ผมลาออกจากงานประจำ มีเวลาอยู่บ้านต่อเนื่องราว ๑ เดือน ผมใช้เวลานี้เข้าไปเป็นสมาชิกใน G2K
แรกเริ่มเป็นการเข้าไปอ่านบันทึกของมวลสมาชิก ที่มีเนื้อหาหลายหลาก มีเรื่องราวที่ชอบให้เลือกอ่านมากมาย นอกจากการอ่านแล้ว ผมได้นำงานเขียนเก่า ๆ มาปรับปรุงและส่งขึ้นไปอยู่ในบล็อค
บันทึกแรกเป็นบันทึกเรื่องเล่าของเฌวา สร้างบันทึกนี้ในบล็อค เฌวา พร้อมกับ บันทึกย่อย ๆ ใน บ้านป่าคา : เรื่องเล่าของคนกับป่า ในบล็อค เรื่องเล่าจากหมู่บ้าน เมื่อปลายเดือนสิงหาคม
บันทึกผมได้รับความเห็นจากสมาชิกรุ่นพี่ใน G2K ในวันเดียวกัน หลังจากผมสร้างบันทึกลงในบล็อคไปไม่กี่ชั่วโมง คงไม่ต้องบอกว่าตื่นเต้นดีใจเพียงใด
ผมใช้เวลามากขึ้นในการเข้ามาเยี่ยมชมใน G2K ทั้งอ่านบันทึก เข้าไปแบ่งบันความเห็นในบันทึกที่เข้าไปอ่าน รวมทั้งการตอบความเห็นบรรดาสมาชิกที่เข้ามาเยี่ยมชมและอ่านบันทึก บางวันอยู่ตั้งแต่เช้ายันเกือบเช้าของอีกวัน เป็นอย่างนี้ติดต่อกันหลายวัน จนแม่เฌวาแปลกใจ
ยังมิทันจะพ้นเดือนแรกของการเป็นสมาชิก งานเขียนเก่าที่หาเจอก็ใกล้หมดสต็อก ผมจึงเริ่มต้นเขียนบันทึกใหม่ ๆ ขึ้นมา แล้วนำไปแบ่งบันในบล็อกของผม
ระยะหลังผมเริ่มเชี่ยวชาญในการท่องไปใน G2K มากขึ้น และสามารถทราบจำนวนของคนที่เข้ามาอ่านบันทึก รวมทั้งจำนวนการเสนอความเห็นในแต่ละบันทึกได้ ผมก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นตัวเลขการเข้ามาอ่านในบันทึกรวมทั้งผู้ที่ให้ความเห็นต่อบันทึกของผมจำนวนมาก และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเป็นแรงใจให้ผมเขียนบันทึกเพิ่มมากขึ้น
ได้เดินทางไปไหน ไปเรียนรู้อะไรมา ผมเก็บเอาเรื่องราวมาบันทึกเกือบทุกเรื่อง เรียกว่าผมเขียนบันทึกเกือบทุกวันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ผมมาทบทวนตัวเองหลังจากคุยกับคุณเอก - จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ว่า ในเรื่องการเขียน ตนเองได้รับอะไรบ้างจากใน G2K
ประการแรก เป็นการสร้างกำลังใจ แรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้เขียนอย่างต่อเนื่อง
เอ่ยได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมใช้ G2K เป็นเวที เป็นพื้นที่แสดงออกถึงผลงานเขียนของตัวเอง เป็นพื้นที่ที่ซึมซับเอาความรู้สึกดี ๆ (จากการเข้ามาอ่านบันทึก จากความคิดเห็น จากคำชม จากกำลังใจที่ได้จากแต่ละในบันทึก) มาสร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งการกระตุ้นให้ตัวเองเขียนบันทึกอย่างต่อเนื่อง
ประการที่สอง เป็นการซึมซับเอาทักษะ เทคนิคการเขียน
นอกจากการเขียนบันทึกใส่ลงในบล็อคแล้ว ผมใช้เวลาไม่น้อยในการท่องเที่ยวไปใน G2K เพื่ออ่านเรื่องราวที่ตัวเองสนใจ ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่มีขุมความรู้มากมายเป้นภูเขาเลากา การเข้าไปอ่านไม่เพียงทำให้ได้รับความรู้ใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ผมยังได้แอบเก็บคำบางคำ ศัพท์บางศัพท์ ประโยคบางประโยค รวมทั้งกลวิธีกลเม็ดการเขียนเข้ามาสต็อกไว้ และกล่าวได้อย่างตรงไปตรงมา ผมได้ใช้ของในสต็อคไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ประการที่สาม การพัฒนาทักษะการเขียนอย่างก้าวกระโดด
ผมไม่อาจทราบได้ว่าคุณภาพงานเขียนของผมพัฒนาไปเพียงใด แต่ความรวดเร็วในการเขียนผมพัฒนาขึ้นมาก ผมเขียนงานได้เร็วมากกว่าเดิมกว่าเท่าตัว การเขียนงานไม่ลื่นไหลมากขึ้น ปัญหาการเขียนหนังสือของผมเปลี่ยนไปจากไม่รู้จะเขียนอะไรเพราะไม่มีอะไรจะเขียน เปลี่ยนเป็นไม่รู้จะเขียนอะไรเพราะเรื่องราวเยอะแยะไปหมด
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๑) ที่มาและที่ไป
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๒) ขอเล่าเรื่องตัวเองสักหน่อย
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๓) การอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๔) ก้าวแรกและก้าวต่อของการฝึกเขียน
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๕) เวทีชื่นชมผลงาน
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๖) การพัฒนาแบบก้าวกระโดดใน G2K
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๗) การเขียนแนวทางแบบผม
ถอดบทเรียนตัวเองเรื่องการเขียน : (๘) ส่งท้ายบทเรียน
ไล่ตามอ่านมาทุกตอน..ชื่นชมครับๆ
ไล่ตามมาอ่านติดๆครับ คุณหนานเกียรติ
ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์
การWS. “นักจัดการความรู้ โดยชุมชนนักปฏิบัติ”ในวันที่ 14-15 ธันวาคมนี้
คุณหนานเกียรติคงจะได้นำประสบการณ์นี้แบ่งปันในเวทีด้วย
แน่นอนผมเห็นว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานสร้างความรู้จากตนเองได้อย่างดีเลย
ซึ่งตรงนี้เป็นโจทย์สำคัญการWS. ในครั้งนี้
เป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้
และจุดประกายให้คนทำงานได้ “กล้า” เปิดพลัง (Open will) ของตนอย่างเต็มที่ ตามที่คุณเอกได้ออกแบบไว้
วาดหวังกันไว้อย่างนั้นครับ
สวัสดีค่ะ มีร่วมยินดีกับพัฒนาการแบบก้าวกระโดดค่ะ
ขอคารวะ ท่านหนานเกียรติ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมงานเขียนของท่าน แสดงถึงตัวตน มีเอกลักษณ์ในตัวเอง อ่านง่ายไม่เครียดครับ
การเริ่มต้นยาก แต่ถ้าได้เริ่มที่ดี ก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง
ยินดีด้วยครับ ความสุขของคนเขียน ก็คือเขียนแล้วมีคนอ่านครับ
สวัสดีครับ อ.ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
ไล่ตามอ่านมาทุกตอน..ชื่นชมครับๆ
ขอบคุณครับอาจารย์
ขอค่าอ่านเป็นการสอนผมถ่ายรูปสวย ๆ ได้ไหมครับ ฮิ ฮิ...
สวัสดีครับ พี่ นาย สุเทพ ไชยขันธุ์
ไล่ตามมาอ่านติดๆครับ คุณหนานเกียรติ
ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์
การWS. “นักจัดการความรู้ โดยชุมชนนักปฏิบัติ”ในวันที่ 14-15 ธันวาคมนี้
คุณหนานเกียรติคงจะได้นำประสบการณ์นี้แบ่งปันในเวทีด้วย
แน่นอนผมเห็นว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานสร้างความรู้จากตนเองได้อย่างดีเลย
ซึ่งตรงนี้เป็นโจทย์สำคัญการWS. ในครั้งนี้
เป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้
และจุดประกายให้คนทำงานได้ “กล้า” เปิดพลัง (Open will) ของตนอย่างเต็มที่ ตามที่คุณเอกได้ออกแบบไว้
วาดหวังกันไว้อย่างนั้นครับ
ขอบคุณครับพี่ที่เข้ามาตามอ่าน
บันทึกชุดนี้ผมต้ังใจเขียนให้คุณเอกเอาไปใช้ใน WS นั้นครับ
ผมติดว่าผมเข้าใจหัวอกน้อง ๆ ที่ทำงานในพื้นที่ เพราะผมก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกันมาก่อน
บทเรียนผมอาจจะไม่ใช่ความรู้สำเร็จรูป แต่บริบทการพัฒนาทักษะการเขียนของผมน่าจะใกล้เคียงกับบางคนที่จะสามารถกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจได้
ขอบคุณครับ...
สวัสดีครับ อาจารย์ noktalay
สวัสดีค่ะ มีร่วมยินดีกับพัฒนาการแบบก้าวกระโดดค่ะ
ขอบคุณครับอาจารย์
นี่ไงครับกำลังใจดี ๆ ที่ทำให้ผมฮึกเหิม เขียนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ พรชัย
ขอคารวะ ท่านหนานเกียรติ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมงานเขียนของท่าน แสดงถึงตัวตน มีเอกลักษณ์ในตัวเอง อ่านง่ายไม่เครียดครับ
การเริ่มต้นยาก แต่ถ้าได้เริ่มที่ดี ก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง
ยินดีด้วยครับ ความสุขของคนเขียน ก็คือเขียนแล้วมีคนอ่านครับ
ขอบพระคุณครับอาจารย์
ดีใจที่อาจารย์ชอบครับ
มีคนชอบ ก็ยิ่งอยากเขียนครับ
ถอดที่ไรพี่อ้อยก็อ่านของหนานเกียรติรู้เรื่องทุกที..ฮี่ๆแต่ทำไม๊ทำไมหนานเกียรติอ่านวิชาครูไม่ออกน๊า..
สวัสดีครับ พี่หมอ - หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
ขอบคุณสำหรับคำติงครับ
แบบว่าตอนนั้นเสพติดอย่างรุนแรงครับ
เหมือนคนกระหายน้ำในทะเลทรายแล้วเจอแหล่งน้ำครับ
บันทึกชุดนี้ผมต้ังใจเขียนมอบให่คุณเอกไปใช้เป็น Input ในเวทีนึงครับ
ผู้เข้าร่วมเป็นนักพัฒนา ซึ่งผมเคยมีสภาพแบบเดียวกับเขาเหล่านั้น
คือทำงานเยอะ แต่เขียนไม่ออก
บางทีบทเรียนการก้าวพ้นข้อจำกัดของผมจะเป็นประธยชน์บ้างครับ