อนุทินล่าสุด


ปภังกร
เขียนเมื่อ

งานอดิเรกยามเช้าของแม่…***

ตอนเช้าประมาณเจ็ดโมงครึ่ง พอมาถึงแม่บอกว่าเช้านี้เก็บเห็ดได้ประมาณ ๒ กิโล ต้มเรียบร้อยแล้ว…

อีกสักพักแปดโมงครึ่ง แม่เรียกมาดูเห็ดอีกกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นเป็นกระจุก ๆ

จากสามวันก่อนที่เป็นประจุกเล็ก ๆ วันนี้เติบโตขึ้นเป็นกระจุกใหญ่ ๆ

นี่เองคือของขวัญจากธรรมชาติ ที่เราพึ่งพาซึ่งกันและกัน…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เมื่อวานนี้ แม่เก็บเห็ดผึ้งได้ ๙ กิโล วันนี้แม่เก็บเห็ดได้อีก ๓ โลกว่า ๆ

ถ้าเก็บได้เยอะ ๆ เก็บได้ทุกวันทำอย่างไร..?

วิธีการง่าย ๆ…

แม่ก็จะนำมาทำความสะอาด ตั้งแต่ตัดตรงปลายก้านที่ติดดินออกไป

จากนั้นนำไปล้างทำความสะอาด

โดย ขั้นตอนที่สำคัญคือต้มให้สุก

จากนั้นพักไว้ให้เย็น แล้วแช่แข็งไว้ สามารถเก็บได้หลายเดือน

เมื่อต้องการทำอาหารวันไหน ก็นำมาพักไว้ให้น้ำแข็งละลาย และนำไปทำอาหารได้เลย…

หมายเหตุ : เห็ดผึ้ง ถ้านำไปต้มก่อน แล้วค่อยนำไปประกอบอาหารอย่างอื่น เช่น นำไปผัด หรือแกง จะได้สีเหลืองสวยงามเหมือนน้ำผึ้งแต่ถ้านำเห็ดสด ๆ ไปผัดเลย จะออกเป็นสีดำคล้ำ ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เช้าวันนี้เก็บเห็ดผึ้งได้ ๒ กระด้ง

น้ำหนักประมาณ ๙ กิโลกรัม

เมื่อทำความและสะอาดเสร็จแล้ว เหลือประมาณ ๗ กิโลกรัม



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ของขวัญจากผืนดิน


เช้าวันนี้แม่เก็บเห็ดได้ ๒ กาละมัง

เมื่อชั่งน้ำหนักเห็ด และหักน้ำหนักกาละมังออกแล้วได้ประมาณ ๑๐ กิโลกรัม



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ฝนตก เห็ดออก…มีทั้งดอกเล็ก ดอกใหญ่



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ภาพในอดีตเมื่อปีก่อน

คิดถึงเมื่อใด ก็มีความสุข…


การทำความดี การให้ การเสียสละ ….

ก่อนทำ คือ นับตั้งแต่วางแผนในการทำก็มีความสุข

ระหว่างที่ลงมือทำ ก็ทำด้วยหัวใจแห่งการให้ การเสียสละ ทุก ๆ ย่างก้าว ทุก ๆ เวลาในขณะนั้นก็มีความสุข

ครั้นเมื่อผ่านพ้นจากงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ ไปแล้ว คิดถึงเมื่อใด จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ทุก ๆ เสี้ยววินาทีก็ยังมีความสุข ปิติ อิ่มเอมใจ…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ชาวสวนสุนันทา งามแท้ กายใจพริ้งเพริศเลิศวิไล ล้ำค่าพยาบาลชั้นเลิศ ดีแท้ ทรงคุณความรู้พร้อมธรรมหนุน สง่างาม ยิ่งเอย…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การทำงานคือการปฏิบัติธรรม…

นำงานภายนอกมา ฝึกงานภายใน…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ด้วยรักแท้ แม่ตั้งใจ ทำให้ลูก

ความรักปลูก เมล็ดพันธุ์ แห่งความหวัง

ว่าลูกแม่ จะมีแรง มีพลัง

แม่สุขสันต์ เพียงเห็นลูก อิ่มเอมกาย


โอ้ลูกเอ๋ย พึงเห็นค่า แห่งความรัก

ที่ปกปักษ์ พร้อมรักษา ลูกทั้งผอง

พึงตอบแทน คุณพ่อแม่ ตามครรลอง

เร่งสนอง ทดแทนคุณ พ่อแม่เอย…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ระหว่างนั่งรอแม่อยู่ในรถก็เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ต้นอื่นที่ดูแห้งแล้ง…ธรรมชาติสร้างสรรค์ความลงตัว…จำได้ว่าช่วงเดือน กันยายน-ตุลาคมปีก่อน ไปหาซื้อไม้ดอกสวยๆที่ตลาดต้นหาแล้วหาไม่ได้เลย….แม่ค้าบอกว่าต้องรอหน้าแล้ง หน้าฝนไม่มีไม้ดอก เพราะสู้ฝนสู้น้ำไม่ไหว…ย้อนกลับไปอีกหน่อย ตอนไปซื้อดอกเทียนที่อยู่ในกระถางแขวน แม่ค้าบอกว่า เวลารดน้ำให้รดแต่โคนนะ อย่าให้โดนดอก ถ้าโดนดอกจะโรยเร็ว

ระหว่างทางจากวังน้ำเขียวมาถึงกำแพงเพชรในวันนี้ก็เห็นดอกทองอุไร ออกดอกเหลืองสะพรั่งตามทางไม่ขาดสาย

ย้อนกลับไปอีกเมื่อเราเคยปลูกต้นทองอุไรที่วัด ต้นที่เราปลูกมีแต่ใบ ไม่มีดอกเลย ตอนนั้นจำได้ว่าเคยเข้าไปหาคำตอบใน Pantip.com ก็พบว่าหลายคนปลูกแล้วไม่มีดอก สรุปคำตอบจากหลายๆคนและตนเองก็พบว่า “เรารดน้ำเขามากเกินไป”

นี่เองถ้าหากเปรียบกับการปฏิบัติธรรม… ครูบาอาจารย์ท่านเปรียบเทียบไว้อย่างหนึ่งใจว่า…ลองดูหมาตามหมู่บ้านในชนบทสิ เจ้าของให้กินแต่ข้าวเหนียว มีอะไรก็ให้กินอย่างนั้น ไม่มีก็ให้เดินออกไปหากินเอาเอง ตัวมันผอมๆ แต่คล่องแคล่ววิ่งเร็ว ขโมยมาก็ตื่นตัว เห่าไล่ขโมยได้ ซึ่งแตกต่างจากพวกหมาอ้วนๆ ที่อยู่ดีกินดี ขโมยเดินมาจะเหยียบหัวอยู่แล้วก็ยังไม่ตื่น…

พิมพ์ยาวไป ขอไปพิมพ์ต่อในบันทึกนะ…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ยามร้อนแดด หลบอยู่ร่ม พอทนไหว…ยามร้อนใจ อยู่ที่ใด หลบไม่พ้น…ยามร้อนจิต ฝึกสติ ให้อดทน..ยามร้อนตน พึงเชิดหน้า หาความจริง…


ระหว่างที่นั่งรออยู่ในรถ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เย็นวันนี้ ระหว่างที่พาทีมงานไปเดินป่าหลังจากเสร็จงานที่ทุกคนเสียสละลางานประจำ และเดินทางมาทำความดีที่นี่

พอลงรถปุ๊บ ก็เห็นทีมงานรีบเดินไปทางหลังรถ ตอนแรกก็งงว่า ไปทำไมกัน

อ๋อ ไปเก็บขยะ

นี่เอง คือ ความละเอียดของจิต ถ้าเห็นสิ่งใดสกปรกไม่ดีไม่งามปุ๊บ ก็จะรีบไปทำให้สะอาดปั๊บ…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

จากเศษอิฐทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่ วันนี้ "พ่อ" สอนให้เราเห็นในเชิงประจักษ์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีคุณค่าถ้าเราคิดที่จะเอาใจใส่และขวนขวายที่จะทำ

เมื่อเศษอิฐก้อนเล็ก ๆ มารวมกับผงปูนเมล็ดน้อย ๆ ก็กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่ให้เราทั้งหลายได้พักอาศัยเพื่อสร้าง "บารมี"




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การฝึกเด็กนักเรียน ที่ยังเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้ปัญญาว่า "ต้องฝึกกายก่อน ฝึกไหว้ให้สวย ฝึกกราบให้สวย ฝึกมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน"

ดังนั้นเมื่อมีนักเรียนมาเข้าคอร์สอบรมปฏิบัติธรรมในครั้งต่อ ๆ ไป สิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นมากคือเรื่องการกราบ การไหว้ กิริยามารยาท ใช้กายเพื่อมาฝึกใจ เพราะจะให้เด็กไปนั่งสมาธินิ่ง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด VS การจำกัดทรัพยากรของตนเองเพื่อเข้าถึงประโยชน์อันสูงสุด

วันนี้ได้ย้อนกลับไปอ่านทษฎีทางเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหรือการบริหารอันเป็นหัวใจหลักที่ว่า "การใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด" ก็เกิด "ปิ๊งแว้บ" ขึ้นมาทันทีว่า สิ่งที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้ เหมือนกัน คล้ายกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะเรากำลัง "จำกัดทรัพยากรของตนเองเพื่อเข้าถึงประโยชน์อันสูงสุด"

ตอนนี้ไม่ใช่เราไม่มีกิน แต่เรากินน้อย ตอนนี้ไม่ใช่เราไม่มีเวลานอน แต่เรานอนน้อย เราเอาเวลาที่เหลือจากกินและการนอนมาก่อให้เกิด "ประโยชน์สูงสุด"

เบื้องต้นสิ่งที่ชวนให้ฉุกคิดของทฤษฎี "เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy)" รวมทั้ง "พุทธเศรษฐศาสตร์ (Buddhist Economics) คือการบริหารเวลาที่ทุก ๆ คนนั้นมีอยู่เท่ากันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590127



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

วันนี้พนักงานธนาคารกรุงเทพ ได้พร้อมเพรียงกันมาถือศีล ปฏิบัติธรรม เพื่อให้ธนาคารดีขึ้น "การที่จะดีขึ้นนั้น พนักงานทุกคน ต้องปฏิบัติธรรม..."


เริ่มต้นตั้งแต่กิริยามารยาท การอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาไพเราะ บริการทั้งในสถานที่และนอกสถานที่ คำพูดเพื่อให้กำลังใจ ต้องใช้กิริยามารยาทที่ดีทั้งต่อเพื่อนร่วมงานและประชาชนที่เราเกี่ยวข้อง อย่าให้มีการทะเลาะกัน เพราะว่าทำงานส่วนใหญ่ ส่วนรวม มันต้องเอาส่วนรวม อย่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อย่าเอาเรื่องส่วนตัว

ต้องทำงานให้มีความสุข ให้คิดว่าเราจะช่วยเหลือบุคคลอื่นช่วยเหลือประเทศไทย เราจะไปรวยเฉพาะตั้งแต่ธนาคารนั้นไม่ได้ ประชาชนต้องได้ดีด้วย

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590080


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

คนเราจะมีความสุขท่ามกลางเศรษฐกิจกระแสหลักได้ ต้องมีความขยัน และอดทน "ร่างกายสุขภาพต้องดี"

คนเราถ้าสุขภาพร่างกายไม่ดี ใจจิตก็อ่อนแอ และซวนเซ ถ้าสุขภาพดี เราก็สู้ทนกับอุปสรรคต่าง ๆ นานาได้

เพราะการดำเนินชีวิตตามกลางเศรษฐกิจกระแสหลัก ซึ่งแทบทุก ๆ ย่างก้าวต้องมีคำว่า "เงิน" เข้ามาเกี่ยวข้อง ร่างกายของเราต้องรับภาระหนัก ทั้งจากการสู้ทนทำงาน ทั้งจากมลพิษ ทั้งจากสิ่งแวดล้อม หู ตา ก็เสพสื่อ ลิ้นก็สัมผันสิ่งที่ชวนหลง จมูกก็สูดดมทั้งของหอมและละอองแห่งมลพิษ จิตใจก็ถูกมอมเมาด้วยความสุข ความสะดวกสบาย

คนที่ดำเนินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ ผู้ที่เดินทวนกระแสสังคม เขากินมาก เรากินพอเพียง เราเสพสุขมาก เราก็เสพพอเพียง เราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง ซึ่งซ่อนอยู่ในร่างกายที่มีพลัง

ชีวิตเราต้องก้าวไปด้วยความดี ขาเราต้องมีแรง แขนเราต้องมีพลัง เพื่อที่จะถึงฝั่งแห่ง "ความพอ..."

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/589767



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ทีม "ใจดี ใจสบาย"

ผู้อำนวยกาโรงเรียนอนุบาลบวร จังหวัดนครราชสีมา นำคณะครูมาปฏิบัติธรรม สร้างความดี สร้างบารมี อบรมบ่มอินทรีย์ วันนี้พากันสกรีนเสื้อ "ใจดี ใจสบาย..."



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การทำความดีเป็นการอัพเกรดชีวิต

ชีวิตเราทุก ๆ คนเกิดมาต้องทำความดี ต้องเสียสละ

ถ้าเราเกิดมาแล้วหลงอยู่ หลงกิน หลงนอน ชีวิตนี้ไม่มีค่าอะไรเลย มีแต่ที่จะตกต่ำไปเรื่อย ๆ

ชีวิตของเราต้องพัฒนาขึ้นทุกวัน ๆ และการพัฒนาชีวิตที่ยั่งยืนนั้นต้องพัฒนาด้วยความดี...



ความเห็น (3)

ความดีเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจคน คนที่มีความดีหล่อเลี้ยงจิตใจ คนนั้นจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะความดีเปรียบเสมือนน้ำทิพย์คอยชะโลมใจ มีไว้เพื่อนชำระล้างกิเลสและตัณหาที่คอยเกาะกินหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จิตใจของคนเรานั้นประภัสสร แต่มีกิเลสจรเข้ามาถึงทำให้เศร้าและหมอง

ความดีนั้นและเป็นธรรมะภาคปฏิบัติที่จะชำระล้างกิเลสและอาสวะที่ปกคลุมจิตใจของเราได้

เราจะพัฒนาคนให้เป็นคนดี เราต้องพัฒนาด้วยความดี

ต้องสร้างสรรค์กิจกรรมดี ๆ เพื่อให้คนมีความดีไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เมื่อคนเราได้ร่วมทุก ร่วมสุขกัน จะเห็นใจซึ่งกันและกัน

ในปัจจุบันนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (ส่วนใหญ่) พักอยู่ในหอพักนอก ซึ่งนักศึกษาจะได้มาแค่ "ร่วมกิจกรรม" ซึ่งมหาวิทยาลัยจัดไว้

ไว้ว่าจะเป็นกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมเสริมต่าง ๆ แต่นั่นมันก็เป็นเพียง "กิจกรรม"

กิจกรรม เป็นสิ่งที่ "จัดขึ้น" แต่ก็ไม่ซึ้งเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

เพราะคนที่จะต้องอยู่ร่วมรวมกัน จะต้องรู้และสัมผัสนิสัยใจคอซึ่งกันและกัน

ในระหว่างกิจกรรมเราอาจจะเสแสร้ง แต่งสี เติมเพิ่ม สิ่งที่แสดงออกมาได้ แต่เมื่อใครต่อใครได้มาอยู่ร่วมรวมเป็นแรมเดือน แรมปี อุปนิสัย อุปกิเลส และ "สันดาน" จะปรากฏออกมาให้ทุกคนได้เห็นและสัมผัส

ความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต้องสร้างให้เกิดมีขึ้นจิตใจของนักเรียนนักศึกษาไทย

ความจริงใจนำเป็นสู่ความเป็น มิตรที่ดี มิตรที่ประเสริฐ จะจูงมือกัน ร่วมแรงร่วมใจกันทำความดี เพื่อชีวิตนี้และสังคมไทยให้ก้าวหน้าอย่างสดใสและยั่งยืน...

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/589422




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่งคือการนำเสนอในสิ่งที่ดี

ทุก ๆ คนในปัจจุบันเรียนรู้เป็น

เพราะเรามีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกายและมีใจ หรือแม้แต่บุคคลผู้ซึ่งพิการมาตั้งแต่กำเนิด เทคโนโลยีก็ช่วยเสริมอายตนะ ให้เขาเรียนรู้ได้

สิ่งที่ต้องคิดต่อและเติมให้เต็ม คือเราจะเอาอะไรใส่ไปในอายตนะเหล่านั้น

ปัจจุบัน "สื่อ" ถูกครอบครองด้วย "ผลประโยชน์"

ทุก ๆ อย่างที่บอก ที่สอนกัน ก็ล้วนแต่มีผลประโยชน์แอบแฝง

สิ่งดี ๆ สิ่งที่บริสุทธิ์จึงมีน้อยมากที่จะให้เราได้เรียนรู้

สิ่งที่ดี ๆ บางครั้งมันก็ไม่ตื่นเต้นเหมือนกับสิ่งที่ร้าย ๆ เพราะเมื่อนำเสนอคราวหน้าก็กระตุ้นหัวใจคนและสังคมได้เหลือคณา

ดังนั้นผู้ที่จะนำเสนอสิ่งดี ๆ ต้องหนักแน่น เข้มแข็ง และอดทน เพราะบางครั้งอาจจะไม่มีคนที่มาสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอเลย

แต่นั้นก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะการทำดี สิ่งที่ได้กลับมาก็คือได้ "ทำดี"

เราต้องก้าวผ่าน "โลกธรรม" เสียงชม เสียงสรรเสริญ ดอกไม้ กำลังใจ เราก้าวข้ามผ่านและพ้นไป ขอให้จิตใจตั้งมั่นในความดี...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ช่วงนี้กำลังสกัดชีวิตความพอเพียง ๘ ปีแห่งความเพียงพอ

คนเรามีชีวิตอยู่ได้แบบสบาย ๆ ถ้าเรากลับมาแก้ที่จิตที่ใจ

ความหลง ความโลภ เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องแก้ไข เพราะถ้าไม่ได้ตามที่หลงและโลภ ความโกรธก็จะเข้ามาเยี่ยมเยือน

ปัญหาหลักของชีวิตคือสามตัวนี้ "หลง โลภ และ โกรธ"

ถ้าไม่หลงในวัตถุเสียได้ ก็จะเข้าใกล้ความพอเพียง

ถ้าไม่โลภในวัตถุเสียได้ ก็จะใกล้ชิดความพอเพียง

ถ้าเราไม่โกรธใคร ๆ หรืออะไรต่ออะไร ก็ปลดเปลื้องความทุกข์ไปได้อีกอักโข

ชีวิตนี้หันกลับมาเล่น ๓ เรื่องนี้ก็พอ (ความหลง ความโลภ และความโกรธ)

โจทย์ต่อไป จะทำอย่างไรให้ความรู้ที่เรามี และชีวิตที่เหลืออยู่นี้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด..?




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

มีความสุขเท่านี้ก็พอแล้ว ได้กินข้าวให้อิ่มท้อง ไม่ได้กินของแพง ของมีราคา กินของที่ใช้เชิดหน้าชูตา

มีบ้านสักหลัง ที่มีความรัก ความเมตตา ความอบอุ่น ให้แก่กันและกัน

ทายกายภาพของบ้าน ป้องกันแดด กันฝน กันภัยอันตรายต่าง ๆ ได้

ถ้าจิตใจของคนรู้จัก "พอ" อยู่ที่ไหนก็มีความสุข

ที่เราไม่พอ เพราะชอบจับจ้องมองดูผู้อื่น คนดีกว่า รวยกว่า สวยกว่า ดีกว่า เมื่อเรานำเราไปเปรียบเทียบ ความสุขก็เกิดทุกข์

คิดว่าเราดีกว่าเขาก็หลง คิดว่าเราด้อยกว่าเขาก็ทุกข์ หรือแม้แต่คิดว่าเสมอเขาก็ยังอยากจะดีจะเด่นกว่า

การแสวงหาวัตถุ หาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม

เราต้องนำสมาธิมาถมใจของเรา ใจของเราถึงจะเต็ม เต็มอิ่มด้วยความพอ แล้วเราจะมีความสุขที่ "พอเพียง"

สมาธิต้องฝึกทุกวัน ในหนึ่งวันต้องฝึกหลาย ๆ ครั้ง แต่ทุก ๆ ครั้งต้องตั้งใจ

การเจริญสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราจะไปปฏิเสธสิ่งแวดล้อมไม่ได้ ปฏิเสธสังคมไม่ได้

รูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งธรรมดาของโลก เมื่อเราอยู่ในโลกมันก็ต้องเจออย่างนี้ จุดสำคัญก็คือ เราจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร ไม่ให้โลกนี้ทำร้าย ทำลายเราได้

สิ่งภายนอกทุกอย่างนั้นไม่มีปัญหา ถ้าใจของเราไม่มีปัญหา

ต้องฝึกใจ พัฒนาใจ ใช้สติ ใช้สมาธิ ที่แข็งแกร่ง แข็งแรง แล้วเราจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

จิตใจของผู้ให้เป็นจิตใจที่สูงส่ง

จิตใจของผู้ให้เป็นจิตใจที่มีความสุขกว่าผู้รับ

จิตใจของผู้ให้คือจิตใจที่รู้จักว่า "อภัย"

อภัยทานจึงเป็นทานที่สูงค่ากว่าอามิสทาน...



ความเห็น (1)

เห็นด้วยอย่างยิ่งใจสุขกายสุข อนุโมทนาสาธุ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

อิทธิพลต่อชีวิตและจิตใจคนในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ "สื่อ"

จิตใจคนที่อ่อนแอ ย่อมพ่ายแพ้แรงกระตุ้นและปลุกเร้าจากสิ่งภายนอกที่มากระทบ

อายตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อใดเราอ่อนแอ เมื่อนั้นก็ย่อมถูก "โจมตี"

สื่อพาให้เราโลภ สื่อพาให้เราโกรธ สื่อพาให้เราหลง เราคงจะไปปิดกั้นสื่อไม่ได้ เราจะเกิดมาหรือไม่เกิดมา โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ แต่สิ่งที่เราจะทำได้ คือพัฒนาใจของตัวเองให้เข้มแข็ง มีเกราะป้องกันสิ่งภายนอกที่จะมากระทบ

กระทบแล้วก็ให้แล้วไป เห็นแล้วก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินแล้วก็สักแต่ว่าได้ยิน กินแล้วก็สักแต่ว่าได้กิน ให้สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาเป็นแต่เพียง สักว่า ๆ เท่านั้น...

ทำอย่างไรจึงจะเข้มแข็ง ทำอย่างไรจะเกิดคำว่า "สักว่า ๆ" ในจิตในใจ

สมาธิ เป็นสิ่งที่สำคัญ คนเราถ้ามีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้จิตใจของเรากระทบกระเทือนได้



ความเห็น (1)

ขออนุโมทนากับการปฏิบัติธรรมครับ ถ้ารู้ทันกับกิเลสชนะแน่อบจ อะไรกระทบก็ไม่หวั่นไหว

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท