เรื่องที่อยากเล่าให้ฟังคือเรื่ิองของนาย John Fisher นายคนนี้ก็เป็นคนธรรมดาๆนี่เอง มีอาชีพเป็น DJ ในไนท์คลับมาก่อน ก่อนหน้านั้นเคยผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจ ( Aortic Valve ) ที่มีปัญหามาก่อน ต่อมาอาการก็แย่ลง แค่อาบน้ำแต่งตัวเอง ก็ชักจะไม่ไหวเอาซะแล้ว แพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ แกก็ตัวชา พูดอะไรไม่ออก คิดถึงแต่เมียกับลูกอีก 4 คนว่าใครจะดูแล ในใจคงคิดว่า ไม่รอดแน่แล้วเที่ยวนี้ แกก็รอคิวผ่าตัดตั้งแต่เดือน สิงหาคม 1999
วันที่ 30 กรกฎาคม ปี 2000 ขณะที่อายุได้ 38 ปี พี่แกก็ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจใหม่ หลังผ่าตัด 5 วันก็เริ่มเดิน 8 วันก็เริ่มเขียน website โดยมีคนไข้ด้วยกันและเพื่อนๆช่วยสอนให้ ครบ 15 วันก็ได้กลับบ้าน
6 อาทิตย์หลังผ่าตัด ก็ไปร่วมเดิน วันนั้นเดินได้ 3 ไมล์ครึ่ง 11 เดือนหลังผ่าตัดก็ถีบจักรยานระยะทาง 48 ไมล์
20 เดือนหลังผ่าตัดพี่แกก็วิ่ง London Marathon ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 56 นาที 24 วินาที จนถึงวันนี้ พี่แกลงวิ่ง London Marathon มาแล้ว 5 ครั้ง ลงวิ่งมาราธอน ที่ Athens Snowdonia Sydney และ Venice มาแล้ว หลังสุดใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง 13 นาที 23 วินาที
นอกจากนี้พี่แกยังลงแข่ง London Triathlon ( ไตรกีฬา หรือ ไก่สามอย่าง ) อีก 3 ครั้ง ไม่นับจักรยานทางไกลอีกนับไม่ถ้วน วันที่ 22 เมษายน 2007 นี้พี่แกจะลงวิ่ง London Marathon ครั้งที่ 6 หรือเป็นการวิ่้งมาราธอนครั้งที่ 10 ของพี่แก และในวันที่ 19 พฤษภาคม 2007 ก็มีโปรแกรมจะลงวิ่ง Great Wall of China Marathon ที่ประเทศจีนอีก
ทั้งหมดที่นายคนนี้ทำก็เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะและชักชวนคนให้บริจาคอวัยวะหลังจากเสียชีวิตด้วยการแสดงความจำนงไว้ล่วงหน้าขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งรณรงค์ให้บริจาคให้กองทุนเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
ฟังๆดูก็คล้ายๆไม่เห็นมีอะไร แต่แค่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจก็คงไม่ธรรมดาแล้วหละ ต้องกินยา ต้องระวังอะไรต่ออะไรอีกตั้งหลายอย่าง แต่นายคนนี้ก็ไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อ แกสู้ยิบตา คงต้องฝึกหนัก มีวินัย มีจุดมุ่งหมาย มีความมุ่งมั่น วิ่งมาราธอน ระยะที่คนธรรมดาฟังแล้วยังรู้สึกหนาว แถมยังวิ่งรณรงค์และหาทุนสนับสนุนกองทุนเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีก
มานึกถึงตัวเรา ร่างกายก็ดีๆอยู่ หัวใจก็ของเราเอง แต่ไม่รู้จักดูแลรักษา จะออกกำลังกายก็มัวกลัวโน่นกลัวนี่ อ้างโน่นอ้างนี่ เทียบกับนาย John Fisher แล้วรู้สึกอาย ไม่ใช่ต้องการให้ทุกท่านฮึดฝึกหนักขนาดลงแข่งมาราธอนนะครับ เอาแค่ออกกำลังกายแบบแอโรบิค อาทิตย์ละ 3 วัน ครั้งละ 20-30 นาทีก็พอแล้ว
มีนักวิ่งมาราธอนหลายคนที่เคยเป็นโรคหัวใจ ( กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ) ขนาดต้องนอนไอซียูกันมาแล้ว พอหายป่วยแพทย์ก็แนะนำและฝึกให้ออกกำลังกาย โดยการฝึกที่อาศัยหลักวิชาการ ฝึกด้วยความระมัดระวัง ไม่หักโหมจนเกินไปจนสามารถวิ่งระยะมาราธอนได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้เสียชีวิตขณะที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือขณะร่วมการแข่งขันวิ่งเช่นเดียวกัน
จะว่ายุก็ยุ ยุให้ออกกำลังกาย จะว่าปรามก็ปราม ปรามไม่ให้หักโหมจนเกิดอันตราย ให้ค่อยๆฝึก ค่อยๆออกกำลังกาย จะเอาให้แข็งแรงแค่ไหนก็ทำได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย หวังว่าอ่านเรื่องของนาย John Fisher แล้วคงจะมีคนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ซักคน 2 คนก็คุ้มที่เสียเวลาเล่าแล้วครับ
เรียนคุณหมอ
อ่านแล้วเหมือนเขาได้เกิดใหม่เลยค่ะ แถมประยุกต์ทำตัวใหม่ เริ่มด้วยการออกกำลังกาย ช่วยให้เขามีสุขภาพดีอีกด้วย ขอบคุณนะค่ะที่นำมาเล่าให้ฟัง
คนชอบวิ่ง ช่างหาตัวอย่างที่ดีๆ มานำเสนออย่างนี้นี่เอง..ถึงได้หุ่นดี....สุขภาพดี..น่าเอาเป็นแบบอย่างค๊ะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์ "คนชอบวิ่ง"...