ขบวนการ “ครูกู้แผ่นดิน” นี้ เป็นขบวนการที่หวังว่าจะสร้างความเป็นอิสระให้แก่ครู ซึ่งหมายความว่าเป็น “อิสระแบบไม่อิสระ” เพราะเป็นอิสระในการดำเนินการสู่เป้าหมาย คือผลการเรียนของศิษย์ แต่ไม่อิสระในเป้าหมาย เป้าหมายหลักต้องอยู่ที่ศิษย์ ไม่ใช่อยู่ที่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เมื่อทำเพื่อศิษย์จนเห็นผลชัดเจนแล้ว เครือข่ายสนับสนุนจะเข้าไปยกย่อง ให้เกียรติ และให้ผลประโยชน์
เราจะเน้นให้ผลประโยชน์แก่ผลงาน ที่เป็นผลงานที่ศิษย์ ไม่ใช่ให้ผลประโยชน์ที่ปริญญา หรือที่การเอาใจนาย
ผลประโยชน์ที่ครูเพื่อศิษย์ตัวจริง จะได้รับ ได้แก่
• ปิติสุข ในการทำเพื่อผู้อื่น ในการมีจิตอาสา
• ได้การยกย่อง รางวัล สคส. และภาคีเครือข่ายจะมีส่วนสนับสนุนส่วนนี้ด้วย
• ได้เครือข่าย ได้เพื่อนร่วมขบวนการ ได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์
• ได้การเรียนรู้ต่อเนื่องโดยตนเอง และโดยการ ลปรร. กับเครือข่าย
• ได้เข้าร่วมกระบวนการ ลปรร. ในวง ลปรร. หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งในมหกรรมจัดการความรู้ครูเพื่อศิษย์ ระดับประเทศที่ สคส. และองค์กรภาคีจะจัดขึ้นทุกปี
• ได้เงินเพิ่ม จากผลงานที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าสูงกว่าเงินเดือนที่ได้รับมาก ส่วนนี้ สคส. และภาคีเครือข่ายสนันสนุนจะหาทางทำให้เกิดขึ้น
• ได้ผลงานวิชาการ เพื่อนำไปเลื่อนตำแหน่ง เลื่อนระดับ นี่คือส่วนที่ สคส. และภาคีเครือข่ายสนับสนุนจะจัดให้ โดยคาดว่าจะใช้ขบวนการ R2R
• อื่นๆ ที่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก
R2R จะเป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับการขับเคลื่อนขบวนการครูเพื่อศิษย์ เพราะจะเชื่อมโยงเข้าสู่ชีวิตการทำงาน และชีวิตความก้าวหน้าของครูเพื่อศิษย์ โชคดีที่ได้มีการพัฒนาวิธีการทำงาน R2R และวิธีจัดการหรือส่งเสริมการทำงาน R2R ในวงการสุขภาพมาแล้วหลายปี ประสบการณ์นี้จะนำมาปรับใช้ในการดำเนินการ R2R ครูเพื่อศิษย์ ในวงการศึกษา ได้เป็นอย่างดี
วิจารณ์ พานิช
๑ ก.ย. ๕๒
..อื่นๆที่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก..ครูเพื่อศิษย์..ตัวจริงๆๆเป็นต้นว่าพ่อแม่(ที่ดีเป็นครูคนแรกของชีวิต..พระที่ดี..ครูจริยธรรมครูที่สองต่อจากพ่อแม่..ขบวนการครูกู้แผ่นดิน..ได้ลืมคิดถึงคนเหล่านี้หรือ..คนเหล่านี้ไม่ได้ผลประโยชน์ที่ตั้งไว้ให้..การขับเคลื่อนที่ว่าคงจะเป็นระบบรถไม่มีล้อ..ถังน้ำมันรั่ว..ถึงตอนนี้คิดไม่ออกเหมือนกัน..ขอโทษค่ะ....
เรียนท่านอาจารย์หมอที่เคารพ
กระผมคิดว่าการพัฒนาครูเพื่อศิษย์ที่จะยกระดับความความสามารถทั้งทางโลกและธรรม ที่อาศัยเส้นทางกิจกรรม ในการเปิดพื้นที่ปัญญา เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้น มีกระบวนทัศน์เชื่อมโยงเป็นระบบ ในพัฒนาการหรือทำให้เกิดขึ้น ก็คงหลากหลายไปตามเหตุและปัจจัยเงื่อนไขต่างๆ ทั้งนี้คงมีทั้งวิธีการที่เป็นหลักหรือเป็นแกน และวิธีการที่ยืดหยุ่นได้ไปตามสถานที่ เวลาและผู้เกี่ยวข้อง (หรือเสียงจากสังคม) เพื่อให้อยู่บนความพอประมาณชีวิต สอดคล้องกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่หลากหลายมิติ ครับผม เสนอภาพกว้างคร่าวๆได้เพียงเท่านี้ ไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย ครับผม
เรียนแสดงความเห็นด้วยความเคารพครับผม
นิสิต