โดยพื้นฐานผมอ่านหนังสือน้อยมาก ไม่ได้รับการปลูกฝังให้มีนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก
แม้ตนเองไม่มีนิสัยรักการอ่าน แต่ก็เห็นคนอ่านหนังสือ “ดูดี” และ “เท่”
หลังจากที่ผมอยู่เชียงใหม่ได้ราว ๑ ปี และเป็นพระนักศึกษาแล้ว ผมขอย้ายตัวเองมาอยู่ที่อาศรมพระธรรมจาริกดอยมูเซอ จ.ตาก ซึ่งเป็นบ้านเกิด และต้องเดินทางไปเรียนที่เชียงใหม่เดือนละครั้ง ๆ ละ ๑ สัปดาห์ ชีวิตในช่วงนั้นเดินทางโดยรถทัวร์โดยสารบ่อยมาก สิ่งที่พบเห็นแล้วประทับใจคือคนอ่านหนังสือบนรถ ที่โดยมากเป็นฝรั่งและชาวญี่ปุ่น ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปความ “ดูดี” และ “เท่”
เอ่ยได้อย่างไม่อายครับ ถึงแม้เป็นพระแต่ก็อยาก “ดูดี” และ “เท่” หลังจากนั้นก็จะหาซื้อหนังสือมาอ่านบ้างบนรถ อ่านไปได้หน้าสองหน้าก็หลับ แต่ก็จะถือไว้ในมื่อเพื่อให้ “ดูดี” และ “เท่” บ้าง
ที่เชียงใหม่มีร้านหนังสือใหญ่ ๆ อยู่หลายร้าน การบอกใครต่อใครว่าไปร้านหนังสือสำหรับผมตอนนั้น “ดูดี” และ “เท่” ผมจึงชอบไปเดินดูหนังสือและซื้อติดมือกลับมาครั้งละหลายเล่ม เพื่อให้ “ดูดี” และ “เท่”
หนังสือที่ซื้อมาเกือบทั้งหมดไม่เคยได้อ่าน ยกเว้นถือไปถือมาระหว่างอยู่บนรถโดยสาร และเหลือบอ่านบ้างเป็นครั้งคราว แรก ๆ หนังสือที่ซื้อโดยมาเป็นหนังสือวิชาการ (ที่อ่านไม่รู้เรื่องสักแอะ) ซื้อหนังสือมติชนรายสัปดาห์ทุกฉบับ บางฉบับไม่เคยได้อ่าน บางฉบับอ่านดูดวง (แหะ แหะ สาบานได้ว่าไม่เคยอ่านคอลัมน์ของ อ.นิวัติ กองเพียร เลยครับ)
ระยะต่อมาซื้อหนังสืออ่านสนุก ๆ บ้าง เช่น ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์, วิลาศ มณีวัติ หนังสืออ่านสนุก ๆ เหล่านี้ทำให้ผมเริ่มอ่านหนังสือ และอ่านมากขึ้น พัฒนาไปอ่านงานเขียนที่ยากได้มากขึ้น เริ่มชอบ คอลัมน์ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์, หนุ่มเมืองจันท์, ไมเคิล ไรท์ ในมติชนสุดสัปดาห์
ผมได้รับการฝึกให้อ่านอย่างจริงจัง จนกระทั่งเกือบจะเกลียดการอ่านไปเลยเมื่อเข้าเรียนต่อปริญญาโท อาจารย์ท่านหนึ่งจะมอบหมายให้อ่านหนังสือสัปดาห์ละสองถึงสามเล่มเป็นอย่างน้อย พอถึงชั่วโมงเรียนก็จะพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือที่อ่านมา รวมทั้งเขียนตอบคำถามลงกระดาษเป็นคะแนนสะสม ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมได้รับการฝึกให้อ่านงานวิชาการ แต่ก็ไม่มีความสุขกับการอ่านมากนัก
ระยะถัดมาผมพลัดหลงไปอ่านหนังสือของ อ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เข้า ประทับใจมาก กระทั่งหาซื้อมาเก็บและอ่านทุกเล่มเท่าที่หาซื้อได้ นักเขียนคนต่อมาที่ผมชอบคือ อ.นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ ที่ผมอ่านในมติชนสุดสัปดาห์ ก็หาซื้อมาเก็บและอ่านทุกเล่มเช่นกัน และเช่นเดียวกันหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์ ที่ผมก็ตามเก็บและอ่านทุกเล่ม
แม้มิใช่นักอ่านที่เรียกว่า “หนอนหนังสือ” แต่ประสบการณ์การอ่านของผม ก็มีส่วนไม่น้อยในการพัฒนาตนเองด้านการขีดการเขียน มันทำให้ผมซึมซับเอาศัพท์แสง สำนวน โวหาร กระทั่งแนวการเขียนของนักเขียนคนที่ผมชื่นชอบมาใช้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จากบทเรียนของผม “การอ่าน” จะทำให้เราสะสมคำต่าง ๆ ไว้จำนวนมากรอวันที่จะหยิบออกมาใช้ กระทั่งการคัดลอก หยิบยืม ปรับประยุกต์ แนวการเขียนมาเป็นของเรา
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๑) ที่มาและที่ไป
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๒) ขอเล่าเรื่องตัวเองสักหน่อย
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๓) การอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๔) ก้าวแรกและก้าวต่อของการฝึกเขียน
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๕) เวทีชื่นชมผลงาน
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๖) การพัฒนาแบบก้าวกระโดดใน G2K
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๗) การเขียนแนวทางแบบผม
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๘) ส่งท้ายบทเรียน
เห็นบางท่านเรียนมากจนไม่อยากขีดเขียน
หรือไม่งั้นก็เบื่อหนังสือไปเลย
น่าเสียดายทำไงดี จะให้คนเล่าเรียนได้ถ่ายทอดแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ แบบหนานเกียรติบ้าง
เป้นเรื่องเล่าที่สนุก ผมชอบมากครับ
สวัสดีค่ะ
บทเรียนนี้ดีมากเลยครับ เป็นแรงบันดาลใจนักปฏิบัติการทั้งหลายได้ดีทีเดียว
นมัสการครับพระอาจารย์ - พระมหาแล ขำสุข(อาสโย) [IP: 125.25.196.45]
เห็นบางท่านเรียนมากจนไม่อยากขีดเขียน
หรือไม่งั้นก็เบื่อหนังสือไปเลย
น่าเสียดายทำไงดี จะให้คนเล่าเรียนได้ถ่ายทอดแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ แบบหนานเกียรติบ้าง
ขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
ผมเห็นด้วยกับความเห็นของพระอาจารย์ครับ แต่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรกับประเด็นที่พระอาจารย์ยกขึ้นมา
(ผมเองยังเป็นมือสมัครเล่นครับ พระอาจารย์ ยังต้องฝึกฝนอีกมากครับ)
สวัสดีครับ คุณหมอ นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เป้นเรื่องเล่าที่สนุก ผมชอบมากครับ
ขอบคุณมากครับ
ดีใจหลายที่ชอบครับ
นี่แหละครับ แรงบันดาลใจของผม...
สวัสดีครับ พี่ครูคิม
สวัสดีค่ะ
- เป็นเรื่องเล่าที่สนุก พี่คิมก็ยังไม่ได้เป็นนักอะไรเลย
- เริ่มต้นเป็นนักเรียนก็เรียนไม่ดี นักศึกษาก็แย่
- จะอ่านหรือจะเขียน ก็กำลังฝึกที่นี่ GotoKnow เปิดเพื่อนที่ให้ฝึก
- เข้ามาหาพื้นที่บำบัดความไม่รู้อยู่ที่นี่ค่ะ
- ขอเป็นกำลังใจให้น้องหนานนะคะ เขียนเล่าได้ดีมาก ๆ
- ขอขอบพระคุณที่เขียนมาให้อ่าน เป็นข้อคิดค่ะ
ขอบคุณครับพี่คิม...
ผมก็เหมือนกับพี่คิม ได้ใช้พื้นที่ใน G2K ฝึกฝนตนเองมาก ๆ
เรื่องเล่าของแต่ละคนก็มีสไตล์ในแบบของตัวเอง
ของพี่คิมก็มีพลัง มีชีวิต มีจิตวิญญาณครับ
สวัสดีครับ พ่อน้องซอมพอ
บทเรียนนี้ดีมากเลยครับ เป็นแรงบันดาลใจนักปฏิบัติการทั้งหลายได้ดีทีเดียว
ขอบคุณมากครับ
อยากให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วอมยิ้ม....
ความอยากเท่ ดูดี นี่ ไม่ปรานีปราศัยใคร....ฮา ๆ ๆ
คนไม่มีรากก็เหมือนกันค่ะ กวาดและกว้านซื้อ (เท่าที่มีสตางค์) หนังสือของนักเขียนดัง ๆ แห่งยุค เล่มไหนที่เขาคุยกัน ได้รับรางวัล มีการวิจารณ์ล่ะก็ ... ต้องไปหามาให้จงได้ แล้วก็เก็บเป็นกอง ๆ บางเล่มเห็นอีกซื้ออีก จนมีเรื่องเดียวหลายเล่ม ... ก็ยังไม่ได้อ่านจนแล้วจน (ไม่) รอด...
ตอนนี้เปลี่ยนนิสัยแล้วค่ะ ไปรื้อค้นของเก่ามาอ่าน ไปห้องสมุด เล่มไหนดี จึงไปหาซื้อมาไว้ส่วนตัวค่ะ
(^___^)
สวัสดีครับ อ. ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
สวัสดีครับ คุณคนไม่มีราก
แหะ แหะ จริง ๆ ก็อายและเขินเหมือนกันครับเวลาเล่าเรื่องนี้
แต่อยากจะบอกว่าบางทีการสร้างภาพนี่ก็มีผลดีครับ
เพราะอยาก "ดูดี" และ "เท่" ทำไปทำมาเลยกลายเป็นตัวจริง ๆ ไปเลย
ผมคิดว่านี่เป็นบทเรียนครับ การทำ "ภาพสร้าง" ให้เป็น "ภาพจริง" ในบางเรื่องทำได้จริง
และผมเห็นว่าถ้าเราทำแบบนี้ในกลุ่มนักเรียนได้ ก็จะสร้างนักเรียนที่มีคุณภาพได้
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็นครับ
เราเคยเจอกันแล้ว น้องออยจาก สรพ.เองค่ะ วันนี้มีคนกระตุ้นต่อมอยากเรียนรู้ ได้ยินชื่อพี่หนานเกียรติ เข้าหู เลยเกิดอยากรู้จักมากขึ้น ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ขอนำ blog พี่หนานเกียรติ เข้า แพลนเน็ต เลยนะคะ จะได้ติดตามต่อเนื่อง เผื่อความรู้จะตกผลึกความฉลาดและรอบรู้มากขึ้นค่ะ