักเหมือนโคถึก              กำลังคึกผิขังไว้

ก็โลดจากคอกไป                  บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง

ถึงหากจะผูกไว้                     ก็ดึงไปด้วยกำลัง

ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง                     บ่ หวนคิดถึงเจ็บกาย

       ด้วยความไพเราะของคำฉันท์ครูภาทิพได้ไปหาอ่านและจดบันทึกไว้  ต่อมาจำไม่ได้ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ท่านก็โยง

ไปถึงผลงานของคุณสุวรรณ  ระเด่นลันไดและพระมะเหลเถไถท่านได้เกริ่นตัวอย่างเล็กน้อย  แต่ทำให้ครูภาทิพวิ่งแจ้น

ไปยืมหนังสือเรื่องนี้ในห้องสมุด   และอ่านจบภายในคืนนั้นกันเลยทีเดียว จะเห็นว่าคุณครูระเบียบมีบทบาทต่อ

การส่งเสริมการอ่านของครูภาทิพเป็นอย่างมาก

 

        บรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนกับเด็กทั่วๆไป  โดยเฉพาะกับนักเรียนรุ่นพี่ที่สอบตกต้องซ้ำชั้นมาเรียนร่วมกับพวกเรา  

มีเรื่องให้พวกเราได้หัวเราะเสมอ   ปกติพี่พวกนี้จะหนีเรียนไปสูบบุหรี่และเล่นปั่นแปะบนเขา (โรงเรียนสวีวิทยาตั้งอยู่ริมเชิงเขา  

บรรยากาศและทิวทัศน์สวยงามมาก)  แต่ในชั่วโมงของคุณครูพี่ๆ เขาไม่หนีกัน  อาจจะมาสายบ้าง  พี่ๆเขาก็จะมีทะลึ่งตึงตังบ้าง

พี่คนหนึ่งชื่อสง่าแต่ตัวเล็กนิดเดียว  เวลาที่พี่คนนี้ไม่สนใจฟังคุณครูจะเรียก  “นายสะง่า”  และก็พูดอะไรตลกขบขัน

ให้ได้เฮกัน  คุณครูไม่มีอาการห่วงเรื่องความสวยเลย 

 

           ความจำของคุณครู  คุณครูคงจำชื่อเด็กได้ไม่หมดหรอกแต่ถ้าคุณครูพบเห็นหรือผ่าน คุณครูจะเรียกมาทักทาย

พร้อมจับมือถามสารทุกข์สุกดิบอย่างละเอียด  ให้เวลากับลูกศิษย์เต็มที่   สำหรับครูภาทิพหลังจากจบออกมาเป็นครูจึงได้

ติดต่อกับคุณครูอีกครั้งโดยการส่ง ส.ค.ส.ไปให้พร้อมจดหมาย  คุณครูก็ตอบกลับมาทุกครั้ง  เมื่อคุณครูทราบว่าครูภาทิพป่วย

คุณครูเขียนจดหมายมาให้กำลังใจถี่มาก  ช่วงหลังครูภาทิพจะทำ ส.ค.ส.ทำมือพร้อมแต่งโคลงกลอนส่งไปให้คุณครู  

ก็ได้ทราบจากเพื่อนที่สอนที่โรงเรียนสวีวิทยาบอกว่าคุณครูตั้ง ส.ค.ส.นี้ไว้บนโต๊ะพร้อมบอกใครต่อใครว่าภาทิพส่งมาให้  

คุณครูภูมิใจที่บอกกับใครต่อใคร   ต่อมาคุณครูมารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง   ซึ่งต้องดูแลเด็กวัยรุ่น

ในยุคสังคมและครอบครัวอ่อนแอ ทราบว่าคุณครูขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเยี่ยมบ้านเด็กที่มีปัญหาทุกบ้าน ซึ่งได้รับทั้งดอกไม้

และก้อนอิฐ  (คือความไม่เข้าใจและการช่วยเหลือของผู้ปกครอง)  อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้คุณครูป่วย

และทรุดหนักเร็วขึ้น

 

         ทุกๆ  เช้าก่อนออกจากบ้าน  หรือทุกปีที่มีการไหว้ครู   และทุกครั้งที่ครูภาทิพทำบุญทำทานไม่ว่าจะด้วยเงินหนังสือหรือวิทยาทาน

ครูภาทิพจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คุณครูระเบียบ  เหล่านาค  อยู่เสมอ  เพราะคุณครูคือครูในดวงใจของครูภาทิพ

และของผองเพื่อนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องอีกหลายร้อยคน

 

หมายเลขบันทึก: 325750เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2010 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท