เราต้องหัดให้รางวัลตัวเอง..เชิญพี่ศศิ เจ้าของบันทึกคุยต่อ


**เป็นบันทึกที่สั้น ๆ ของพี่ศศิ แต่มีพลังค่ะ**

พี่ศศิ คะ

 

ดูสิคะ น้องลองเปิดหน้าสารบัญในบันทึก ของพี่ศศิ ที่น้องเคารพ และนับถือ แล้วก็จินตนาการว่า ถ้าน้องกำลังคุยอยู่กับพี่ศศิ น้องอยากคุยเรื่องอะไรมากที่สุด

โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวเราว่า เราเคยคุยกับพี่ศศิมาแล้ว...ที่นี่ ดังนี้

แรก ๆ ที่คัดลอกบันทึกนี้มา ส่วนเนื้อหาไม่ได้มาด้วย จึงมาเติมค่ะ

(เนื้อหาบันทึกของพี่ศศิ ค่ะ)

"เราต้องหัดให้รางวัลตัวเองเสียบ้าง ให้รู้สึกมีดอกไม้บานที่ตัวเรา"(คลิกไปที่ต้นตอได้ค่ะ)

 

*เราสามารถสร้างความสุขให้เก่ตนเองอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องไปคอยของขวัญหรือรางวัลจากคนอื่น วันหยุดสุดสัปดาห์ ไปshoppingและหาของอร่อยๆทาน เป็นรางวัลที่เราขยันทำงานมาตลอด 5 วันโดยไม่ไปทำงานสายเลย หรือวันเกิด แทนที่จะคอยของขวัญใคร ก็ซื้ออะไรที่ถูกใจให้แก่ตัวเองเสีย ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยอีกโข

    เราเป็นจิตแพทย์ที่ดีที่สุดของตัวเอง คือ รู้จักวิธีบำรุงขวัญ บำรุงร่างกายให้ดี ทำใจร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส มองโลกในแง่ดี  ไม่ทุกข์อะไรจนเกินไป สุขภาพจิตก็จะดี เข้มแข็ง ไม่ท้อถอยอะไรง่ายๆ เมื่อมีอุปสรรคมาก็หาทางแก้ไขได้ ความทุกข์ ความไม่สบายใจกาย เป็นฤดูกาลของชีวิต ไม่อยู่กับเรานานนักหรอก ถ้าเราควบคุมตัวเองได้ เราก็มีความสุข*

สร้าง: พ. 14 มี.ค. 2550 @ 00:35   แก้ไข: ศ. 11 ก.ค. 2551 @ 14:46   ขนาด: 2324 ไบต์

 

 

**เป็นบันทึกที่สั้น ๆ ของพี่ศศิ แต่มีพลังค่ะ**

**เพราะเมื่อน้องอ่านจบ เราต้องไปหาช็อกโกแล็ตนม คล้าย ๆ ในภาพ มาลิ้มช้า ๆพร้อมจิบกาแฟหอม ๆ ขม แต่กลมกล่อม

นั่งดื่มกาแฟพร้อมช็อกโกแล็ตที่ว่า ในสวนจิ๋ว ๆแต่มีความสุขมาก มาก มาก จนนึกขึ้นมาได้ก็ยังเปี่ยมสุขค่ะ**

 

P
20. ภูสุภา
เมื่อ ศ. 11 ก.ค. 2551 @ 00:43
737204 [ลบ] [แจ้งลบ]

เราเป็นจิตแพทย์ที่ดีที่สุดของตัวเอง สุขภาพจิตดี อะไรๆก็ดีหมด จริงมาก ๆ เลยนะคะพี่คะ เพียงแค่

+เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง
+คิดบวก ไม่ คิดลบ
+ให้อภัย ทั้งต่อผู้อื่นและตัวเอง
+....มีอีกนะคะ

P
21. Sasinand
เมื่อ ศ. 11 ก.ค. 2551 @ 14:31
737747 [ลบ] [แจ้งลบ]

สวัสดีค่ะคุณหมอ จริยา
ขอบคุณที่มาเยี่ยม จริงๆ นี่เป็นบันทึกเก่ามากของพี่เลยค่ะ เขียนเป็นข้อคิดสั้นๆค่ะ
คนเราสามารถ เป็นคนเอาการเอางาน พร้อมๆกับเป็นคนรื่นเริงได้ด้วยนะคะ
คนที่มีบุคลิกอย่างนี้ จะเป็นคนไม่เครียดง่าย ทำอะไรเป็นะรรมชาติและดูดีด้วยค่ะ
อย่างคุณหมอเอง ก็เป็นคนหนึ่ง ที่มีบุคลิกนี้ค่ะ ไม่ได้ยอ ...ก็ดูสิคะ เป็นทั้งแพทย์ที่มีงานหนัก แต่ก็ยังมีอารมณ์สุนทรีย์ เขียนกลอน ถ่ายรูป และทำกับข้าวเก่งอีกด้วยค่ะ 
พี่ขอมอบ ช็อกโคแล็ตหวานหอม เป็นรางวัลเลยค่ะ นานๆ กินที ไม่อ้วนค่ะ...

 

แล้วก็จำได้ว่า ในระยะเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก  เรา(น้อง)ก็ไปหาซื้อ ช็อคโกเเล็ต โดยเฉพาะช็อคโกแล็ตนมแบบที่คล้ายในภาพ มากินกับกาแฟหอม ขม กลมกล่อมเข้ากันดี๊ดี

จึงมาเรียนเชิญไปคุยกันที่บล็อก สนทนาวิสาสะ ต่อค่ะ

กติกาซึ่งน้องขออนุญาตตั้งมาเอง คือ อยากคุยเพื่อเก็บเกี่ยวความคิด ของแขกรับเชิญ พี่จะคุยอะไรต่อยอดก็ได้ ค่ะ

 

หวังใจว่าไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ นะคะ ขอบคุณค่ะ

หมายเลขบันทึก: 252058เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2009 22:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ท่านอื่น ๆ อ่านพบบันทึกนี้ เชิญร่วมวง "สนทนาวิสาสะ" ค่ะ

หรือตามไปอ่านที่เจ้าของตัวจริง เสียงจริงก็ได้..นะคะ

แล้วจะติดใจ

สวัสดีและขอบคุณๆหมอเล็กที่ชวนมาคุยกันค่ะ
จริงๆแล้ว พูดตามตรงเป็นครั้งแรกคือ พี่เป็นคนไม่ค่อยเปิดตัว เปิดใจกับใครนัก สังเกตดูว่า พี่จะไม่ค่อยเขียนประวัติตัวเอง หรือพูดเรื่องราวใกล้ตัวมากมายนัก   เพราะเราทั้งหลาย ณ ที่นี้  ก็ไม่ค่อยเคยเห็นหน้า รู้จักกันจริงๆสักเท่าใด
ที่พี่ มาชอบเขียนบันทึกหรืออนุทิน ก็เพราะรู้สึกว่า เป็นการเข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีอีกสังคมหนึ่ง ที่ก็กลายมาเป็นสังคม ที่พี่ก็พบกัลยาณมิตรใหม่ๆขึ้นมาอีกหลายคน เช่น คุณหมอเล็กค่ะ ก็ยินดีและดีใจค่ะ ที่ได้เพื่อนใหม่ๆ น่ารักๆ ขึ้นมาอีกหลายคน นับว่า โชคดี
พี่เอง จริงๆ เป็นคนเอาจริงเอาจังกับชีวิตพอสมควร ในช่วงที่ลุยงานหนัก แต่ตอนนี้ ทำตัวตามสบายค่ะ เป็นการให้รางวัลตัวเอง และก็เกิดคิดได้ ในหลายๆอย่างว่า ..
ที่ผ่านมา เคร่งเครียดกับตัวเองไปหน่อย หลังๆนี้เลยรักตัวเองมากขึ้นมาก โดย ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เพิ่มการปฎิบัติ พรหมวิหาร 4 ให้มากขึ้นมากๆ วางตัวเหนือการขัดแย้ง มีอุเบกขา จิตใจหนักแน่น รอบคอบ และมั่นคงขึ้น
พี่ก็ดีใจที่หลายปี ที่ผ่านมานี้ สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ในระดับที่น่าพอใจ แม้แต่ลูก ก็ออกปากชม  คือจริงๆ ไม่มีอะไรมากกว่า การที่แต่ก่อน จุดอ่อนของพี่คือ การเป็นคนประเภท Perfectionist มากไป ซึ่งไม่ดี ทำให้เครียด ทุกข์ใจ กังวลใจได้ง่าย ใครทำอะไรให้ ก็ไม่ค่อยจะถูกใจ  แต่ตอนนี้ สบายๆมานานแล้วค่ะ
สรุปว่า คนเรา เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตั้งใจอยากจะเปลี่ยน และแรงบันดาลใจนั้น มักมาจากตัวของตัวเอง หรือ คนที่เรารักค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ คนเรา ทุกคน ส่วนหนึ่ง ชีวิตถูกลิขิตมาแล้ว บางอย่างต่อให้พยายามแค่ไหน ก็ไม่ได้ ไม่สำเร็จ แต่บางอย่าง ไม่ได้พยายามมากมายอะไร แต่เมื่อถึงจังหวะ ก็มาเอง ดังนั้น การไปดิ้นรนอะไรจนเกินเหตุ ไม่ใช่เรื่องดี แต่สิ่งที่ควรทำคือ ทำตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดมีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับตัวเรา ก็จะไม่ตื่นเต้นเสียใจ หรือฟูมฟายจนเกินเหตุ คือต้องเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตน่ะค่ะ

อ้อ มีอีกนิด ลืมไปค่ะ แต่ก่อนนี้ พี่ให้เวลากับงานการมากที่สุด( ตอนที่ลูกโตแล้ว )  แต่ตอนนี้ พี่ทำชีวิตให้สมดุลย์ยิ่งขึ้น...
 ..โดยให้เวลาตัวเองกับสุขภาพกาย สุขภาพจิตของตัวเองมากขึ้น
... ให้เวลาสร้างสัมพันธ์ในครอบครัวมากขึ้นมากๆ
... ให้เวลากับงานอดิเรกที่เราชอบ และให้เวลากับเพื่อนฝูงและสังคมมากขึ้นค่ะ รู้สึกเลยว่า จิตใจพี่ผ่อนคลาย สงบ และมีความสุขทีเดียว
  ซึ่งกลายเป็นว่า พี่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมค่ะ  แต่ไม่ต้องหมกมุ่นมากเท่าเดิม

เห็นแล้วไม่ไหวเลยค่ะ

เกิดความอยากกินขึ้นมาทันที

อะไรจะยั่วกันดึกดื่นปานนี้

เดี๋ยวต้องเปิดในตู้เย็นกินมั่ง..จะได้มีความสุขตาม

อิอิอิ

 P สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก : ) 

พี่แอมป์ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ และตั้งใจเข้ามาในบล็อกสนทนาวิสาสะของคุณหมอเล็ก  เจอบันทึกนี้เข้าพี่รีบไปชงกาแฟมาเลยอะ

คุณหมอเล็กกำลังเล่าถึงบันทึกนี้ใช่ไหมคะ   "เราต้องหัดให้รางวัลตัวเองเสียบ้าง ให้รู้สึกมีดอกไม้บานที่ตัวเรา"  พี่แอมป์ขออนุญาตทำลิงก์ไว้อีกทีนะคะ

 

P

บันทึกของคุณศศินันท์ให้ความรู้และให้คุณค่าความผูกพันที่ทำให้รู้สึกประทับใจมากค่ะคุณหมอเล็ก   นอกจากความรู้ความเข้าใจในการทำงานอย่างผู้ที่เข้าใจงานระดับบริหารอย่างลึกซึ้งแล้ว พี่ยังประทับใจความรักครอบครัวแบบที่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจและให้ข้อคิดได้เสมอมาอย่างบันทึกและอนุทินของคุณศศินันท์  โดยเฉพาะตอนเขียนถึงหลานๆพี่ชอบมาก  พี่เห็นแม่พี่จูงหลานชายตัวน้อยทีไรนึกถึงคุณศศินันท์กับน้องพีททุกที  : ) 

ประสบการณ์(และความเข้าใจ)ชีวิตนี้ เมื่อผู้สื่อสารตั้งใจถ่ายทอดอย่างปราณีต ผู้รับสารก็จะได้รับคุณค่าสูงสุดจากถ้อยคำที่เรียบง่าย แต่ได้สาระที่ลุ่มลึก  หากนำไปตรึกตรองและปรับใช้กับชีวิตให้เข้าทิศถูกทาง ก็จะเป็นมงคลแก่ตนนัก 

         
        " คนเรา เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตั้งใจอยากจะเปลี่ยน

                  .. สิ่งที่ควรทำคือ ทำตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา

                               (และ)...ทำชีวิตให้สมดุลย์ยิ่งขึ้น..."

