นอนราบกับดิน (ใช้หนี้ แต่ปางก่อน ของคุณครูปู)


กราบสวัสดีทุกท่านครัีบ

    คงสบายกันดีนะครับ บันทึกนี้ขอเขียนตอบสิ่งที่คุณครูปู(ครูปู) คุณปู( poo ) และพีุ่อุบล ( แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช ) อยากรู้ใน Tag ความลับ และถือโอกาสเป็นการเล่าเรื่อยๆเปื่อยๆครับ จะีมีเกร็ดให้คิดหรือหาไ่ม่เจอเลยก็ได้นะครับ นั่นคือต้นทุนแห่งความเสียใจ ที่ทุกท่านจะลงทุนในการเสียเวลาอ่านบันทึกนี้นะครับ...หากไม่ได้อะไรติด กลับไปหลังจากการอ่านก็คงต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ....


    นับตั้งแต่พระอรหันต์ของผมได้แต่งงานกัน คนหนึ่งอายุ 16 คนหนึ่งอายุ 17 ปี คนหนึ่งเป็นลูกคนโตหัวปีมีน้องๆ รวมกันเจ็ดคน อีกคนหนึ่งก็เป็นผู้หญิงคนโตของครอบครัวแต่ไม่ใช่เป็นลูกคนหัวปี แต่เธอต้องทำงานหนักตั้งแต่เด็กๆ แม้โรงเรียนเองก็ได้ขึ้นเพียงแค่ชั้น ป. หนึ่ง เท่านั้น ในยามที่คุณครูใหญ่เดินทางไปโรงเรียน เธอต้องยืนหลบจอมปลวกเพื่อไม่ให้ครูใหญ่เห็น เพราะเธอต้องไปดำนา ปลูกข้าว ตำข้าวใส่เพล้งสาร (โอ่งเก็บข้าวสารที่ผ่านการสีหรือตำแล้ว) ดูแลครอบครัว เรียกได้ว่าต้องโดดเรียนเพื่อความจำเป็นในการทำงาน ประกอบกับในขณะนั้นแนวคิดที่จะให้ลูกหญิงเรียนหนังสือนั้นค่อนข้างต่ำมากในเวทีชนบท ในขณะที่อีกคนได้มีโอกาสเีรียนเยอะ และจบสูงในตอนนั้นและตัวคนเดียวในละแวกบ้านที่ได้เรียนหนังสือ ในขณะที่เดินทางไปโรงเรียน เพื่อนๆ จะบอกว่า เฮ...อย่าไปขึ้นเลยโรงเรียน(โรงเรียนไม่ใช่ต้นไม้ครับ แต่คนใต้ใช้ว่าขึ้น ขึ้นหมายถึงปีน ในที่นี้คือเข้าโรงเรียนครัีบ) ออกมายิงนกกันดีกว่า.... นั้นคือคำยอดฮิตที่ได้รับฟังจากเพื่อนของเธอ...

    หลังจากที่ทั้งสองได้สมรสกันแล้วนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายของทั้งคู่ เพราะทั้งคู่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว การแต่งงานในตอนนั้นอายุแค่นั้นนับว่ายังเด็กมากหากเทียบกับปัจจุบัน แต่ความรู้สึกนึกคิดและความรับผิดชอบนั้นคงไม่ด้อยไปกว่า คนอายุสามสิบกว่าปีในปัจจุบันด้วยวุฒิภาวะของความเป็นคนโตและดูแลรับผิดชอบ ครอบครัวตลอดจนการมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ส่งผลต่อเนื่องมาจนให้เห็นถึงในปัจจุบันนี้

    เวลาผ่านไปในการแต่งงาน ทำงานหนัก ต้องสีข้าวบริการชาวบ้าน ตอนนั้นไม่มีการเก็บค่าบริการต่างๆ การเป็นอยู่เป็นการพึ่งพาเกื้อกูลกันเต็มที่ (ทุกวันนี้ก็ยังมีเครื่องสีข้าวและบริการสีข้าวฟรีอย่างเดิมแต่ีบริการในยามจำเป็นกับเอาไว้สีข้าวทานกันเองในครอบครัว เพราะคนสีอายุมากแล้วครับ) มองหัวใจที่มีค่ามากกว่าค่าสินจ้าง เน้นเรื่องน้ำใจที่ให้แก่กันในชุมชน  เวลาผ่านไปแล้วหลายๆ ปี ก็ไม่มีลูกหรอกครับ ใครว่าหมอที่ไหนดีในการขอลูกก็ไปและทำมาจนหมดด้วยความหวังที่อยากมีลูก ในที่สุดก็สรุปว่าตนเองไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องเป็นหมันละครับ จึงไม่ได้สนใจและทำงานสร้างฐานะทางครอบครัวกันไป และได้ขอยืมลูกคนข้างบ้านมาอยู่ด้วยเลี้ยงดูส่งให้ไปโรงเรียนอยู่หลายปี

    ก่อนนอนเธอก็เล่าว่าได้พนมมือแล้วขอลูกกับสิ่งศักดิ์เพื่อให้เธอได้มีลูกสม ใจหวังครับ เวลาผ่านไป 13 ปีจึงเป็นโอกาสที่เธอทั้งคู่มีข่าวดีและอุ้มท้องไปทำงานไป สีข้าวไป ส่วนอีกคนก็ทำงานเป็นลูกจ้างกรมทางหลวงในการทำงานทางด้านสร้างถนนหนทาง แล้วเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเป็นวันสิ้นปีงบประมาณเธอได้รู้สึกปวดท้องตั้งแต่เช้า ในขณะที่เพื่อนบ้านของเธอก็ปวดท้องและคลอดลูกในตอนเช้า เธอก็คิดว่าปวดท้องมากวันนี้คงได้เห็นหน้าลูกน้อยแต่ก็ปวดอยู่ทั้งวัน เลยไม่รู้จะทำอย่าง ตอนนี้คุณหรือคุณยายเลยไปตามคุณทวดมาครับคุณทวดเลยบอกว่า จะให้ออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น คุณทวดเลยบอกว่า ลูกเอยลูกถึงเวลาได้ฤกษ์ที่จะออกมาแล้ว หากเป็นชายก็ให้บวชตอนอุ้มบาตรไหว หากเป็นหญิงก็จะให้บวชชีพราหมณ์ถวาย หลังจากนั้นไม่นานหนักเวลาพลบค่ำ ประมาณ หกโมงครึ่งตอนเย็นเสียร้องของลูกก็ดังขึ้นแล้ว ท่ามกลางความดีใจของทุกๆคน เป็นเด็กหัวโต การคลอดในสมัยนั้นเป็นการคลอดแบบธรรมชาติแบบบ้านๆ คือคลอดด้วยหมอตำแย (คือหมอทำคลอดแบบบ้านๆ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลอย่างทุกวันนี้) ผู้ให้กำเนิดต้องนอนแคร่ อุ้มก้อนเส้า (ก้อนหินใหญ่หนักร้อนๆอุ่นๆ) อยู่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ประมาณ 3 วัน จึงจะได้เดินปกติ แคร่ที่เธอนอนในบ้านนั้น จะต้องก่อไฟไว้ใต้แคร่ด้วยเพื่อให้อุ่นตามแบบที่เชื่อและปฏิบัติต่อๆ กันมา

    ชีิวิตการเลี้ยงลูกก็ดำเนินกันต่อไป ประกอบเธอต้องทำงานหนัก เด็กน้อยคนนั้น ก็เล่ากันว่าตั้งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น นั่งนิ่งของเค้า เล่ากันว่าในตอนนั้น ใครๆ ทราบข่าวก็มาแสดงความยินดีที่มีลูกคนพร้อมนำเืสื้อผ้ามาฝากเสมอๆ เธอเล่าว่าลูกของเธอมีเสื้อที่ญาติที่น้องมาฝากมากมาย ตลอดจนของเล่นต่างๆ ชื่อเ่ล่นของลูกน้อยเลยกลายเป็นว่าเป็นคำชมที่ว่า เกิดมาทำไมเค้ารออยู่ตั้งนานน่่าจะแม้งเสียจริง อะไรทำนองนี้ครับ  เลยได้ชื่อว่า แม้ง... ปรับเป็น เม้ง ได้อย่างไร (อ่านในลิงก์ที่แนบด้านล่างครับ)

    ด้วยความเป็นลูกคนแรก และหลานคนแรกของตระกูลเพราะว่าคุณปู่นั้นได้แยกวงสกุลใหม่จาก ช่วยคงคา เป็นช่วยอารีย์ และคุณพ่อก็เป็นลูกคนโต แม้จะแต่งงานก่อนนานแล้วแต่ก็คุณอาก็เพิ่งแต่งงานก็มีลูกหลังจากลูกคนแรก ของคุณพ่อเกิดมา จึงถือว่าเป็นหลานคนแรก และได้รับการตามใจเป็นอย่างมา คุณแม่เธอเล่าว่า ใครทำอะไรไม่ได้ และหากใครเดินมาคุณปู่จะบอกและสอนให้ด่าคน ประมาณว่า น่านหลานปู่เก่งจริงๆ ด่าหน่อยๆ นะ ด่าคนนี้หน่อย ด่าคนนั้นหน่อย คำด่า คำสบถ เลยติดปากมาจนถึงตอนก่อนเข้าโรงเรียน ชีิิวิตส่วนใหญ่เป็นการอาศัยอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่า (ผมเองเชื่อว่าการศึกษาพัฒนาคนได้ทั้งกาย สมองและหัวใจ สิ่งไม่ดีไม่ได้หายไปไหนที่เราเคยทำในอดีต มันกลายเป็นฐานประสบการณ์ของชีวิต เพียงแต่การจัดการบริหารภายในตัวเราไม่ใ้ห้ยืนอยู่บนอารมณ์ที่ขาดเหตุผลนั้น การศึกษาช่วยได้ อยู่ที่ว่าเราจะชนะใจเราเองได้หรือเปล่าครับ)

    สี่ปีต่อมาจากจากลูกคนแรก เธอก็มีลูกสาวอีกคน เป็นโอกาสหนึ่งที่รู้สึกกันว่าคลอดได้ดีจัง ชายคนหญิงคน และอีกสามปีต่อมาเธอมีลูกชายอีกคน และท้ายสุดคือ สองปีต่อมาลูกชายคนสุดท้องก็กำเนิด ลูกทั้งสี่ของเธอคลอดด้วยหมอตำแยหมดเลย ลูกแต่ละคนจะไม่ได้รู้จักโรงพยาบาลอย่างเพื่อนๆ คนอื่นของเค้า แต่ตอนนั้นทุกๆ คนส่วนใหญ่ก็คลอดด้วยหมอตำแยกันทั้งนั้น อันนี้คงขึ้นกับคุณหมอตำแยด้วยครับ ผมจำได้ว่าตอนที่น้องชายผมคลอดออกมาจะมีการจับเท้าน้องชายแล้วห้อยหัวลง แล้วตบที่ท้ายทอยของน้องชายเบาๆ แล้วเอาน้องชายอาบน้ำในกะละมังที่เตรียมไว้ คุณแม่ก็อยู่ไฟอีกสามวันต่อไปครับ ในตอนนั้นผมมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวเราไม่ว่าจะก้อนหินเหล่านั้น แม้แต่คำถามว่าคนเราเกิดมาได้อย่างไร เพราะยังเด็กๆ อยู่ แม้จะมีคำตอบอะไรมากมายก็รู้ว่าผู้ใหญ่โกหกยกเรื่องให้เรียนรู้เอาตอนโตๆ นั่นล่ะครับ

    เหตุการณ์หนึ่งที่เธอผู้เป็นแม่เสียใจมากตอนนั้นก็คือ ลูกชายคนแรกยังกำลังคลานๆอยู่แล้วเอามือไปปัดตะเกียงล้มตะเกียงเลยล้มทับ หลังมือของลูกเลยได้แผลเป็นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งในขณะเป็นแผลเล็กๆและโตขึ้นตามการโตของมือ แต่ผมคิดว่าเรื่องแผลกายนั้นไม่เท่าไหร่ แผลใจนั้นสำคัญกว่า ต้องหาวิธีการรักษาที่แยบยลกว่าที่จะไปหาหมอให้ทำแผลเย็บๆ แล้วทายาครับ ตรงนี้จึงต้องเอาไว้เตือนใจเราด้วยครับ

    จากจุดเรื่องต้นตรงนี้ มองมาสู่ตัวผมในปัจจุบันนี้แล้ว มีช่วงต่างๆ ดังนี้

    * ตั้งแต่การเที่ยววิ่งเล่นจนอายุครบ 7 ขวบ (ก่อนเข้าเรียน)
    * ช่วงเรียนระดับประถมศึกษา ถึงมัธยมต้น
    * ช่วงเรียน ม.ปลาย
    * ช่วงเรียน ป.ตรี
    * ช่วงเรียน ป.โท
    * ช่วงเรียน ป.เอก

(ความสำเร็จไ่ม่ใช่การได้เรียนจบสูงๆ แต่อยู่ที่ว่าเอาความรู้ที่มีมอบให้กับสังคมใ้ห้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร  ปรับจากคุณปู่ไอน์สไตน์)

    แต่ละช่วงเหล่านั้นแบ่งตามสถานที่อยู่นะครับ คือย้ายที่ไปเรื่อยๆ ยิ่งเรียนยิ่งห่างจากบ้านเอง ห่างแต่ตัวนะครับ แต่ความรู้สึกสำนึกนั้นพอจะยังมีเหลืออยู่บ้างครับ

    ข้อคิดและรายละเอียดอื่นๆ อ่านได้จาก

บทสรุปของกิจกรรม สรุปท้ายกิจกรรม

บทสรุปของชีวิตสรุปที่เชิงตะกอน

ชีวิตนี้ผิดพลาดได้และเราควรให้โอกาสคน

เพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอโอกาสจากคนอื่นเช่นกัน

    คุณครูปู คุณปู พี่อุบล และทุกท่านครับ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรนะครัีบ ไม่สามารถสรุปเป็นข้อๆ ได้ เอาเป็นว่าเป็นเรื่องราวแบบที่เห็นตรงนี้ก็แล้วกันนะครัีบ มีอะไรก็ถามได้ วิจารณ์ได้นะครัีบ ด้วยความยินดีครัีบ

ขอบคุณมากครัีบ ด้วยมิตรภาพและนับถือครับ

เม้งครัีบ

หมายเลขบันทึก: 193915เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2008 11:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

ทักทายยามสายจากแดนดงลำดวนค่ะคุณเม้ง

* แหม เข้าใจตั้งชื่อเรื่องนะคะ คิดว่าหนี้อะไร ? :)

* เห็นคุณเม้งหายเงียบไปหลายวัน สบายดีนะคะ

* เรื่องราวของหนุ่มคณิตศิลป์ธรรมไฮเทค ไม่ธรรมดา

* ขอเวลาไปอ่านก่อนนะคะ  .. จะมาใหม่  ขอบคุณค่ะ

จริงสิค่ะ เห็นคุณเม้งเขียนเรื่องราวบ้านเกิด คิดถึงภาพนี้

.... และเพลงประจำตัวคุณเม้ง 

http://www.ijigg.com/songs/V2GBAABP0  .....

สวัสดีครับ น้องเม้ง

ขอต้อนรับสู่โลกมายา

โลกทุนนิยมอ่อนแรง   ผลัดเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์เม้งคงได้เห็น  ขั้นตอนแห่งการเปลี่ยนแปลง หวังว่าเม้งคงอยู่ในขบวน

โลกแห่งการฉกฉวยโอกาส  ชิงธง 

นิยามแห่งความเป็นคนกำลังร่างขึ้นใหม่  ภายใต้ทุนนิยมปลายทาง

โอกาสผู้คนมีน้อยมาก  โอกาสดีๆถูกยึดครองโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าห้ำหั่นกัน  บนเวทีของผลประโยชน์ 

เราจะเฝ้าดูหรือจะต่อต้านกัน หรือจะกระโจนเข้าใช้โอกาสแย่งชิงชิ้นเนื้อที่น้อยนิด เข่นฆ่ากันด้วยโมหะ ที่ถูกชี้นำโดยสายธารแห่งทุน

ขอต้อนรับครับ น้องเม้ง

บทสรุปของชีวิตสรุปที่เชิงตะกอน

ชีวิตนี้ผิดพลาดได้และเราควรให้โอกาสคน

เพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอโอกาสจากคนอื่นเช่นกัน

สวัสดีครับ

ขออนุญาตนำบล๊อกนี้เข้าแพลนเน็ตครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครัีบคุณปู

ทักทายยามสายจากแดนดงลำดวนค่ะคุณเม้ง

* แหม เข้าใจตั้งชื่อเรื่องนะคะ คิดว่าหนี้อะไร ? :)

* เห็นคุณเม้งหายเงียบไปหลายวัน สบายดีนะคะ

* เรื่องราวของหนุ่มคณิตศิลป์ธรรมไฮเทค ไม่ธรรมดา

* ขอเวลาไปอ่านก่อนนะคะ  .. จะมาใหม่  ขอบคุณค่ะ

จริงสิค่ะ เห็นคุณเม้งเขียนเรื่องราวบ้านเกิด คิดถึงภาพนี้

    สบายดีนะครัีบ ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรัีบลิงก์เพลง อิๆๆ สงสัยจะโปรดเสียจริงๆ ด้วยครัีบ ตั้งแต่คลิกมาจนถึงตอนนี้ ฟังวนๆ อยู่ยังไม่ได้ปิดเลยครัีบ น่าจะหลายๆ สิบรอบแล้วครัีบ พวกประเภทย้ำคิดย้ำฟังนะครัีบ เป็นเรื่องธรรมดาที่ธรรมดาแต่แตกต่างครับ

    ไตรทำพันนั้น แหลงชิงชัง ....... อิๆๆๆ (จากเพลงครัีบ)

สนุกในการพักผ่อนครับผม

สวัสดีครัีบพี่เหลียงสิทธิรักษ์

    สบายดีนะครับ เบรคในชีวิตเราคือ สติ เอาไว้เบรคสตางค์ ครับ แต่ละชีวิตแต่ละใจ ใจคล้ายๆ คันเร่ง เหยียบได้เร็วครับ สติควบคุม เบรคได้ตลอด ปรับและหยอดน้ำมันกันเอาเองครับ

    คนเราเกิดมาเพื่อทำใจครับ  ทำใจให้ดีๆ ทำใจให้สบาย ทำใจให้สุขใจ ทำกันเอาเอง เราทำได้ก็แค่ใจเราครับพี่ เราทำใจคนอื่นไม่ได้ เพียงแต่เราแพร่สิ่งที่เราทำได้แค่นั้นครับ ใจดวงไหนที่คิดว่าดี ก็ดูดซึมเอาไปใช้ครับ ถ้าตรงกับจริตของใจดวงนั้นครัีบ

    ดังนั้นเรามาร่วมทำใจตัวเองกันเถอะครับ

รักษาสุขภาพนะครัีบผม

สวัสดีครัีบคุณMr. Kraton Pai

    ยินดีต้อนรับครับ ด้วยความยินดีนะครับ ร่วมเป็นห่วงเยาวชนปายด้วยนะครับ ขอเป็นกำลังใจในการทำกิจกรรดีๆ เพื่อชุมชนท้องถิ่นนะครับ

ขอบคุณมากครับ ที่แวะมาเยี่ยมนะครับ

น้องเม้ง

ชีวิตของเม้ง น่าสนใจนะคะ  สมัยก่อนเด็กคลอดโดยหมอตำแย เป็นส่วนมาก แม้แต่พี่เองยังเกิดและทำคลอดโดยหมอตำแยเหมือนกัน

ขอบคุณเล่าเรื่องดีดี ให้พี่ได้คิดเสมอ แม้กระทั่งชื่อเรื่องค่ะ

เจ๊ครูปู มาเก็บดอกเจ้าค่า...  เอิ๊กซ์   

  • อิอิ ล้อเล่นค่ะ
  • และขอบคุณนะคะ ที่ให้เกียรติทำความรู้จักกันค่ะ (^__^)
  • ครูปู (แอบ)อ่านบันทึกของคุณเม้งหลาย ๆ บันทึกที่ผ่านมา สะดุดความเป็นคนชัดเจนของคุณเม้งหลายครั้งมากเลยค่ะ
  • ...รู้สึกเช่นไร ก็พูดออกไปเช่นนั้น โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด...
  • และแทบทุกย่อหน้า คุณเม้งจะย่อตัวลง "ราบกับดิน" เสมอ ๆ เลยค่ะ
  • เกล็ดเล็ก เกล็ดน้อย ที่อาจดูยิบย่อยสำหรับคนอื่น แต่มันคงแสนจะชัดเจน และตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของเจ้าของเรื่องราวมังคะ
  • อ่านบันทึกไป ครูปูก็อมยิ้มไป แอบเห็นไอของความโหยหาอดีต ออกมาจากใครบางคนด้วยหล่ะค่ะ ( ^__^ )
  • ไม่แปลกใจสักนิด กับชื่อบันทึกนี้ค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ

 

* มาตามสัญญาค่ะ

* พูดจริง ทำจริง มิทิ้ง น้องฟ้ากะ นายเมฆ ค่ะ

* ...  สงสัยต้องคุยกันยาวเลยค่ะ คุณเม้ง

* ช่วยขยาย คำว่า .. ไร้ฟึ้นฟู ... ตรงฝันที่ 2 หน่อยคะ

* ... จะนอกรอบ หรือ ในรอบ ก็ได้ค่ะ ...  

... หลายๆ ฝั้นของคุณเม้ง เหมือน Slogan ...

- - Make more understanding on oneself and developing for sustainable development - -

สวัสดีครับพี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

    ขอบคุณมากครับ ในหมู่บ้านคลอดด้วยหมอตำแยคนเดียวกันหมดเลยครัีบ มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะครัีบ

    คุณแม่ผมบอกว่า แม่เกิดมาโง่มาทีนึงแล้ว ยังไงก็จะสนับสนุนให้ลูกเรียนทุกคน ส่วนจะเลือกเรียนอะไรให้เลือกที่ลูกชอบครัีบ แม่บอกว่าความรู้ใครขโมยไม่ได้ ทรัพย์ในตัวอยู่กับเราตลอดไปครัีบ

ขอบคุณมากครัีบ

สวัสดีครัีบคุณครูปู

    ขอบคุณมากครับ อิๆ  จริงๆ อ่านได้เลยครับ ทุกบันทึกนะครับ เพราะว่าเขียนเพื่อใ้ห้รับรู้กันครัีบผม เขียนไปตามสไตล์นี้นะครัีบ เลยไม่รู้ว่าตรงแค่ไหนครับ ตรงบ้างงอบ้างครัีบ บางอย่างก็ตรงๆ ไม่ได้ครับ หากทำร้ายน้ำใจบางคนก็ต้องคิดครัีบ แต่บางอย่างก็อิิๆ ครับ

    สนุกๆ นะครับ แต่เขียนจริงตามนั้นครัีบ

ัรักษาสุขภาพนะครับผม

  • แวะมาบอกว่าไม่รู้จะส่งไฟล์ทางไหน พี่ไม่มีอีเมลของเม้งค่ะ มีแต่ผ่านทาง G2K เท่านั้น attach file ไม่ได้ค่ะ

สวัสดีครับคุณปูpoo

    ขอบคุณมากครับ

* ...  สงสัยต้องคุยกันยาวเลยค่ะ คุณเม้ง

* ช่วยขยาย คำว่า .. ไร้ฟึ้นฟู ... ตรงฝันที่ 2 หน่อยคะ

    คำว่า ไร้ฟื้นฟู ตรงๆ ตัวคือ ไม่มีการฟื้นฟู ใดๆ ครัีบ หมายความว่า หากตั้งแต่

ไทยคิด ไทยทำ ไทยใช้ ไทยพัฒนา ไทยยั่งยืน ไร้ฟื้นฟู ไทยมุ่งสู่ ความพอเพียง อย่างเพียงพอ

     หากไทยยั่งยืนแล้ว ในทุกๆด้าน เราไม่ต้องฟื้นฟูแล้วครัีบ แต่กว่่าจะไปถึงขั้นนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ ครัีบ เพราะตอนนี้เรายังต้องเริ่มคิดกัน ทำกัน ใช้กันก่อนครัีบ

ขอบคุณมากครัีบผม

สวัสดีครับพี่หมอ หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ

    ขอบคุณมากครัีบ พี่ส่งมาได้ที่ schuaiaree (at) gmail. com นะครัีบผม ขอบคุณมากครับ  จริงๆ ผมตอบกลับพี่ไปแล้วครัีบ

ขอบคุณมากครับ

เม้งคะ

สมัยก่อน พ่อแม่มีลูกหลายคน  แต่สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและเรียนหนังสือได้ เป็นพลเมืองดีของสังคม

แต่สมัยนี้..มีลูกไม่กี่คนแต่เห็นบ่นๆกันว่าเลี้ยงลูกยากขึ้นทุกวัน ทั้งๆที่ระบบทุกอย่างเอื้ออำนวย น่าคิดนะคะ

มาแวะหา มาส่ง ให้ความสุข

ให้ไร้ทุกข์ ยามนอนราบ กับดินนี้

ผืนแผ่นดิน เป็นสิ่งที่ เราต้องพลี

ยากหลีกหนี เมื่อถึงที ของทุกคน

.................

สวัสดีค่ะ :D

-         คุณเม้งบอกเริ่มที่ครอบครัวก่อน โป๊ะเชะเลยค่ะ

-         ... แล้วค่อยขยายต่อยอด .. แต่ ใช้เวลานาน นม

-         นาน นาน มากค่ะ ... ณ ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วน ..

-         เค้าก็เริ่มกันแล้วค่ะ แต่บางครั้งก็ทานกระแสไม่ไหว

-         ....

-         แต่หาก เราลงเล่นกันตั้งแต่ระดับนโยบาย ถึงลูกถึงคน  ...

-         ปชส. รณรงค์กันทั่วประเทศ .. กระจายสื่อรัฐทั้งหมด

-         ปรับค่านิยม เปลี่ยนพฤติกรรม โดยผู้นำเป็นตัวอย่าง

-         ....

-         คิดว่าน่าจะไปได้ดี เร็ว และยั่งยืน หัวเดิน หางกระดิก

-         การศึกษา จะวางคสล. ฐานแกร่งๆ แล้วค่อยก่อ ปรับ ต่อ ..

-         อาศัย คนคุมงาน ปสง. จริงจัง จริงใจ มีจุดยืน  ...

-         ....

-         เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และทำตามแผน คงไม่แตก ร้าว ล้ม?

-         เฮ้อ ไปกันใหญ่เลย .. ขออภัยเรื่องคุณเม้ง ไหงบานปลาย..

-         ปกติเนาะ เรื่องสร้างบ้าน ต้องบาน น นี่ยิ่งโครงการใหญ่  5 5

-         …. พูดก็ง่ายนะคะ แต่ทำแล้วยากเหลือหลาย :)

-         จะอดทน จะรอดู รอได้คุณเม้ง ... ที่นี่เขาก็ทำมา 10 ปีแล้ว ..

-         ก็เห็น ยังเหมียนเดิม 5 5 … แต่เขาใจเย็น เย็น กันจริงเล้ย ?

 

 

... พักสายตา  ด้วยวิว บรรยากาศดีๆ บ้านใครหนอ ...  ปูไม่รู้นะ แต่คุณพี่เกษตรฯ เห็นแล้ว เฉลยให้ อ๋อเลย  ....  ปูถ่ายนายเมฆนะ :)

สวัสดีครับพี่แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

เม้งคะ

สมัยก่อน พ่อแม่มีลูกหลายคน  แต่สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและเรียนหนังสือได้ เป็นพลเมืองดีของสังคม

แต่สมัยนี้..มีลูกไม่กี่คนแต่เห็นบ่นๆกันว่าเลี้ยงลูกยากขึ้นทุกวัน ทั้งๆที่ระบบทุกอย่างเอื้ออำนวย น่าคิดนะคะ

    สบายดีนะครัีบพี่ สภาพสังคมเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน แนวคิดคนเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยนครับ ฐานคิดคนก็เปลี่ยนครับ แค่มีลูกบ่นว่าเลี้ยงยาก และส่วนหนึ่งก็กลัวจะมีลูกด้วยครับเพราะกลัวว่าไม่รู้จะเลี้ยงอย่างไร เป็นอะไรที่น่าคิดครัีบ ธรรมชาติทำให้สภาพเป็นไปได้อย่างน่าคิดเสมอครับ ระบบปัจเจกเข้ามาครอบครองครับ ครอบครัวเดี่ยวมาแทนระบบครอบครัวใหญ่ ภูมิคุ้มกันคนลดลง ภูมิปัญญาเดิมสูญหาย รับแนวคิดใหม่มาปรับใช้ จนบางทีก็น่ากลัวครัีบ

    ตอนนี้ยิ่งสภาพทางเศรษฐกิจเปลี่ยน ปัญหาอาหารขาดแคลน ปัญหาพลังงานต่อไป ระบบทุนก็บุกจนถึงรูขุมขนและถุงลมในปอดครับ

น่าคิดครับผม  ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับคุณ CK

มาแวะหา มาส่ง ให้ความสุข

ให้ไร้ทุกข์ ยามนอนราบ กับดินนี้

ผืนแผ่นดิน เป็นสิ่งที่ เราต้องพลี

ยากหลีกหนี เมื่อถึงที ของทุกคน

.................

สวัสดีค่ะ :D

    สบายดีนะครับ ขอบคุณมากครัีบ

ให้ความสุข กับดินนี้ เราต้องพลี ของทุกคน

ขอบคุณมากครัีบ

สวัสดีครัีบคุณปูpoo

    เริ่มที่ใจตนเอง รอบตัวเอง ครอบครัวตัวเองก่อนเป็นเซลเล็กๆ นะดีแล้วครับ หากแต่ว่าแต่ละเซลเดินร่วมกัน แม้่ว่าจะคนละทิศแต่เป้าหมายเดียวกัน ก็ไปถึงเองครัีบ

    อยากให้ทุกอย่างไปในทางที่ดีหมดนะครัีบ แต่คงเป็นไปได้ยากครัีบ จึงต้องมีดีบ้างเลวบ้างพอดีบ้างครัีบ เป็นธรรมดาครัีบ เรียนรู้ได้ทั้งนั้นครัีบ แม้คนเรา หรือใจเราเองก็มีขึ้นมีลงครับ ดูใจตัวเองกันต่อไปครับ ทำใจกันต่อไปครับ ทำใจที่แปลว่าพัฒนาใจนะครับ

โชคดีนะครับผม

  • หิ้ว โล่งโต้ง ของดีของสุราษฎร์ธานี มาฝากค่ะ
  • ไปแอบดู ลานสะตอ มาแล้วนะคะ แต่ยังโพสต์ไม่เป็นอ่ะค่ะ แฮ่ะ ๆ
  • เป็นกำลังให้กับทุกสิ่งที่คุณเม้งทำนะคะ

สวัสดีครับคุณปูครูปู

    สบายดีไหมครัีบ คิดถึงทุกคนครัีบผมขอบคุณมากครัีบ สำหรับของฝากแสนอร่อยนะครัีบ  ผมยังไม่ค่อยได้เขียนสักเท่าไหร่นะครัีบ ยังไงก็ยังตอบที่นี่อยู่เช่นกันครัีบผม เพราะต้องดูแลรับผิดชอบในสิ่งที่เราได้แลกเปลี่ยนกันตั้งแต่ต้นนะครับ อาจจะตามอ่านกันนะครับ ได้แลกเปลี่ยนเสมอครัีบ ผมจะทยอยเขียนใน ลานธรรมดา

    ขอบคุณมากๆ นะครัีบผม มีความสุขในการทำงานนะครัีบ เป็นกำลังให้เช่นกันนะครัีบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท