ตะโกนในใจครับว่า ... "โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่" ... โรงเรียนที่สอนเด็กทำนา"
:)...
ทั้งที่ไม่แน่ใจหรอกว่า โรงเรียนนี้จะได้อยู่กรอบคิดและความสนใจของคุณเอกมากนัก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน คุณเอกได้เมล์แจ้งมาว่า สนใจโรงเรียนนี้มาก แต่จองตั๋วเครื่องบินมาที่เชียงใหม่แล้ว ... ผมคิดในใจ อาราย จะใจเร็วขนาดนั้น :)
เรื่องราวตอนนี้เป็นไปตามบันทึก หรรษาที่เชียงใหม่ กับ อาจารย์ Wasawat Deemarn ... ซึ่งมันไม่น่าเกิดขึ้นครับ ... เจอคุณเอกตัวจริง แถมยังหล่อน้อยกว่าผม (ผิดศีลครับ) 555 ... คุณเอกชอบถ่ายรูปจริง ๆ ผมหลบกล้องแทบไม่ทัน (อย่างที่เห็นในรูปแหละครับ) แต่ไปติดรูปเพื่อนผมแทน ซึ่งเจ้าหล่อนชอบเหลือเกิน เรียกว่า เป็นนางแบบตั้งแต่เกิด หุ หุ
เมื่อเดินทางมาถึงโรงเรียน (จนได้ เพราะดันไปแวะร้านกาแฟมา ไม่ได้เกรงใจ ผอ. กันเล้ย พวกเรา) ... ผมเคยเดินทางมาที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็กแล้ว 1 ครั้ง มาลงพื้นที่กับเพื่อนคนเดิมและอาจารย์อีกหลายท่านที่ทำโครงการวิจัยฯ
สายตาผมเมื่อเห็นโรงเรียนครั้งแรก เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ จำนวนเด็กมีไม่มากนัก ครูก็ไม่มาก แถมเห็นนาข้าวอยู่หน้าโรงเรียน ... ห้อง ผอ. คือ ห้องรับแขกที่รับแขกอยู่เป็นประจำ องค์กรต่างประเทศชอบมาดูงานที่นี่ ... อะไรคือ สิ่งที่ทำให้คนต่างประเทศรู้จักโรงเรียนนี้
นี่ไงล่ะหลักฐาน ... กรอบใส่ประกาศนียบัตรมากมายขนาดนี้
สภาพโรงเรียน ไม่สำคัญไปกว่า ครู นักเรียน ที่อยู่ข้างใน ... สำคัญกว่าสภาพแวดล้อมภายนอกที่พ่อแม่มักจะเลือกให้ลูกเรียนก่อนใคร เพราะมันใหญ่โตดี แต่ที่นี่ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกเลย
ผอ. 1 คน ครู 12 คน ไม่มีภารโรง ... ครูและนักเรียนร่วมกันเป็นภารโรงเอง
เด็กที่นี่ล้วนแต่มีปัญหาอย่างที่คุณเอกได้เล่าให้ฟังในบันทึก โรงเรียน"ออกแบบความสุข" : โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
เด็กกำพร้า พ่อแม่แยกทางกันร้อยละ 70 ... มีเด็กพิเศษแฝงเข้ามาอีก แต่วิธีการสอนของครูที่ดี ไม่ต่างจากการให้ความรักที่มีต่อลูกของตัวเอง แต่ที่นี่เป็นลูกศิษย์
ผมไม่ได้ทำหน้าที่พูดคุยกับท่าน ผอ. หรือ คุณครูทั้งหมด ผมช่วยคุณเอกบันทึกภาพจากกล้องของคุณเอกเอง (คุณเอกเอากล้องจับใส่มือผมเอง ผมสารภาพ อิ อิ) ... ผมก็ถ่ายจนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง
ดังนั้น รายละเอียดและเนื้อหา ผมไม่ได้จด บางทีก็ไม่ได้ฟัง
ผมเป็นเพียง "ผู้สังเกตการณ์" เท่านั้น
การสังเกตการณ์ของผม คือ แรก ๆ ที่ดูไม่คุ้นเคย ครูจะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ผอ.ก็พูดบ้าง แต่เมื่อสักระยะหนึ่ง ความไว้วางใจเข้ามา ทุกคนได้ปลดปล่อยสิ่งทีตนเองมี สิ่งที่ตนเองทำ สิ่งที่ตนเองคิด ... ผมเห็นแววตาของครูที่มีความสุขที่สุดในการกระทำนั้น ๆ ... ผมก็มีความสุขเช่นกัน
คุณเอกพยายามถามว่า ครูคิดแบบนี้ สอนแบบนี้ แล้วเด็กมีความสุขจริง ๆ หรือเปล่า ... ได้ผลการยั่วยวนครั้งนี้ กระบวนการสอนอื่น ๆ ตามมาทั้งหมด แม้กระทั่ง การสอนเด็กทำนา
ผมเห็นความสุขครับ
ผมเห็นรอยยิ้มของคนเป็นครู
ครูหลาย ๆ ท่านต่างเล่า และ นำผลงานมาให้คุณเอกได้ลองชม
ผลงานของเขา เด็กทำเองทั้งหมด วาดภาพ แต่งบทกวีประกอบ ครูเล่าให้ฟังอีกว่า ขนาดที่มีพวกครูโรงเรียนอื่นมาจ้างเด็กพวกนี้วาดภาพประกอบผลงานวิชาการให้ก็มี
คุณเอกก็ไปแอบจับผลงานของเด็กบ้าง ...
ครูเล่าให้ฟังอีกว่า อาจารย์ เราสามารถวิเคราะห์เด็กได้จากตัวการ์ตูนที่เด็กวาดเลยนะ ถ้าตาการ์ตูนตัวไหน ดูเศร้า ๆ แสดงว่า เด็กนั้นเป็นเด็กมีปัญหา แต่ถ้าตาการ์ตูนนั้นดูร่าเริงดี แสดงว่า เด็กมีครอบครัวที่อบอุ่น
อืมมม .. ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ
ผมเองได้ภาพมาเท่านี้แหละ อิ อิ ... เชื่อเหลือเกินว่า ท่านคงได้เห็นภาพบ้างนะครับ เอาเนื้อหาหลัก โยนไปที่คุณเอกดีกว่าครับ
ที่บันทึก โรงเรียน"ออกแบบความสุข" : โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
และ โรงเรียน "สอนทำนา" :ที่โรงเรียนบ้านร้องขี้เหล็ก
อย่าลืมครับ ผมน่ะ "ผู้สังเกตการณ์" ธรรมดาเอง
ผมเคยไปโรงเรียนที่ใหญ่กว่านี้ แต่ผมกลับไม่เคยได้สัมผัสความรักความอบอุ่นที่ครูมีให้ศิษย์เท่าที่นี่มาก่อน ...
โรงเรียนนี้มีความสุขจริง ๆ ครับ
โรงเรียนเล็ก ๆ แต่หัวใจไม่เล็ก
ขอบคุณมากครับ ท่าน ผอ.
ขอบคุณมากครับ คุณครูทุกท่าน
ขอบคุณมากครับ เพื่อน และอาจารย์ที่ผมเคารพ
และขอบคุณมากครับ คุณเอก