 

ขออนุญาตยกคำพูดของคุณศศินันท์ที่พี่ประทับใจในบันทึกนี้ของคุณหมอเล็กนะคะ  ในวันที่ยุ่งแสนยุ่งนี้ การได้ฟังข้อคิดดีๆที่เตือนใจเรา ก็ทำให้หายยุ่งที่ใจได้อย่างชะงัด  พี่ก็เพิ่งเข้าใจตอนอายุมากแล้วว่าการเลือกทำสิ่งดิ่งเดี่ยวจดจ่ออยู่กับงานแต่เพียงประการเดียวในชีวิตนั้น อาจทำให้สิ่งดีๆอีกหลายอย่างในชีวิตหายไปได้อย่างน่าเสียดาย    หลายครั้งที่คิดได้ก็ยังเผลอลืมไป  

จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่เรากล้าลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง  เราก็จะได้พบกับสิ่งดีๆอีกมากมายที่เรามองข้าม และทำตัวเองให้สมดุลได้ด้วยการ "ให้เวลา" กับสิ่งดีๆอื่นๆในชีวิตบ้าง...โดยเฉพาะกับตัวเราเอง  

                                        "ให้เวลา...."           

                             คำนี้มีค่าในทางปฏิบัติจริงๆค่ะ..

 

ขอบพระคุณคุณศศินันท์มากๆนะคะ  แม้ว่าแอมแปร์จะไม่ใคร่ได้เข้ามาสื่อสารบ่อยนัก  แต่ยังคงระลึกถึงอยู่เสมอ  และจะติดตามอ่านบันทึกในฐานะแฟนคลับที่ดีอย่างมีความสุขต่อไปค่ะ 

และ ปล.ถึงพี่สาวที่นอนเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างบนนี้  แอมแปร์มีความยินดีที่จะเรียนให้พี่อึ่งอ๊อบทราบว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือแล้ว  เพราะแอมแปร์ชิงเปิดเสียก่อนโดยไม่รีรอ  ขอให้พี่เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปที่ตู้กับข้าวโดยไว

                       ...และขอให้พี่โชคดี .. อิๆๆๆ    : )   ; )   

P พี่อึ่งอ๊อบคะ ทานช็อกโกแล็ต แล้ว จิบกาแฟด้วยหรือเปล่าคะ

กาแฟหอม ขม กับขนมหวานเป็นสิ่งที่เราสามารถให้รางวัลเราได้ทุก ๆ วันเลยนะคะ

ตามบันทึกนี้  "เราต้องหัดให้รางวัลตัวเองเสียบ้าง ให้รู้สึกมีดอกไม้บานที่ตัวเรา"  

ขอบคุณที่มาคุยในบันทึกนี้ ค่ะ คุยติดพัน

P  พี่ศศิคะ เดิมทีน้องเป็นคนที่หวาด ๆ คน perfectionism มากค่ะ เพราะเรา..นอนหลับ สัปหงกในห้องประจำ, ทำข้าวของส่วนตัว ปากกา สมุดเล็คเชอร์ สมุดโน้ตเล่มเล็ก, ร่ม, หนังสือตำราเล่มใหญ่ ๆ ก็เคยทำหาย..โก๊ะสุด ๆ คือ ทำเงินหายไป..หลายหมื่น..เศร้ามาก

โดนคนข้างเคียง(ซึ่งก็ไม่ถึงกับระเบียบจัด แต่ดีกว่าเรา ดุเป็นประจำ)

จากนั้นมา น้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง คิดและท่องไว้ในใจเวลาไปไหน ๆ ว่าเราหยิบอะไรติดตัวไปบ้าง

ซื้อกระเป๋าใบใหญ่ใส่ข้าวของสำคัญทั้งหมด
ไม่เก็บเงินสดกับตัวมากนัก เข้าธนาคารเร็วที่สุด

จดโน้ต(เฮ้อ แต่ Notebook ยังมีหายบ้าง)

สิ่งที่เปลี่ยนได้แน่ ๆ แล้วคือเงิน, หนังสือ, งานและเอกสารสำคัญ..

 

มาเห็นที่พี่เขียน ยิ่งมีกำลังใจค่ะ

**สรุปว่า คนเรา เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตั้งใจอยากจะเปลี่ยน**

 

 

 

คุณหมอเล็กคะ  พี่อยากขยายความสักหน่อยค่ะ  คือ .... 
คนเราจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองได้  เฉพาะในสิ่งที่เรามุ่งมั่นว่า    อยากจะเปลี่ยนแปลงจริงๆ  แต่ถ้าเป็นธรรมชาติที่ลึกๆสุดๆของตัวเอง  ก็ยากค่ะ     เพราะมันจะเปลี่ยนได้ ชั่วคราว    และเปลี่ยนไม่ได้ทั้งหมด  เท่าที่ผ่านมา พี่ไม่ค่อยเห็นใครจะสามารถเปลี่ยน Nature ที่เกิดมาพร้อมกับตัวเองได้ 100% นะคะ   คือเปลี่ยนได้บ้างบางส่วน แต่ไม่หมด
พี่เอง ก็มีการพยายาม เปลี่ยนแปลง ตัวเองบ้าง ตามที่เล่า  เป้าหมาย  เพื่อรักษาอารมณ์ให้นิ่ง ให้เย็น ให้สงบเท่านั้นค่ะ  ทำได้ผลแค่นี้ และต่อเนื่องนานมาแล้วหลายปี   ก็ต้องให้รางวัลตัวเองแล้วนะคะ
ป้าหมายใหญ่ๆที่พี่ตั้งเอาไว้คือ...1.พี่จะพยายามแสวงหาอารมณ์ที่เป็นสุข หลีกหนีอารมณ์ที่เป็นทุกข์

                                        2.รักษาจิตให้สงบ สบาย ในเกือบทุกสถานการณ์ เรื่องนี้ ทำได้ดีทีเดียวค่ะ

                                        3.หลีกเลี่ยงการกระทบอารมณ์ ซึ่งคือการ ทำสมาธิ ภาวนาค่ะ การไม่ยึดติด ไม่ยึดถือกายและ ใจ หมั่นตามรู้กายและใจเนืองๆ สม่ำเสมอ จึงจะได้ผลดีค่ะ

ยังเขียนไม่จบ กดไปเสียแล้ว....ขอเติมอีกนิดค่ะ...
เรื่องของการแสวงหาความสงบนี้ พอดีพี่โชคดีอยู่นิดคือ โดยลักษณะนิสัย จะเป็นคนชอบเงียบๆ ไม่ค่อยชอบวุ่นวาย ไม่ชอบสังคมโดยไม่จำเป็น ยกเว้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการงาน ค้าขาย อย่างนั้น เป็นความจำเป็น และ ณ ขณะนั้น จะกลายเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุกทีเดียว  แต่พอเสร็จการงานแล้ว จะไม่มีการต่อความยาวอีก
ความที่เป็นคนชอบเงียบๆ ชอบอยู่คนเดียว อย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 วัน เป็นตัวช่วย ที่ทำให้พี่ เกิดความสงบเย็นขึ้นได้โดยไม่ยากนักค่ะ พอทำสมาธิ จิตก็รวมได้โดยง่าย  เกิดการไม่ปรุงแต่ง ไม่ยึดติด การเปลี่ยนแปลงตัวเองในส่วนนี้จึงทำได้ต่อเนื่องและยาวนาน แต่ก็ยังไม่ดีพอ ต้องพยายามต่อไปค่ะ อีกนานมาก กว่าที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้   อีกหลายชาติค่ะ ถ้าเชื่อว่า ชาติหน้ามีจริง

P คุณหมอเล็กคะ  พี่อยากขยายความสักหน่อยค่ะ  คือ .... 
คนเราจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองได้  เฉพาะในสิ่งที่เรามุ่งมั่นว่า    อยากจะเปลี่ยนแปลงจริงๆ  แต่ถ้าเป็นธรรมชาติที่ลึกๆสุดๆของตัวเอง  ก็ยากค่ะ     เพราะมันจะเปลี่ยนได้ ชั่วคราว    และเปลี่ยนไม่ได้ทั้งหมด  เท่าที่ผ่านมา พี่ไม่ค่อยเห็นใครจะสามารถเปลี่ยน Nature ที่เกิดมาพร้อมกับตัวเองได้ 100% นะคะ   คือเปลี่ยนได้บ้างบางส่วน แต่ไม่หมด

 

เห็นด้วยค่ะ และรู้สึกค่ะว่า ถ้าเราตั้งใจมั่น..เราเปลี่ยนเรา ได้บ้างโดยเฉพาะถ้าเราฝึกให้เป็นวินัย

ขอบคุณค่ะ

  • มาชื่นชมบทสนทนาที่สวยงามด้วยคนค่ะ
  • ยามที่เราพบและได้คุยกับคู่สนทนาที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ส่งผลต่อการบำรุงจิตยิ่งกว่าทานยาบำรุงใด ๆ อีกนะคะ
  • เพราะนอกจากเราจะมองโลกใบเดียวกัน เรายังเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของกันและกันได้อีกด้วยค่ะ
  • ศิลาเห็นด้วยอย่างยิ่งที่คนเราเปลี่ยนแปลงตนเองได้
  • เพิ่งเขียนบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตนเองได้เมื่อรู้ตัว ให้องค์กรนำไปใช้เผยแพร่ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรเพื่อการพัฒนาทีมงาน ให้รู้สึกเหมือนว่าเป็น brotherhood ค่ะ
  • เพราะคนเราอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ย่อมมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา  หากว่าเราเริ่มต้นด้วยความเข้าใจความแตกต่างกันแล้วและรู้สึกเป็นกัลยาณมิตร  ก็จะเกิดการเมตตาและให้อภัยกันเหมือนพี่น้องทะเลาะกันแล้วก็ดีกัน ยังไงยังงั้น
  • แวะมาเยี่ยมเยียน โฉบไปโฉบมาอยู่ได้ไม่นาน  ทั้งที่อยากจะคุยมากมาย แต่ก็ต้องไปทำงานต่อค่ะ
  • มีความสุขภายในในทุกขณะจิตนะคะ ทั้งคุณภูสุภาและผู้มาสนทนาทุกท่านค่ะ

P สวัสดีค่ะคุณ Sila Phu-Chaya

 

ดีใจค่ะที่คุณศิลา เข้าใจและเราคิดเห็นคล้าย ๆ กัน

พี่เคยเขียนถ้อยคำหรือความไว้อันหนึ่งค่ะ

เพื่อน คือปัจจัยแห่งชีวิต

กัลยาณมิตร คือน้ำทิพย์ประโลมใจ

ที่นี่ ค่ะ

 

และทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น

เพื่อนหรือกัลยาณมิตร อาจไม่ใช่คนเก่าแก่ที่ไหน

ถ้าเรา "คิด" มองหาให้ดี มีอยู่ทั่วไป เพื่อนในโลกเสมือน(เวบ)แม้ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง อาหารที่ดีต่อสุขภาพ แนวคิดที่ดีที่เราอ่านพบ...

คำพูดใส ๆ ซื่อ ๆ ของเด็ก ๆ เช่นลูกพี่ เพื่อนสนิทของแม่

ล้วนเป็นกัลยาณมิตรที่เราอยากสนทนาวิสาสะ กับ เขาร่ำไป

 

จริงมั้ยคะ ;P

 คนเรา เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตั้งใจอยากจะเปลี่ยน

                  .. สิ่งที่ควรทำคือ ทำตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา

                               (และ)...ทำชีวิตให้สมดุลย์ยิ่งขึ้น..."

 มาอ่านเอากำลังใจ

มาอ่านเพราะเห็นบันทึกเรื่อง น้ำ ของพี่ศศิ คิดถึงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท