ทำงานเพื่อทำงาน l อีกหนึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทดลอง


ข้าพเจ้ามักได้รับคำถามในทำนองว่า "ทำ R2R ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร"...

เป็นคำถามที่ดีที่กระตุ้นต่อมให้ข้าพเจ้าได้ใคร่ครวญในตนเองอยู่เสมอ หลายคนเข้าใจว่าข้าพเจ้าทำงานให้ สวรส.เหรอ...ข้าพเจ้าทำงานให้ทีมขับเคลื่อน R2R เหรอ...

เปล่าเลย...ข้าพเจ้าไม่ได้ทำงานให้ใคร หรือทำเพื่อใคร

สวรส.เชิญ...ข้าพเจ้าก็ไป ไม่ได้เชิญก็ไม่ได้ไป ใครเชิญก็ไป ... ไม่มีความเดือดร้อนใดใดเกิดขึ้นต่อข้าพเจ้า ทุกอย่างดำเนินไปตามเหตุแห่งการมาสัมพันธ์เท่านั้น

นี่เป็นการงานเพื่อการงานเท่านั้น...ซึ่งหมายถึง...เมื่อมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น อันเป็นเหตุที่เข้ามาสัมพันธ์ ข้าพเจ้าก็เพียงแต่ใคร่ครวญเพื่อตอบสนองต่อเหตุนั้นด้วยใจที่นอบน้อม และปฏิบัติต่อสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ดังนั้นการทำ R2R ของข้าพเจ้าจึงทำเพื่อทำ...ไม่ได้ทำไปเพื่ออะไร

แต่...ผลจาก "การทำเพื่อทำ" นี้ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ มากมาย ( Happiness-R2R แห่งวิถีการงาน ) อันเป็นผลที่เกิดเกี่ยวเนื่องมาจากการเรียนรู้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราตั้งใจทำเพื่อทำ...มันจะนำพาเราไปสู่การทำอย่างเต็มที่อันเป็นการทำที่ ทำงานแบบไม่เอาผล 

สิ่งที่เกินความคาดหวัง...หรืออาจจะเรียกได้ว่าอย่างที่ไม่ได้หวังคือ การเชื่อมโยงเครือข่ายที่เป็นมากกว่ากำหนดเป็นรูปธรรมว่ามีกี่เครือข่าย มีกี่องค์กร... เพราะนี่เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีลักษณะของเป้าหมายร่วมกันคือ มี "ใจ" เป็นตัวเดินเรื่อง เป็นปรากฏการณ์ของความร่วมทุกข์ร่วมสุขสำหรับคนหน้างาน

ปรากฏการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นให้เห็นใน งานมหกรรม R2R ครั้งที่ 3 ในห้อง งานมหกรรม R2R ครั้งที่ 3 l เมื่อห้วงเวลาแห่งความสุขเริ่มต้น "คุณอำนวย R2R" ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนนั้นเป็นดั่งเครือญาติที่ใช้ช่วงเวลานี้มาพบมาเจอกัน เสียดายว่าการพบเจอกันเรายังไม่ได้นั่งลงล้อมวงคุยสารทุกข์สุกดิบกันมากนักว่าในพื้นที่แต่ละแห่งเรียนรู้การทำ R2R เป็นอย่างไรบ้าง...

การทำงานอย่างไรสังกัด หรืออาจเรียกอีกนัยหนึ่งว่า การทำงานอย่างไร้เงื่อนไข

ทำให้เราได้เกิดการเรียนรู้ภายในแห่งจิตใจได้ดี และทำให้เป็นเสมือนการทดสอบซ้ำถึงซึ่งความคิดความเชื่อว่า ความยั่งยืนของมนุษย์ในเชิงปฏิสัมพันธ์นั้น "ใจ" ควรเป็นตัวเดินเรื่อง ไม่ใช่ "สมอง" เป็นตัวเดิน...

ใจ...ที่เป็นรากฐานแห่งการเติบโตทางปัญญา...

เพราะเมื่อไรที่ใจเปี่ยมด้วยสัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปโป ... ภาษาไทยก็คือ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้ว...กรอปกับมีสติอย่างรู้ตัว และเคลื่อนชีวิตไปอย่างมีสมาธิที่ต่อเนื่องนั้น จะทำให้เราเกิด "ปัญญา" อันผ่านมาจากการน้อมลงเรียนรู้

หากว่าเราปรารถนาที่นำกระบวนการ R2R มาเป็นเครื่องมือ ... ในการพัฒนาความเป็นมนุษย์เราควรจะเข้าใจในปรากฏการณ์ของใจมากกว่า "สมอง" ที่เอาแต่คิด..คิด และคิด เพราะไม่งั้นการก้าวย่างไปจะเป็นเพียงความเจริญภายนอกที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณอันงดงาม (ปภัสสร)...ของความเป็นชีวิต

 

แด่...การเรียนรู้และใคร่ครวญในเช้านี้

๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๓

 

 

หมายเลขบันทึก: 382175เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2010 07:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 06:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ศุกร์ ที่ ๒๐ และ ๒๗ สิงหาคม เรียนเชิญ มาที่ ม.ข นะท่าน

อ่านบันทึกนี้ของพี่ปุ๋มแล้ว รู้สึกมีกำลังใจ ดูเหมือนว่า ติ๋วก็พลัดหลงไปกับความคิดความคาดหวังของตนเอง ผลออกมาก็เครียดเเละเหนื่อย

ตอนนี้หนูกำลังพยายามลองปรับเอาวิธีที่ได้เรียนรู้จาก R2R มาลองปรับใช้ มีแรงสั่นสะเทือนทั้งทางบวกและทางลบ อย่างนี้รึเปล่าค่ะ ที่พี่ปุ๋มช่วยย้ำว่า

"ใจต้องไม่หวั่นไหว ทั้งกระแสบวกและกระแสลบ"

หนูกลับมาถามตนเอง

"หนูทำไปทำไม ทำเพราะอยากให้ใครชม หรือ ทำเพราะอยากให้ใครด่า"

 

คำตอบที่ได้ให้ตนเองคือ เปล่าเลย เพียงกำลังทดลองว่า การแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการคิดแบบที่ครูสอนมา แล้วใช้ "ใจ" เป็นสิ่งนำทาง 

ใช้ความตั้งใจ ทำให้มีงานเพิ่มกระฉูดขึ้น ยอมรับค่ะ ว่าต้องใช้พลังงานมาก ขึ้นแต่สิ่งที่หล่อเลี้ยง "ใจ" อยู่ตอนนี้คือ เห็นความเปลี่ยนแปลง

เหมือนระบบโดนระเบิดแล้ว คนวางระเบิดก็ได้รับการสั่นสะเทือน ถามว่า "ท้อไหม"

"ไม่ท้อค่ะ"

เพราะติ๋วเห็นตัวอย่างที่งดงามอยู่รอบกายไปหมด

คิดถึงพี่ปุ๋มนะคะ

ปล. วันนี้จะขับรถเข้า กทม.ค่ะ (^_^)

อ่านบันทึกนี้ทำให้เกิดพลังที่ทำงานเพื่อโรงพยาบาลต่อไป  ด้วย คำว่า " การทำเพื่อทำ "

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท