Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

อานิสงส์ของการถวายผ้า


ด้วยความตั้งใจในการหาความรู้และเผยแพร่ธรรมเกี่ยวกับการทอดกฐินของแพร  ได้ดลใจให้หลวงพี่ไพ คือ พระมหาไพบูลย์ มหาเปรียญ 9 แห่งวัดสวนพลู  บางรัก (พระอาจารย์ที่ปรึกษาของแพร) ได้เมตตาค้นพระไตรปิฏกเกี่ยวกับอานิสงส์ของการถวายผ้ามาให้แพรร่วมเพื่อเผยแผ่ธรรมด้วยค่ะ ดังนี้

 

  "หลวงพี่นึกถึงอานิสงส์เรื่องกฐินที่โยมจะได้รับ นึกยังไงก็นึกไม่ออก
เพราะว่าอานิสงส์กฐินเป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาเท่านั้นที่จะได้รับ 
แต่หลวงพี่ก็คิดว่า ญาติโยมน่าจะได้รับผลบุญจากการถวายผ้าแด่พระสงฆ์มากกว่า
 
เลยลองใช้สติปัีญญาอันน้อยนิดที่มีอยู่ เปิดพระไตรปิฎกค้นหา
อานิสงส์ด้วยการทำบุญด้วยการถวายผ้าแด่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา 
ซึ่งก็พอได้เป็นแนวสังเขป  แต่อาจจะไม่ตรงทีเดียว 
ไฟล์ที่จะแนบไปนั้น เป็นการยกมาจากพระไตรปิำฎกเลย
 
ถ้าอาจารย์แพรคิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง 
อาจารย์แพรก้อลองอ่านแล้วสรุปเป็นสำนวนของตัวเองนะ 
แบบว่าสั้นๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย  แล้วก็อ้างที่มาสักนิดนึง
ก็ได้เขียนที่ีมากำกับไว้ด้วยแล้ว 
 
อนุโมทนา สาธุ  ด้วยนะ"
 
 
  ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุกับหลวงพี่ด้วยค่ะ  
 
 แพรอ่านแล้วเข้าใจได้ไม่ยากค่ะ หลวงพี่เขียนสรุปมาให้ดีมากๆอยู่แล้ว แพรเลยยกมาให้เพื่อนๆอ่านหมดเลยค่ะ (อิ อิ)
 

                       

 อานิสงส์หรือผลบุญที่พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาความเชื่อ ปสาทะความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาจะได้รับจากการทำบุญด้วยการถวายผ้า พอจะประมวลมาได้ดังนี้

 

 1.   เกิดบนสวรรค์ มีผิวพรรณงดงาม มีทรัพย์สมบัติน่ายินดีพอใจ

          ครั้งหนึ่งพระมหาโมคคัลลานะ ได้ถามนางเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งมีผิวพรรณงดงามกว่าผู้อื่น ว่าได้ทำบุญอะไรไว้ในขณะที่เป็นมนุษย์ ดังที่ปรากฏใน คุตติลวิมาน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ (26/54) ว่า

 

 “เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก    อาตมาขอถามว่า เมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้

เพราะบุญอะไรเธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง  และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้”

เทพธิดานั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม   จึงตอบปัญหาผลกรรมไปตามที่พระเถระถามว่า

 “นารีผู้ถวายผ้าเนื้อดีเยี่ยม  เป็นผู้ประเสริฐในหมู่นระและนารีทั้งหลาย 

นางตั้งใจถวายสิ่งที่น่ารัก  จึงได้ทิพยสถานที่น่าเจริญใจเห็นปานนี้ 

ขอนิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด 

ดิฉันเป็นนางอัปสรผู้มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารักใคร่ 

ทั้งยังเลอเลิศกว่านางอัปสรนับพันอีกด้วย 

ขอนิมนต์พระคุณเจ้าดูผลของบุญทั้งหลายเถิด 

เพราะบุญนั้นผิวพรรณดิฉันจึงงามเช่นนี้ 

ผลอันพึงปรารถนาจึงสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้ 

และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ดิฉัน 

ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก    ดิฉันขอกราบเรียนว่า 

เพราะบุญที่ได้ทำไว้เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ 

ดิฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง 

และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ 

              

 

 2.   ได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

           "พระอุปัฑฒทุสสทายกเถระ" ได้พรรณาผลของทานที่ตนถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระสุชาตะซึ่งเป็นพระสาวกของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า “ปทุมุตตรพุทธ” แล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังที่ปรากฏใน อุปัฑฒทุสสทายกเถราปาทาน ขุททกนิบาต อปทาน (33/171) ว่า

 

 "ครั้งนั้น    สาวกของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า “ปทุมุตตระ”  ชื่อสุชาตะ    กำลังแสวงหาผ้าบังสุกุลที่กองหยากเยื่อใกล้ถนน   ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างของคนอื่นอยู่ในกรุงหงสวดี  ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแล้วอภิวาทด้วยเศียรเกล้าด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีนั้น  และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น  ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว  จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

               

 

 3.   จักเป็นผู้มีผิวพรรณงดงามดั่งทองคำ

        "พระนันทเถระ" ได้พรรณนาผลบุญของการถวายผ้าเปลือกไม้ แด่พระปทุตตรพุทธเจ้าแล้ว ส่งผลให้ตนได้รับอานิสงส์ผลบุญได้ผิวพรรณดุจดังทอง ปรากฏใน นันทเถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/106)  ว่า

 

 "ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าเปลือกไม้แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ   

ผู้เจริญที่สุดในโลก    ผู้คงที่ผู้เป็นพระสยัมภู   

ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่  พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำซึ่งรุ่งเรืองสูงสุด 

ทรงพยากรณ์ข้าพเจ้านั้นว่า 

ด้วยการถวายผ้านี้    ท่านจักเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง"

                

 

 4.   ทำให้เป็นผู้บริบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์

        “พระวัตถทายกเถระ” ได้ถวายผ้าแด่พระพุทธเจ้าแล้ว ทำให้ท่านเป็นผู้เพียบพร้อมบริบูรณ์ด้วยผ้าอาภรณ์ ดังที่ปรากฏใน วัตถทายกเถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/209) ว่า

 

 "ครั้งนั้น    ข้าพเจ้าเกิดเป็นพญาครุฑชาติปักษี   

มีปีกงามได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลสเสด็จไปยังภูเขาคันธมาทน์ 

ข้าพเจ้าละเพศครุฑแล้ว    แปลงร่างเป็นมาณพ

ถวายผ้าผืนหนึ่งแด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์   

ผู้คงที่พระพุทธเจ้าผู้ศาสดาทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก

ทรงรับผ้าผืนนั้นแล้ว    ประทับยืนอยู่ในอากาศ  ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ด้วยการถวายผ้านี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น

ผู้นี้ละกำเนิดครุฑแล้ว    จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก

ส่วนพระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี

ผู้เจริญที่สุดในโลก    ทรงองอาจกว่านรชน

ทรงสรรเสริญการถวายผ้าเป็นทานแล้ว

บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ

ในภพที่ข้าพเจ้าเกิด    ข้าพเจ้ามีผ้าสมบูรณ์

ผ้าเป็นหลังคาอยู่ในอากาศ นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"

               

 

 5.   ผู้ถวายผ้าแด่พระสงฆ์จะไม่ไปสู่ทุคติ

       ใน อัฑฒเจลก เถราปทาน ขุททกนิกาย อปทาน (32/240) ได้กล่าวถึงอานิสงส์ผลบุญที่ถวายผ้าแล้วไม่ไปสู่ทุคติ (รวมทั้งในที่อื่นๆ ก็มีเช่นกัน) ว่า

 

 "ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ    ถึงอาการน่าสงสารอย่างยิ่ง

ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ 

ข้าพเจ้าครั้นถวายผ้าครึ่งผืนแล้ว  บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอด    ๑    กัป

และในกัปทั้งหลายที่เหลือ    ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้วในกัปที่  ๙๒   

นับจากกัปนี้ไป  ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น 

จึงไม่รู้จักทุคติเลย  นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"

              

 

 6.   ผู้ถวายผ้าแก่พระสงฆ์ย่อมได้รับ อานิสงส์ผลบุญ 8 ประการ 

        ผู้ถวายผ้าแก่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาย่อมได้รับ อานิสงส์ผลบุญที่สร้างไว้ 8 ประการ ดังที่ปรากฏใน ปิลินทวัจฉเถราปทาน ขุททกนิบาต อปทาน (32/592) ว่า

           

 "ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์  ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า    ๘    ประการ คือ

 1. ข้าพเจ้าเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง    ๑

 2. ปราศจากธุลี(ปราศจากไฝฝ้า)    ๑

 3. มีรัศมีผ่องใส    ๑   

 4. มีตบะ    ๑   

 5. มีร่างกายมีผิวเกลี้ยงเกลา    ๑

เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ

 6. ก็มีผ้าสีขาว    ๑๐๐,๐๐๐     ผืน    ๑

 7. มีผ้าสีเหลือง   ๑๐๐,๐๐๐    ผืน    ๑

 8. มีผ้าสีแดง      ๑๐๐,๐๐๐    ผืน    ๑   กั้นอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้า

นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า"

               

 

 หมายเหตุ   เลขแสดงเครื่องหมาย เช่น ( 26/ 234) หมายถึง เล่มที่ 26 หน้า 234  พระไตรปิฎก ฉบับ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

 

 ถึงแม้ว่าการทอดกฐินเพื่อสร้างอุโบสถในครั้งนี้  จะไม่ได้ถวายผ้ากฐินแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่ก็ได้ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์  ผู้ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  เป็นพระอริยบุคคล (ในความคิดของแพร)  อานิสงฆ์ที่จะได้รับถึงจะไม่มากเท่าในพระไตรปิฎก  แต่แพรก็เชื่อว่า บุญย่อมรักษา  ธรรมย่อมคุ้มครอง  ผู้บำเพ็ญบุญเสมอค่ะ  ได้ทำบุญ  สร้างบารมี  แค่นี้ก็สุขใจแล้วค่ะ  จริงไหมค่ะ  เพื่อนๆ

 

 

 สรุปว่า  ตอนนี้แพรมีเงินเก็บสะสมจำนวน 1,500 บาท 

เงินบริจาคจากพี่อร 500 บาท 

จากพี่มูน 500 บาท 

จากท่านทูตพลเดช 1,000 บาท

 รวมทั้งหมด 1,500+500+500+1,000 = 3,500 บาท

 

 และหลังวันที่ 18 ก.ย. 53 แพรจะได้เงินจากการทำงานพิเศษทุกวันเสาร์อีก น่าจะรวมเงินสะสมบุญทอดกฐิน ได้เท่ากับ 3,500+2,400 = 5,900  บาทค่ะ

(เฮ!.. จะเกินครึ่งทางแล้วค่ะ)

 

  ขอให้บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองทุกคนนะคะ

 

 images สาธุ  สาธุ  สาธุ อนุโมทามิ

 

 โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

 

 อ่านบันทึกการสะสมบุญที่ผ่านมาได้ที่นี่ค่ะ 

 

 เริ่มต้นแห่งศรัทธา

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386592

 บัญชีบุญ

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386630

 บุญพิเศษกับงานพิเศษ

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/386848

  ญาติธรรมใจบุญ

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/387458

 มารไม่มี บารมีไม่เกิด

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/388815

 บำเพ็ญบารมี 10 ทัศ

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/389697

 อานิสงส์ของการถวายผ้า

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/390329

 สะสมเงิน เป็นทุนชีวิต

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/391824

 ปาฏิหาริย์แห่งการอธิฐานจิต

http://gotoknow.org/blog/kathinceremony/394853

 

หมายเลขบันทึก: 390329เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2010 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 12:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท