ผมเป็นลูกชาวนาและลูกชาวนาแบบผมก็คงเหมือนหลายคนที่ไม่ได้เรียนรู้วิถีทำนาของบรรพบุรุษ หากรับรู้ก็เพียงผิวเผิน ซึ่งผมมองว่ารากเหง้าของเราเอง เรายังไม่ได้เรียนรู้ที่มาที่ไป “กว่าจะได้ข้าวสารกรอกหม้อ” ต้องทำยังไงบ้าง? ผมคิดว่าหลายคนคิดไม่ออกในกระบวนการละเอียดเหล่านั้น
ที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก อ.ดอยสะเก็ด สอนนักเรียนทำนา...
ด้วยข้อมูลที่ผมได้รับจากผู้บอกกล่าว ผมก็ยังคิดไม่ออกว่า ที่นี่เขาสอนทำนากันอย่างไร? ที่แน่ๆไม่ได้สอนในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียวแน่นอน เท่าที่ทราบจากข้อมูลโรงเรียนมีที่นาและมีการทำนากันจริงๆบนพื้นที่เรียนรู้ขนาด ๒ ไร่นั้น
จากเส้นทาง อ.เมือง ตรงไปทางดอยสะเก็ด บนถนนสายเชียงใหม่ –เชียงราย ไม่เกิน ๒๐ กม.เราเลี้ยวรถเข้าไปในหมู่บ้านริมทาง รถของขับมุ่งตรงไปโรงเรียนซึ่งเป็นทางเล็กเลียบเลาะทุ่งนาที่เขียวขจี หากมองเผินๆแล้ว พื้นที่เหล่านี้เอื้อต่อการเรียนรู้ “ทำนา” เป็นอย่างยิ่ง แต่หากโรงเรียนไม่ได้หยิบเอาประเด็น “สอนทำนา” ขึ้นมา นักเรียนคงได้เป็นเพียงผู้ดูและค่อยลืมเลือนวิถีดั้งเดิมของบรรพบุรุษไปหมด กองฟางที่วางข้างเถียงนา ควายไว้ใช้ไถนา เริ่มลดจำนวนลง พร้อมกับบ้านจัดสรรสมัยใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นในเขตชนบทกึ่งเมืองแบบร้องขี้เหล็ก
คุณครูพิศมัย เทวาพิทักษ์ คุณครูประจำโรงเรียนร้องขี้เหล็กบอกผมว่า “เด็กสมัยใหม่ทำนาไม่เป็นกันแล้ว และทุ่งนาแถบนี้ก็ขายให้นายทุนเอาไปทำบ้านจัดสรรกันส่วนหนึ่งแล้ว หากเราไม่ปลูกฝัง สืบทอด อนุรักษ์การทำนาซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม อีกหน่อยก็วิถีภูมิปัญญาแบบนี้ก็ค่อยๆสูญหายไป เด็กรุ่นใหม่จะลืมบุญคุณบรรพบุรุษ ตลอดจนลืมรากเหง้าของตนเองไปในที่สุด”
เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดและเกิดขึ้นกับหลายๆพื้นที่ในชนบทไทย จากการสนทนากับครูพิศมัย ผมก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก จึงเริ่มคิดหลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับวิถีชุมชนขึ้นมา ภายใต้การปูความรู้การทำหลักสูตรท้องถิ่นจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เข้ามาผลักดันฝึกอบรมการสร้างหลักสูตรท้องถิ่นขึ้นมาในช่วงปี ๒๕๔๓ ตอนนั้นเน้นการเขียนหลักสูตรบูรณาการด้วยลายมือ ต่อมาการพัฒนาหลักสูตรทำนาของโรงเรียนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา การปฏิบัติจริงและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน หลักสูตรเล็กๆที่คิดกันมื่อเริ่มต้นเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
ผอ.สมบูรณ์ เดชยิ่ง บอกผมว่า “นักเรียนที่เรียนจบจากโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กไปไม่ใช่แค่รู้เรื่องการทำนาแต่ ต้องทำนาเป็น!!!” เป็นเสมือนคำการันตีหลักสูตรสืบสานภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องชนบท...น่าภาคภูมิใจแทนวิญญาณบรรพบุรุษชาวนาไทยเสียจริงๆ
ทุ่งนาขนาดสองไร่ ที่อยู่ตรงหน้าอาคารเรียน ถูกจัดให้เป็นพื้นที่เรียนรู้จิตวิญญาณของท้องถิ่นอย่างคุ้มค่า นักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่าผ่านการเรียนรู้การทำนาผ่านพื้นที่นี้
วันนี้อาจจะยังพักดินแต่เมื่อเริ่มฝนโปรย ความมีชีวิตชีวาในท้องทุ่งก็เริ่มต้นขึ้น ทุ่งนาของโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กก็เหมือนกัน
ฝนมาแล้ว...
ความฉ่ำชื่นของสายน้ำ มีอยู่ทั่วทุกแห่งหนของพื้นที่นี้ เสียงอึ่งอ่าง กบเขียด ร้องระงมในช่วงกลางคืน ต้นหญ้าเขียวระบัดใบดูสดชื่น
ได้เวลาทำนากันแล้ว...
เชื่อไหมว่าเด็กๆทุกคนที่โรงเรียนแห่งนี้ต่างก็รอคอยเวลาที่พิเศษนี้ พวกเขาจะได้สวมบทบาทเป็นชาวนา ...ชาวนาน้อยๆที่ผลิตเม็ดข้าวเป็นอาหารของชุมชนทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริง
เอาน้ำเข้านา...เริ่มต้นทำนา
กิจกรรมแรกของฤดูกาลทำนา ... นักเรียนชาย ป.๖ ใช้วิธีการ “คั่งน้ำเข้านา” เป็นภาษาเหนือ แปลว่า เปิดเส้นทางน้ำจากลำน้ำเหมืองเข้ามาในพื้นที่นา เว้นเวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้วัชพืชในนาเน่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ก่อนที่จะไถกลบวัชพืช ถือว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้แรงงานนักเรียนผู้ชาย ไถนา ใช้ทั้งควายและรถไถนาเล็กผสมกัน
ครูพิศมัย เล่าความประทับใจให้ผมฟังถึงขั้นตอนการทำนาในขั้นตอนแรกๆว่า “มีนักเรียนชาย ป.๓ คนหนึ่งตัวโตๆเรียนหนังสือในห้องเรียนผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เขาจะชื่นชอบการทำนามาก เขาไถนาแบบมีอาชีพ ดูเขามีความสุขที่ได้ทำกิจกรรมนี้”
สิ่งที่ครูเล่าหมายถึง “ความสุขที่ค้นพบในตัวเด็ก” ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ครูจัดให้ หลักสูตรที่สอดคล้องกับความสนใจ ไม่ใช่รัดตรึงความสนใจเด็กให้จดจ่อกับทฤษฏีจนไม่เห็นภาพของการปฏิบัติ ยิ่งเรียนยิ่งไม่มีความสุข เด็กยิ่งขาดความสนใจใคร่รู้ ...
หลังจากไถกลบวัชพืช จะเว้นระยะเวลา “ดองนา” ให้วัชพืชที่ไถกลบเน่าเป็นปุ๋ยชั้นดีก่อน จากนั้น อีก ๑ สัปดาห์ถึงมีกระบวนการคราดไถ เอาเศษหญ้าบางส่วนออกไป กระบวนการคราดนารอบแรกอาจต้องใช้แรงงานนักเรียนผู้ชาย แต่การคราดแบบละเอียดครั้งที่สอง รวมถึงนำเศษหญ้าออกจากนา เด็กนักเรียนผู้หญิงมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้เต็มที่...
ลองคิดดูบรรยากาศ เด็กๆกับโคลน ซึ่งน่าจะเรียกความสนุกสนาน ครื้นเครงให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
ขึ้นแปลง..รอหว่านกล้า
กิจกรรมการขึ้นแปลง ทั้งนักเรียนหญิง ชาย ป.๖ ถึง ม.๓ ช่วยกันอย่างแข็งขัน การขึ้นแปลงต้องขึ้นแปลงแบบนูนหลังเต่า (นี่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวนาเมืองเหนือ) การขึ้นแปลงลักษณะนี้ก็เพื่อให้มีการระบายน้ำที่ดี เวลาถอนกล้าข้าวดินจะไม่ติดกล้าเพราะน้ำไม่ขังแปลงเพาะ...
นักเรียนผู้หญิงจะง่วนกับ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว พวกเขาใช้วิธี เอาข้าวเปลือกแช่น้ำ คัดเลือกเอาเมล็ดพันธ์ที่ลีบออกไป จากนั้นเทใส่กระสอบมัดปากให้แน่นแช่น้ำไว้ ๑ คืน ให้ข้าวมีรากงอกออกมาเล็กน้อย เป็นการเตรียมพร้อมเมล็ดพันธุ์สำหรับหว่านกล้าในขั้นตอนต่อไป หน้าที่การหว่านเป็นของ นักเรียนผู้ชาย เพราะต้องหิ้วตระกร้าที่หนักชุ่มน้ำพร้อมกับวิธีการหว่านลงในพื้นที่ที่เขาจัดเตรียมไว้เป็นแปลงเพาะ
จากเมล็ดข้าว จนถึงต้นกล้า และต้นข้าวที่ออกรวงสุกอร่ามทั่วท้องทุ่ง ของโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก บรรดาคุณครูและนักเรียนต่างก็ใจจดจ่อกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงเก็บเกี่ยวข้าว ว่ากันว่า กิจกรรมเกี่ยวข้าว นวดข้าว ฟาดข้าวและตีข้าว ตามวิถีของชาวนาชนบททางเหนือ เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานอีกครั้งหนึ่งของหลักสูตรทำนาของชาวนาน้อยๆ มันน่าภูมิใจขนาดไหนที่เด็กๆเห็นผลผลิตจากฝีมือของพวกเขาออกมาเป็นรวงข้าว เมล็ดข้าวที่ใช้เป็นอาหาร
หลักสูตร “ทำนา”ที่ร้องขี้เหล็ก เป็นเสมือน นวัตกรรมทางการศึกษาที่ช่วยสร้างเด็กให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง สิ่งที่พวกเขาได้ทำมากับมือ เป็นสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจ และซึมซับเอาวิถีรากเหง้าของตนเองไปอย่างไม่รู้ตัว ...และสำนึกได้ว่า กว่าจากรวงมาเป็นเมล็ดข้าวนั้น มันเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน
เด็กเล็กๆชั้นอนุบาลพากันไปห้อมล้อมมุงดูพี่ๆทำนา ในขณะที่เด็กน้อยเหล่านั้นได้รับมอบหมายจากคุณครูให้จดบันทึก วาดรูปกิจกรรมรวมไปถึงสิ่งที่เห็นในท้องทุ่ง
นักเรียนชั้นป.๑ ถึง ป. ๕ ต่างก็มีภารกิจของตนเองต่อทุ่งนาของพวกเขา อย่างน้อยเขาได้เรียนรู้ร่วมไปกับพี่ๆ และได้เสริฟข้าวเสริฟน้ำพี่ๆ เป็นวิถีแห่งการเอื้อเฟื้อที่งดงามอันเป็นวิถีของชนบท
การบ้านที่คุณครูให้ไปถามคุณพ่อ คุณแม่เรื่อง “การทำนา” แต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร เป็นการดึงความรู้จากผู้ใหญ่ลงมาสู่เด็ก “สานความรัก สานความรู้”
เป็นภาพที่ชินตาที่ทุ่งนาของโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก เมื่อผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมทำนากับลูกหลานของพวกเขา แบบที่ไม่ได้นัดหมาย แต่มาเพราะความรักลูก ตื้นตันใจที่เห็นลูกทำนาเฉกเช่นบรรพบุรุษ
เสียงหัวร่อต่อกระซิก ในระหว่างเกี่ยวข้าวของผู้ปกครองและนักเรียน น้องนักเรียนที่เฝ้าให้กำลังใจคนทำนาริมคันนา เฝ้าดูกิจกรรมชีวิตในทุงนาของพวกเขา เป็นภาพแห่งความสุขและความประทับใจที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
ผมคิดว่าหลักสูตร “ทำนาที่ร้องขี้เหล็ก” เป็นมากกว่าหลักสูตรท้องถิ่น ผมขอเรียกว่า เป็น “หลักสูตรฟื้นถิ่น” และยกระดับองค์ความรู้ท้องถิ่น อย่างงดงามผ่านเยาวชน
ความสำเร็จที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก ถือว่าความสำเร็จของการบูรณาการความรู้ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่กับการปฏิบัติจริงในบรรยากาศที่มีความสุข
>>> ติดตามอ่าน บันทึกเกี่ยวข้อง "โรงเรียนเล็ก ๆ แต่หัวใจไม่เล็ก" (โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก โรงเรียนสอนเด็กทำนา) ของ อาจารย์ Wasawat Deemarn
>>> ติดตามอ่าน บันทึก Humanized Educare บันทึกอื่นๆ
ข้อมูลจำเพาะ
โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก เป็นโรงเรียนขนาดกลาง-ขยายโอกาส
เปิดสอนในระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑-๓) จำนวนทั้งสิ้น ๑๓๕ คน
ที่ตั้ง : ๑๖๙ หมู่ที่ ๗ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑
มี นายสมบูรณ์ เดชยิ่ง เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
ครูผู้สอน ตาม จ.๑๘ ทั้งหมด ๑๒ คน อัตราจ้าง ๓ คน
เวปไซต์ : http://www.banrongkheelek.com/
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
๒๗ เม.ย.๕๒
นนทบุรี
สวัสดีค่ะคุณเอก มาดูความน่ารักของเด็กๆ
ชุดที่ใส่ดำนา...สวยไปนะคะ
ฝากกล้วยไม้ที่บ้านมาให้กำลังใจค่ะ
พี่ แดง
ครับ
มารวดเร็วดีครับ ผมกำลังปรับแก้บางส่วนของบันทึกอยู่ครับ บันทึกของ โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กที่ตั้งใจนำเสนอ ๒ บันทึกถือว่าเสร็ตสิ้นเเล้ว บ่มไว้นานเลยครับหลังจากที่ไปเก็บข้อมูลครั้งล่าสุด
ขอบคุณครับสำหรับดอกกล้วยไม้สวยๆ และกำลังใจดีๆสำหรับคนทำงานครับ
ขอบคุณมากครับ
มาสนับสนุน... หลักสูตรท้องถิ่นเข้มแข็งที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก...
ก็คงเหมือนกับการทำแปลงสมัยก่อนครับ
การทำแปลงสมัยก่อนนั้นมีการปลูกผัก เช่น ผักบุ้ง คะน้า หอมแบ่ง กวางตุ้ง
โรงเรียนไหนมีพื้นที่เพียงพอ ก็ให้เด็กทำแปลงปลูกผัก
โรงเรียนไหนมีพื้นที่น้อยก็ให้นักเรียนไปปลูกผักทำแปลงที่บ้าน
ถึงเวลาจะส่งงานก็นัดครูไปตรวจที่บ้าน
ดีครับเป็นการสอนเด็กให้รู้จักการทำสวนทำนา ให้สัมผัสจากชีวิตจริง
น้องเอก พี่สงสัย
"เถียงนา ควายไว้ใช้ไถนา " คือคันไถนาหรือเปล่า
น่าสนใจ และสืบสานเพราะมันคือรากเง้าของเราชาวไทย ต่อไปในอนาคต ข้าวจะแพง เพราะไม่มีที่จะปลูก ถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร พี่อยากทำนาในกระถางเสียแล้วซิ กำลังให้น้องติดต่อซื้อที่ดินที่ราชบุรี อยากทำนา แต่ต้องระวังมากๆ เพราะเป็นคนที่แพ้ละอองเกสรข้าว ขอบคุณค่ะสำหรับบทเรียนนี้เป็นสื่อเรียนรูวิถีไทยได้ดีมากๆค่ะ
เป็นกิจกรรมที่น่ารักมากค่ะ ส่งเสริมเยาวชนให้ทราบภูมิปัญญาไทย ทราบว่าการทำนากว่าจะได้ข้าวมาเหนื่อยยากเพียงไหน เกิดความรู้สึกหวงแหนในวัฒนธรรมหมู่บ้านตนเอง และที่สำคัญ เห็นคุณค่าของข้าวไทย สนับสนุน น่ายกย่องค่ะ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ
สวัสดีครับ อ.Sila Phu-Chaya
คงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผม ปลูกผักและทานผักที่ตนเองปลูก ช่างน่าภูมิใจและหวานกรอบ..
โดยเฉพาะข้าวเราทานทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เห็นความสำคัญ กินทิ้งๆเหลือ ๆ แต่พอมาเป็นชาวนาดูบ้าง กว่าจะได้เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดลำบาก เหนื่อยเพียงใด..
เด็กๆโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก สัมผัสได้ตรงนี้ :)
ขอบคุณพี่ สิริพร ทิวะสิงห์ tuk-a-toon มากครับ คุณครูที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก มาอ่านคงจะชื่นใจนะครับ
คุณ อาทร ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาให้ข้อเสนอแนะ ..
ไปในพื้นที่ของโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กแล้ว ก็ประทับใจกับกิจกรรมที่หลากหลายครับไม่เพียงแต่ การทำนา แต่มีกิจกรรมอื่นๆที่บูรณาการอยู่ด้วย
น่าสนใจครับ..มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงเรียนแห่งนี้ได้ครับ :)
เถียงนา คือ ริมคันนา,นา,พื้นที่นา,กระท่อมน้อยริมนา ครับ ส่วนประโยคที่พี่ยกมา เป็นคำที่ติดกัน อาจทำให้เข้าใจผิดได้
โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก ใช้ควาย และรถไถนาเล็ก ครับสำหรับใช้ไถนา :)
เป็นกิจกรรมที่น่ารัก สามารถเนียนเป็นหลักสูตรท้องถิ่นได้ อย่างไม่แปลกแยก และเด็กๆก็สนุกสนานในกิจกรรมเหล่านี้
ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่ประสบความสำเร็จ มีความสุข และสนุกสนานครับ
บทเรียนหนึ่งของโรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
สวัสดีครับ คุณตุ๊กตา
น้องๆแต่งตัวดูไม่เหมาะกับท้องนาเท่าไหร่นะครับ เปื้อนง่าย :)
อาจต้องค่อยๆปรับ และสวมชุดที่กันเปื้อนได้มากกว่านี้ แต่ดูยังไงก็น่ารักดีนะครับ
กุศโลบายของคุณพ่อคุณแม่ คุณตุ๊กตา ดีมากเลยนะครับ ที่ให้บุตรสาว ดำนาให้ได้ ๑ กำก่อนไปโรงเรียน
ใครจะรู้ว่า การดำนา เห็นง่ายๆแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ ยาก คนที่ดำไม่เป็นก็จะทำไม่ได้เลย
ขอบคุณมากครับ ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น :)
สวัสดีค่ะ
หายหน้าไปพักหนึ่งก็มัวไปอยู่ในไร่ในนาค่ะ
มีความสุขเมื่ออยู่กับธรรมชาติ ท้องทุ่งนา
เห็นชาวนาเขาทำนาด้วยความอุตสาหะ อาบเหงื่อต่างน้ำ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน สมแล้วค่ะที่ได้ยกย่องชาวนาให้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ
และการทำนาก็ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไทยแท้ๆเลยค่ะ
เคยได้ยินปู่ย่าตายายพูดเสมอๆค่ะว่าเป็นทรัพย์ในดิน สินในน้ำ
ติดตามบันทึกของคุณเอกตลอดนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ ครูนก
ดีจังเลยครับ มีโอกาสได้กลับสู่ธรรมชาติ แวดล้อมไปด้วยท้องทุ่งนา และต้นไม้ ผมเองก็พยายามหาโอกาสดังกล่าวเหมือนกันครับผม
ช่วงนี้พยายามเร่งบันทึกเกี่ยวกับ โรงเรียนที่ผมไปเก็บข้อมูลออกมาให้ครบก่อนครับ พรุ่งนี้จะเดินทางไปอีกสองโรงเรียนทางภาคใต้ คิดว่าคงมีเรื่องดีๆมาเติมเติมอีกครับ
รอติดตามบันทึกผมในโอกาสต่อๆไปนะครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับการติดตามเสมอมา :)
เป็นกิจกรรมยามว่างที่น่าสนุกมากเลยครับผม ว่าเเต่เพลงที่ฝึกร้อง ใช่เพลง "ยอมจำนนฟ้าดิน" ไหมครับ
ฝึกร้องแบบนี้จะเตรียมไปร้องที่หาดใหญ่หรือเปล่านะ ผมขอเป็นคอรัสก็แล้วกันครับ
ขอบคุณครับ สำหรับการส่งข่าวน่ารักๆมาให้รับทราบครับ :)
สวัสดีคะคุณเอก
พี่ก็เป็นหลานชาวนา ดำนาไม่เป็นคะ ตอนเด็ก เคยไปถอนต้นข้าวทิ้ง คิดว่าเป็นหญ้า พ่อได้ไปเสียค่าปรับไหม ไปหลายบาท
ข้าวบ้านพ่อครู หวาน หอม อร่อยมากคะ ผัดผักจานใหญ่ทานจนหมด ผักอร่อย พ่อครูปลุกไว้เยอะมาก แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังนะคะ ตอนนี้ขอตามเรื่องไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ไปก่อน
สวัสดีคะ คุณเอก
ที่โรงเรียนเคยทำนาเหมือนกันไว้โอกาสหน้าจะหารูปมายืนยัน(หลักฐานไง)ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ช่วงนี้เห็นคุณเอกเดินทางบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ยากจะบรรยายในความรู้สึกที่ได้เห็นภาพ (ไปเอามาจากไหนกันครับ :) .. .. .. ชีวิตที่ไม่ลืมรากเหง้า มีความสุขกับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง สุขอย่าบอกใคร .. เอ แล้วใครมาทำให้เด็กไทยหลงลืมเท้าของตัวเองกัน ... คนในกระทรวงศึกษาฯ หรือเปล่า ... ที่บอกว่า เรียนตามฝรั่ง หมาไม่กัด :)
บันทึกที่งดงามบันทึกหนึ่งครับ ให้ 5 ดาว เลย (ไก่ย่าง)
ขอบคุณครับ :)
น้องเอก ....ควายมันเก่งนะสามารถ"ปลดแอก" ไม่ต้องมาลากคันไถให้ชาวนายุค พ.ศ.52... :)
อ่านบันทึกพี่ที่ไรดูมีชีวิตชาวามากครับ และเป็นธรรมชาติในการนำเสนอด้วยใจ นับถือครับ มีโอกาสคงได้เจอกันนะครับพี่ (ขอโทษจริงๆครับที่ไม่สามารถไปตามที่นัดกันได้ ทั้งๆที่อย่ใกล้กันก็แล้ว อิอิ )
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณเอก
กิจกรรมนี้เป็นประโยน์ต่อชุมชนดีนะคะ
เข้ามาเยี่ยม มาชม
บทความมีประโยชน์ดีค่ะ
โชคดี มีสุขในการทำงานนะคะ
ส่งการบ้าน...บันทึกกลวง ๆ แลกกาแฟสักแก้วครับ :)
"โรงเรียนเล็ก ๆ แต่หัวใจไม่เล็ก" (โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก โรงเรียนสอนเด็กทำนา)
เนื้อหาเบา ๆ ภาพน้อย ๆ สาระไม่ค่อยมีครับ :)
สวัสดีครับ..พี่ประกาย
มีหลายคนครับ ที่เป็นลูกชาวนาที่ไม่เคยทำนา เช่นผมคนหนึ่งละครับ แต่ยังระลึกถึงวิถีรากเหง้าตนเอง แม้ว่าทำนาไม่เป็นแต่ก็ตระหนักว่า กว่าจะมาเป็นเม็ดข้าว ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เหน็ดเหนื่อยเเค่ไหน...
ผมเคยเดินทางไปบ้าน ดร.แสวง ไปที่นาของท่าน ก็เห็นการทำนาแบบ อาจารย์แสวง ยังประทับใจเหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ พี่ประกายอยู่ขอนแก่นมีโอกาสไปเยี่ยม ดร.แสวง บ้างนะครับ
-----------
วันนี้ตื่นเช้ามาก (ดุเวลาตอบแล้วอย่าตกใจนะครับ) เพื่อเตรียมตัวไปต่างจังหวัดครับ เดินทางเช้าก็เป็นแบบนี้ ต้องทำธุระเสร็จก่อนและเช็คอินหนึ่งชั่วโมงก่อนเดินทาง...(เวลาชีวิตผมรวนไปหมด) :) ...แอบบ่นนะครับ
สวัสดีตอนเช้าครับผม
ครูยอดฉัตร
ยินดีมากครับที่ได้ข่าวคราวจากชาววิทยสัมพันธ์...
ทราบมาจากคุณครูหลายท่านเหมือนกันว่าที่โณงเรียนวิทยสัมพันธ์ มีกิจกรรมดีๆมากมาย เสียดายว่า วันที่ผมเดินทางไปเก็บข้อมูลนั้น เป็นช่วงปิดเทอม เลยไม่เห้นกิจกรรมด้วยตนเอง แต่ก็รับรู้ผ่านการนำเสนอนะครับ
ทำนาที่วิทยสัมพันธ์ ...หากยกระดับเป็น "หลักสูตรท้องถิ่น" ผมคิดว่าเยี่ยมเลยครับ :)
เช้าวันนี้ผมเดินทางไปหาดใหญ่ เพื่อไปเยี่ยมโรงเรียนอีกสองโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้ คิดว่า จะมีเรื่องราวดีๆมาฝากน้องครูยอดฉัตร และผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย
ติดตามต่อไปนะครับ
ตามมาอ่านบันทึกก่อนครับ...
เห็นเรื่องราวเห็นบรรยากาศ ต้องขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่ช่วยเพิ่มเติมสีสันของการเก็บข้อมูล
ผมใช้เวลาเขียนสองบันทึก ที่ทิ้งระยะเวลานานพอสมควรที่จะลงบันทึกเหล่านั้น แต่คิดว่าเก็บได้สมบูรณ์ระดับหนึ่งจาก
โรงเรียน"ออกแบบความสุข" : โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
และ โรงเรียน "สอนทำนา" :ที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
แต่ก็ไม่ทราบว่าจะสมบูรณ์ขนาดไหน สิ่งที่ได้จากการอ่านบันทึก ผมคิดว่า การคิดต่อมากกว่าครับ หากสนใจกระบวนการจริงๆ อาจต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทางโรงเรียนหรือคุณครูอีกครั้ง
หากโรงเรียนนี้ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในโครงการ HEC. ก็จะมีรายละเอียดนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องในอนาคตครับ
-----------------------------------------------------------------------
หากดูเวลาให้ข้อเสนอแนะอย่าได้ตกใจนะครับ ผมกำลังเตรียมตัวเดินทางไปต่างจังหวัด flight เช้าๆครับ ต้องตื่นประมาณนี้เลย- ตอนเย็นหลังจากกลับมาจากต่างจังหวัด ผมจะเข้ามาให้ข้อเสนอแนะอีกครั้งครับ
ต้องขอบคุณอาจารย์มากครับ ในที่สุดก็ออกมาจนได้ บันทึก "ร้องขี้เหล็ก" ผมไม่ลืมที่สัญญาไว้นะครับ กาแฟแก้วใหญ่ๆบรรยากาศดีๆของเวีเชียงใหม่ เอาว่าผมมีร้านในดวงใจอยู่ร้านหนึ่ง เอาไว้เจอกันที่เชียงใหม่ อีกไม่กี่วันนี้ครับ:)
สวัสดีค่ะ
พี่ หนุ่ม กร
สวัสดีตอนเช้าที่กรุงเทพฯครับ
บรรยากาศยามเช้าที่กรุงเทพเย็นสบาย หากเป็นต่างจังหวัดเช่นที่พี่อยู่ตอนนี้คงสดชื่นมาก ผมจินตนาการว่าหากได้วิ่งออกกำลังกายผ่านทุ่งนาเล็กๆ คงจะมีความสุขไม่น้อย
อ่านข้อเสนอแนะของพี่แล้ว ทำให้ผมอมยิ้มเล็กๆนะครับ ควายสมัยใหม่ ที่ต้องมาลากคันไถให้ชาวนายุุค๕๒...
ศัพท์คำว่า "ปลดแอก" เห็นภาพของ การคลายออกไปของบางสิ่ง เช่น คลายจากความไม่รู้ คลายจากความหลงผิด ทั้งหมดทั้งสิ้นก็ด้วยความรู้ การจัดการความรู้
หากจะช่วยชุมชนปลดแอก...ต้องมีกระบวนการพัฒนาชุมชนบนฐานความรู้ที่เป็นความรู้ที่เขามี และเติมในสิ่งที่ชุมชนต้องการ
ผมนึกไปถึง งานวิจัยชุมชนเลยครับ งานวิจัยชุมชนสร้างพลังให้กับนักวิจัยชาวบ้าน ในขณะเดียวกัน นักวิจัยชาวบ้านผู้ที่อยู่กับปัญหาของเขาเอง เป็นผู้ที่เชื่อมต่อกระบวนการสร้างคน สุดท้ายแล้ว การพัฒนาแบบนี้พัฒนาคนแบบยกแผง
ระยะเเรกพี่เลี้ยง(เช่นพี่) อาจต้องเหนื่อยบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละระยะนั้นชื่นใจครับ หากเราคิดถึงระยะยาวในการพัฒนา ก็นับว่าคุ้มค่า
สร้างสรรค์ปัญญาพัฒนาท้องถิ่น
ในอนาคตคงมีโอกาสได้จับเข่าแลกเปลี่ยนกับพี่กรนะครับ
ขอบคุณครับผม :)
น้องอาจารย์ฟูอ้าจ
เสียดายที่ไม่ได้เจอที่กรุงเทพฯครับ ผมเลยถือโอกาสไปตามนัดและช้อปปิ้งไปในตัวที่จตุจักร
ช่วงนี้ตามตัวผมยากหน่อยครับ ผมเดินทางบ่อยและมีงานหลายงานที่ต้องจัดการครับ หลังจากต้นเดือน พ.ค.ผ่านไปน่าจะคลายขึ้นบ้างในงานเอกสารครับ แต่งานที่เป็น activities ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลาครับ
ใกล้กันแต่ไมได้เจอกันก็ไม่เป็นไรครับ
ผมจะเขยิบเข้าไปใกล้อีกหน่อย ในงาน gotoknow forum ที่ภาคใต้ หาดใหญ่ สงขลา...ครั้งนั้นน่าจะเจอ อ.อีย์ -อ.อาลัม ด้วยนะครับ
มีความสุขในการทำงานนะครับ...และติดต่อทางโทรศัพท์ได้ครับ
--------------------------------------------------------------------
บันทึก หลักสูตร "ทำนา"ที่บ้านร้องขี้เหล็ก เป็นบันทึกที่ ๒ จากบันทึก ออกแบบความสุข เป็นข้อมูลบวกกับความประทับใจที่ได้ไปสัมผัสเรื่องราวดีๆของแวดวงการศึกษาครับ
ผมอาจถ่ายทอดมาไม่ครบมิติของหลายท่านอยากอ่าน แต่น่าจะเป็นจุดเริ่มของการสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างได้ แนะนำไปอ่านเอาบรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอ
>>> ติดตามอ่าน บันทึกเกี่ยวข้อง "โรงเรียนเล็ก ๆ แต่หัวใจไม่เล็ก" (โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก โรงเรียนสอนเด็กทำนา) ของ อาจารย์ Wasawat Deemarn
ทั้งนี้ต้องขอบคุณกัลยาณมิตร gotoknow ที่ช่วยดูแลเวลาผมเดินทางออกพื้นที่ อบอุ่นและน่าประทับใจในทุกเส้นทางที่ไปครับ
ผมกำลังเดินทางไปหาดใหญ่วันนี้ครับ และจะกลับมาในวันเดียวกัน ติดตามเรื่องราวดีๆที่ใต้นะครับต่อจากบันทึกนี้นะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ คุณภัทรานิษฐ์ เจริญธรรม ขอให้ทำงานด้วยความสุขเช่นกันครับ :)
ต้องขอบคุณมากมายครับ สำหรับ บันทึกที่ช่วยเสริมพลังได้เป็นอย่างดี แบบนี้เรียกว่า กัลยาณมิตรตัวจริง..
เรื่องกาแฟแก้วใหญ่นั้นไม่ต้องห่วงครับ เลือกร้านไว้รอเลย ในวันที่ผมเดินทางไปเชียงใหม่ :) แถมวิปครีมเพิ่มปริมาณพุงได้ไม่อั้นด้วยนะครับผม
ผมตามไปอ่านหลายรอบเลยครับ เป็นบันทึกที่เติมเต็มบันทึก ๒ บันทึกของผมได้อย่างดีเยี่ยม
ขอบคุณงามๆมา ณ โอกาสนี้...
---------------------------------------------------------------------
เมื่อวานโทรไป confirm เรื่องการเดินทางของผมกับอาจารย์บางท่านที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กแล้วครับ
พี่ครูคิม..
สวัสดีตอนเช้าครับ Bording แล้วครับ ...
...
แล้วจะเข้ามาทักทายอีกครั้ง ขอบคุณครับ
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
สวัสดีครับ คุณ สีตะวัน
งานวิจัยชุมชนผมเข้าใจว่าพี่กร น่าจะเริ่มต้นคิดกระบวนการเล็กๆในเร็วๆนี้
และรายละเอียดงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในบันทึกผมมีส่วนหนึ่งให้ได้อ่านแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
มีโอกาสดีๆอาจได้ไปนั่งวงสนทนาพูดคุยที่อุดรฯ ครับ
ขอบคุณมากๆครับ
*** ไม่ทราบว่าได้รับ CD หรือยังครับ?
ขอบคุณ คุณเอก
...ที่เป็นสื่อทางสังคมที่นำเสนอเรื่องราวดีๆ ของโรงเรียน
.....จากมุมหนึ่งของการศึกษาค่ะ
อ่านเรื่องราวที่น้องเอกนำมาลงทีไรมีความสุขทุกครั้ง เหมือนเราได้ไปร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเอง จึงไม่อาจไปร่วมกิจกรรมดีๆเช่นนี้ จึงขออนุญาตเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ เพื่อเปิดดูในเวลาที่รู้สึกท้อ จะได้มีกำลังใจทำเพื่อเด็กๆต่อไป ขอบคุณมากๆสำหรับสิ่งดีๆที่นำมาลงให้พี่ได้อ่าน
ขอบคุณ ครูเอ เช่นกันที่ช่วยประสานงาน ท่าน ผอ.สมบูรณ์ ให้ครับ..
อาจไม่ละเอียดมากในกระบวนการ ขั้นตอน แต่ขอเป็นแรงบันดาลใจดีๆให้คนแวดวงการศึกษาครับ
คุณwinny [IP: 125.27.52.204]
กำลังใจสร้างได้ด้วยตนเอง...ท้อได้แต่อย่าถอยครับ..
ขอบคุณครับที่มาอ่านเติมเต็มสม่ำเสมอ ...หากมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมประการใด แลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
น้องวชิราภรณ์ ครับ ที่โรงเรียนนี้ กระบวนการเรียนรู้ที่อยู่นอกหลักสูตร เป็นการบูรณาการเรียนรู้ให้กับเด็กๆครับ ช่วยกล่อมเกลาและพัฒนาเด็กให้ สุข ดี และ เก่ง หากอยู่ทางเหนือ มีโอกาสดีๆลองไปเยี่ยมชมโรงเรียนแห่งนี้ได้ครับ
สวยยายเฮ้า เป็นโรงเรียนหรือ ศูนย์เรียนรู้ ???
เด็กๆน่ารักกันดีครับ ต้องขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยไปลดความเหลื่อมล้ำให้กับเด็กๆบ้านนอกครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่นำรูปมาฝากให้ชม
มาชม
การทำนา
ที่เริ่มลืมเลือนไปแล้วละ...
ให้ได้หวนคืนถิ่นท้องนา...
กว่าจากรวงมาเป็นเมล็ดข้าวนั้น มันเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน เด็กหลายคนอาจไม่เข้าใจ ขอบคุณคุณครูมากค่ะ สำหรับกิจกรรมดีดี
ท่าน เบดูอิน ครับ
ยินดีครับ หากบันทึกนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง :)
อ.อุทัย umi
ผมมองว่า หลักสูตรท้องถิ่น ที่เน้นการปฏิบัติจริง เช่น "หลักสูตรการทำนา"ที่ร้องขี้เหล็กเป็นตัวอย่างหลักสูตรท้องถิ่นที่ดีครับ
มีโอกาสโรงเรียนต่างๆที่สนใจไปดูงาน เชิญได้นะครับ
มอบกำลังใจดีๆจาก คุณน้อยหน่า สู่คณะครู โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กผ่านบันทึกนี้ด้วยครับ ;)
โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก เป็นโรงเรียนเล็กๆ จิ๋ว แต่ เเจ๋ว
เชิญชวนพี่ มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
ไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนนี้ด้วยครับ อย่างน้อยผมคิดว่านวัตกรรมการศึกษาที่เขาได้ทำเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่นๆได้เป็นอย่างดีครับ
สวัสดีครับอาจารย์จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงที่จุดประกายสานฝันให้แก่คณะครูได้ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆสำหรับครูแก่ๆครับและจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก ๆด้วยครับ
สวัสดีครับอาจารย์จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงที่จุดประกายสานฝันให้แก่คณะครูได้ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆสำหรับครูแก่ๆครับและจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก ๆด้วยครับ
ท่าน ผอ.สมบูรณ์ เดชยิ่ง ... ไม่เขียนสักบันทึกหรือครับ ?
พวกเรารออยู่นะครับ :)
ขอบคุณครับท่านอาจารย์วัต ผมคงต้องสะสมประสบการณ์และเรียนรู้อีกมากครับฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยนะครับ ชื่นชมในวิธีการเขียน กระบวนการคิดของท่านอาจารย์วัตและอาจารย์จตุพรมากครับ
สวัสดีคะคุณเอก พี่ส่งmail เบอร์ผอ.โรงเรียนให้แล้วนะคะ
และได้คุยรายละอียดกันไปบางส่วนตามที่เล่าในmail เปิดอ่านด้วยนะคะ
โรงดรียนนี้สอนให้หนูได้รู้จักความสามัคคีค่ะ
สวัสดีค่ะ
- สุขกายสุขใจนะคะ
สวัสดีครับอาจารย์จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงที่จุดประกายสานฝันให้แก่คณะครูได้ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆสำหรับครูแก่ๆครับและจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก ๆด้วยครับ
สวัสดีครับ ผอ.สมบูรณ์
ผมกลับมาอ่านบันทึกนี้อีกครั้ง เพื่อทบทวนเชิงประเด็น เเละเตรียมประเด็นในการพูดคุยในวงเเลกเปลี่ยนครับ
ต้องขอบคุณ ผอ.มากครับ ที่ให้การต้อนรับเมื่อคราที่ผมเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียน
ให้กำลังใจผอ. และ คณะครูทุกท่านครับ
ท่าน ผอ.สมบูรณ์ เดชยิ่ง ... ไม่เขียนสักบันทึกหรือครับ ?
พวกเรารออยู่นะครับ :)
พอดี ผมมาตอบบันทึกช้าไปหน่อย
ก็พบว่า ผอ.สมบูรณ์ท่านเขียนบันทึกเเล้ว และ เป็นหนึ่งใน ผอ.ที่ถูกคัดเลือกมาใน วง ลปรร. ครับ
ขอบคุณครับท่านอาจารย์วัต ผมคงต้องสะสมประสบการณ์และเรียนรู้อีกมากครับฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยนะครับ ชื่นชมในวิธีการเขียน กระบวนการคิดของท่านอาจารย์วัตและอาจารย์จตุพรมากครับ
ขอบคุณ ผอ.สมบูรณ์ ครับ ขอบคุณในคำชื่นชมนะครับ
สวัสดีคะคุณเอก พี่ส่งmail เบอร์ผอ.โรงเรียนให้แล้วนะคะ
และได้คุยรายละอียดกันไปบางส่วนตามที่เล่าในmail เปิดอ่านด้วยนะคะ
ขอบคุณพี่ไก่ ประกายครับ สำหรับข้อมูลเบื้องต้นในการประสานงานโรงเรียน ผมได้ประสานงานโรงเรียนที่ให้เบอร์โทรศัพท์มาเเล้วครับ
ปรากฏว่า ผอ.โรงเรียนท่าน ไม่ค่อยต้อนรับ เท่าไหร่(จากการสนทนา) ...ก็ดีเเล้วครับ ก็ถือว่าเป็นการสกรีนโรงเรียนเหล่านี้ออกไปครับ
โรงเรียนนี้สอนให้หนูได้รู้จักความสามัคคีค่ะ
สวัสดีครับ น้องกุ้กกิ้ก
ยินดีด้วยนะครับ สำหรับโรงเรียนเล็กๆที่เปี่ยมคุณภาพ เช่น รร.บ้านร้องขี้เหล็ก
วันก่อน "ฮักเมืองน่าน" จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเกษตรกรเครือข่ายโรงเรียนชาวนาฮักเมืองน่าน มีเกษตรท่านหนึ่งตั้งประเด็นไว้น่าสนใจว่า "หมอส่งลูกไปเรียนหมอ ครูส่งลูกไปเรียนครู ตำรวจส่งลูกไปเรียนตำรวจ แต่ทำไมเกษตรกรกลับไม่ส่งลูกไปเป็นเกษตรกร กลับให้ลูกไปเป็นครู เป็นหมอ เป็นข้าราชการ" เป็นการตั้งคำถามต่อสังคมว่า คุณค่าของเกษตรกรกำลังลดน้อยลงไปหรือไม่ ลูกชาวนาทำนาไม่เป็น และลูกชาวนาก็ไม่อยากเป็นชาวนา ดีใจที่มีโรงเรียนสนใจระบบเกษตรกรรมหรอการทำนา ที่เป็นวิถีและรากฐานของสังคมไทยมาช้านาน ฮักเมืองน่านก็มีการจัดกระบวนการเรียนรู้ระหว่างชาวนา ลูกหลาน ครู และนักเรียน เพื่อเรียนรู้เรื่องข้าว ชาวนา และคุณค่าความหมายของวิถีการเกษตร แต่ก็ยังเป็นเพียงส่วนน้อยของระบบเกษตรและชาวนาไทย ดูบันทึกตัวอย่างที่ผมเคยบันทึกไว้เรื่องชาวนาที่นี่ครับ
จ.น่าน เป็นจังหวัดที่มีกระบวนการเรียนรู้ของภาคประชาสังคม ที่น่าเข้าไปเรียนรู้ร่วมด้วยมากๆครับ
ผมตาม link ไปแล้ว มีประโยชน์ในการคิดต่อมาก ต้องขอบคุณคุณพ่อน้องซอมพอ มากๆครับ
- สุขกายสุขใจนะคะ
ครูพรรณาครับ
ขอบคุณมากๆครับ คุณครู
เมื่อ จ. 27 เม.ย. 2552 @ 19:36
1262546 [ลบ] [แจ้งลบ]
น้องเอก ....ควายมันเก่งนะสามารถ"ปลดแอก" ไม่ต้องมาลากคันไถให้ชาวนายุค พ.ศ.52... :)