พ่อเป็นคนพื้นเพบ้านห้วยคต อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเมื่อ ๕๐-๖๐ ปีก่อน ก่อนที่จะมาเป็นอำเภอห้วยคตของจังหวัดอุทัยธานีดังปัจจุบันนั้น มีสภาพเป็นหมู่บ้านชนบท แวดล้อมไปด้วยทิวเขาและผืนป่า
หรือแม้แต่ตัวเมืองจังหวัดอุทัยธานีเอง ก็มีสภาพเพียงเป็นชุมชนเล็กๆที่อยู่นอกทางผ่านของการคมนาคมสายหลักของประเทศ การเดินทางจากบ้านของเราไปยังบ้านปู่และย่า หรือการเดินทางจากบ้านปู่และย่าที่ห้วยคตมายังบ้านของเราที่ห้วยถั่ว ซึ่งแต่เดิมเป็นหมู่บ้านในเขตอำเภอบางมูลนากของจังหวัดพิจิตร ในยุคของแม่และพ่อที่เพิ่งเริ่มสร้างครอบครัวนั้น ต้องใช้เวลาหลายวัน มาถึงยุคของพวกผมก็ต้องใช้เวลาทั้งวัน อีกทั้งยังคงไม่มีเส้นทางจากนครสวรรค์ไปถึงเมืองอุทัยธานีโดยตรงเสียอีก
การที่จะเดินทางไปอุทัยธานีในยุคนั้น ต้องเดินทางไปข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท แล้วก็นั่งรถ บขส ไปยังเมืองอุทัยธานีซึ่งเป็นชุมชนสงบเงียบอยู่กลางป่า จากนั้นก็ต่อรถเมล์ท้องถิ่นอีก ๒ ต่อ ถึงทางแยกเขาทรมะเพื่อเข้าบ้านห้วยคต ก็เป็นทางเกวียนลอดไปตามทิวป่าไผ่และแมกไม้ที่ยังมีสภาพป่าไปตลอดทาง บางช่วงต้องเดินลุยโคลนลึกและขี่ช้างข้ามลำน้ำ บางช่วงก็ขึ้นมอเตอร์ไซคล์ ถึงบ้านย่าก็มืดค่ำพอดี
ผิดกับปัจจุบันนี้อย่างไม่เหลือร่องรอยของอดีต ที่ห้วยคตได้ยกระดับเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานีแล้ว อีกทั้งหนาแน่นและมีสภาพความเจริญในด้านต่างๆมากกว่าบ้านตาลิน อำเภอหนองบัว หลายอย่าง
ที่บ้านย่าเหมือนกับเป็นอีกโลกหนึ่งที่น่าตื่นเต้นและแปลกตาไปหมดแทบทุกอย่าง รอบข้างเต็มไปด้วยป่า ภูเขา ผลหมากรากไม้ และสัตว์ป่า มีมะพร้าวมากมาย มีสวนส้มโอและส้มซ่าที่พ่อชอบ มีต้นมะไฟซึ่งให้เด็กๆยกขโยงไปนอนกินอยู่ใต้ต้นทั้งหมู่บ้านก็ไม่หมด มีช้างไว้ใช้งาน มีธารน้ำจากป่าเขาผ่านมาข้างหมู่บ้านให้เล่นอย่างสนุกสนาน มีเพื่อนๆที่เป็นลูกหลานของญาติทางปู่และย่าที่มารอผมและพี่ชายให้แอบลงไปหาที่ใต้ถุนบ้านแล้วก็พากันไปเล่นในป่าทุกวัน ผืนดินทุกแห่งที่บ้านย่าเป็นดินทราย ไม่เลอะเกรอะกรังให้เปลืองน้ำล้างเท้าเหมือนดินเหนียวบ้านเรา
ย่าเป็นทั้งผู้มีศรัทธาในพระศาสนาและเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ อาว์ฉวี คำศรีจันทร์ ก็บวชเป็นแม่ชี อุทิศตนเพื่อการปฏิบัติและศึกษาอบรมเพื่อสืบทอดพระศาสนา สืบต่อจากปู่และญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายปู่และย่าอีกหลายท่าน ย่าและที่บ้านย่าจึงเป็นภาพของญาติพี่น้องที่ใจดีมีเมตตา และมีแต่ของแปลกๆที่หลายอย่างไม่เหมือนบ้านเรา เวลากลับบ้านก็จะได้ของฝากมากมายติดมือไปด้วย โดยเฉพาะเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ มะพร้าวอ่อน ส้มโอ มะไฟ พอถึงบ้านพวกผมก็จะแย่งกันพูดรายงานพวกน้าและญาติพี่น้องทางบ้านเราว่าไปเจออะไรมาบ้าง
ปีหนึ่งๆ เมื่อถึงช่วงปิดเทอมหลังเกี่ยวข้าว พ่อก็จะพาพวกผมไปบ้านย่าหนึ่งครั้ง และต้องไปทุกคน หากใครมาทำเป็นหลอกว่าพ่อจะไม่เอาใครไปสักคนหนึ่งก็มีอันต้องนอนชักดิ้นชักงอเหมือนจะขาดใจตายไปบัดนั้น การได้เดินทางไปบ้านย่าเป็นเหมือนกับความมหัศจรรย์ของชีวิตยามนั้น
ญาติพี่น้องจากบ้านปู่และย่าที่ห้วยคตก็จะมาเยี่ยมพ่อแม่และพวกเราอยู่เสมอเหมือนกัน แต่การเดินทางจากบ้านห้วยคต เมืองอุทัยธานีมาบ้านเราในอดีตนั้นช่างยากลำบาก ยากลำบากกว่าเดินทางจากบ้านเราไปยังบ้านย่าหลายเท่า อีกทั้งบ้านเราก็เป็นบ้านนาป่าดงที่ไม่มีสิ่งต่างๆเหมือนบ้านย่าเลย ไม่มีสวนและไม่มีผลไม้ป่า แต่มีน้ำพริกกับผักที่ปู่และญาติๆจะชอบมากคือผักสะเดากับผักแว่น
แม่จะตำน้ำพริก พ่อจะคอยดูแลญาติผู้มาเยือน พวกผมและญาติพี่น้อง รวมไปจนถึงเด็กๆ ก็จะกระจายกันอย่างเป็นไปเอง บ้างก็ออกไปเก็บผักสะเดา บ้างก็ออกไปเก็บผักแว่น บ้างก็ไปเก็บผักบุ้งนา แวะเวียนมาให้แม่และญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมยามกันจนเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่ทุกคนเกรงว่าจะไม่พอกิน ไม่พอต้อนรับญาติๆ และใช่ว่าจะไม่รู้ว่าแต่ละอย่างนั้นมากเกินพอแล้ว ทว่า มันเป็นเพียงสื่อการแสดงออกอย่างชาวบ้านว่ามีความยินดีและแสดงการน้อมตนสู่ความเป็นญาติพี่น้องกันนั่นเอง
ครั้งหนึ่ง ย่าและญาติๆจากบ้านย่าก็มาเยี่ยมแม่และพ่อ วันที่ย่าจะกลับ ก็เป็นวันที่ผมจำภาพของแม่และการร่ำลากันในวันนั้นได้อย่างติดตา ย่านั่งลงตรงระเบียงที่แม่มักนั่งและนอนไกวเปลกล่อมผมและน้องๆที่เกิดตามมาอีกหลายคน ย่าเป็นคนใจดี ปฏิบัติธรรม และมีพลังความเมตตากรุณาแผ่ออกมาอยู่ในทุกอริยาบท เมื่อนั่งลงจึงเหมือนกับแม่พระที่นั่งสงบนิ่ง
แม่พาพวกผมไปนั่งอยู่ที่ชานบ้านลดต่ำลงกว่าระเบียงที่ย่านั่งอยู่เบื้องหน้า แล้วย่าก็นั่งประนมมือกล่าวให้พรแก่แม่และพวกเรา พอย่ากล่าวเสร็จ แม่ก็กราบ กราบอย่างสิโรราบ นอบน้อม ๓ ครั้ง
พ่อได้ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๔ ก่อนถึงวัยเกษียณอายุราชการ ๓ ปี หลังการถึงแก่กรรมแล้ว ญาติพี่น้องของเราทางฝ่ายย่า ต่างก็ปรารภว่า เมื่อไม่มีพ่อเป็นสายไยเชื่อมโยงความเป็นญาติพี่น้องกันไว้เสียแล้ว ญาติพี่น้องทางฝ่ายยายและแม่กับผมและพี่ๆน้องๆก็เห็นจะไม่ไปมาหาสู่กันดังญาติอย่างเมื่อก่อนเสียแล้วกระมัง เลยก็ทำให้กลายเป็นตรงกันข้ามจากเมื่อก่อน เนื่องจาก ความที่เกรงว่าเมื่อไม่มีพ่อแล้วพวกเราก็จะห่างกันไป เลยก็ทำให้ญาติพี่น้องทางย่ากลับหมุนเวียนกันมาหาแม่และพวกเรามากกว่าเดิม แล้วก็ต่างยังคงมีความสันถวะนอบน้อม ผูกพันและคุ้นเคยกันดังญาติ
การสันถวะนอบน้อมต่อกัน และความคุ้ยเคยกันดังญาติ ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆของสังคมมนุษย์.
อาจารย์ครับ
อ่านบันทึกของอาจารย์ทุกบันทึก
อิ่มจริง ๆ ครับ อิ่มความรู้ อิ่มอก อิ่มใจ...
พาลนึกไปถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับวงศ์วานว่านเครือในวัยเยาว์
งานเขียนอาจารย์มีพลังมากครับ...
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และผู้อ่านทุกท่าน
ญาติ
เห็นภาพและเรื่องแล้วประทับใจ เลยขอมอบพุทธภาษิตว่าด้วยเรื่องความเป็นญาติ และบทกลอนของหลวงพ่อวัดชากมะกรูด แห่งเมืองระยอง เป็นบรรณาการแห่งความเป็นญาติธรรมอันเป็นมงคล ดังนี้
วิสสาสะ ปรมา ญาติ ความคุ้นเคย เป็นญาติอย่างยิ่ง
ความคุ้นเคยดีเหลือดังเชื้อชาติ
เสมือนญาติเผ่าพงศ์ร่วมวงศา
ใช่เลือดเนื้อเชื้อชาติญาติกา
แต่ยิ่งกว่าชาติเชื้อเพราะเกื้อกูล
เป็นญาติแท้แต่ไร้น้ำใจเอื้อ
ไม่ช่วยเหลือวงศ์ญาติก็ขาดสูญ
เป็นอื่นไปใช่พงศ์วงศ์ประยูร
เลือดตระกูลต้องเอื้อช่วยเหลือกัน.
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
http://gotoknow.org/blog/sto/261938
ค่ะการปลูกฝังให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้มีคุณทั้งหลายใช้การถ่ายทอดและทำเป็นตัวอย่างโดยไม่ต้องมีสื่อใดมาประกอบให้ยุ่งยากเลยค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย)ครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพ
อาจารย์ครับ
อาจารย์กับผม มิใช่ญาติก็เหมือนญาติครับ ต้องขอบคุณโอกาสที่ดีที่เผื่อแผ่ให้ครับ
ผมเป็นคนล้านนาเต็มตัว เกิดมาท่ามกลางความสวยงามของวัฒนธรรมเมืองเหนือ ที่วันนี้เราจะหาบรรยากาศออริจินัลแบบนั้นยากมากเเล้ว จะมีก็แต่การจำลองพื้นที่บางส่วนในถนนคนเดินบ้าง งานย้อนยุคบ้าง
ผมยังจำกลองตึ่งโนงที่เสียงทุ้ม มีพลังยามเย็นของค่ำคืนได้ เสียงกลองนี้เป็นสัญญาณการซ้อมฟ้อนเตียน (ฟ้อนเทียน) ของสาวๆ เพื่อเตรียมงานปอย (งานสมโภช) เราเด็กก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ กลุ่มหนุ่มสาวประชุมกันครั้งเเล้วครั้งเล่าว่างานปอยของเราจะมีกิจกรรมบันเทิงอะไรบ้าง...รำวง จังหวะฝรั่ง สนุกสนานกันแบบหนุ่มสาวบ้านนอก ซื้อบัตรแล้วไปโค้งสาวมาเต้นเป็นเพลงๆไป แบบเป็นรอบๆก็มีนะครับ
คุณพ่อผมเป็นคนเชียงใหม่ (ปัจจุบันท่านเสียไปเเล้ว) เป็นช่างศิลป์แกะสลัก พื้นเพแถบหางดง สันป่าตอง พ่อได้ชื่อว่าเเกะสลักช้างไม้สักได้สวยงามมากคนหนึ่ง ด้วยความที่ท่านเคยเป็นเด็กวัดสิ่งหนึ่งที่ผมถูกเคี่ยวกรำคือ การคัดลายมือ... ลูกๆของพ่อทุกคนจะต้องคัดไทยให้สวยงาม ตัวอักษรต้องคมชัด ลายเส้นตรง มีหัวกลมชัดเจน ภายใต้ตะเกียงน้ำมันก้าดในแต่ละค่ำคืน เราถูกกำกับด้วยไม้เรียวบ้างหากซุกซนตามประสาเด็ก สิ่งนี้ติดตัวครับ พวกเราลูกๆของพ่อทุกคนลายมือสวย คัดไทยได้ที่หนึ่งที่มีการประกวดบ่อยๆ เราก็ได้รางวัลบ่อยครั้ง วันเด็กแต่ละครั้งลูกๆก็แข่งกันเพื่อจะได้รางวัลในงานมากที่สุด แล้วก็ขนมาบ้าน.. :)
คุณแม่เป็นสาวเมืองปาย ...เป็นคนล้านนาที่มีความเป็นล้านนาเต็มตัว ขนบ จารีต ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเเม่ เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน...ส่วนหนึ่งผมถูกหล่อหลอมมาจากแม่ครับ
ละครก็ไม่มีให้ดู ทีวีก็ยังไม่รู้จัก ...จะมีก็หนังกลางแปลงที่บางครั้งไม่มีเเม้เเต่เงินค่าชม (เด็กๆแบบผม ๒ บาทเองครับ) มีวีดีโอ ของบ้านคนรวย (ผมเรียกแบบนั้นตอนเด็ก) เพียงหลังเดียว ใช้เครื่องปั่น เขาเก็บค่าชม คนละ ๑ บาท ขึ้นมาเป็น ๒ บาท กระนั้นก็ยังไม่มีเงินที่จะดูกับเขา แอบดูตามรอยแยกของฝาไม้กระดาน ก็ถูกไล่ให้เจ็บใจ..ชีวิตวัยเด็กมันก็ลำบาก แต่ก็มีสีสันมีเรื่องให้ผมยิ้มหลายบทหลายตอน
แม้วัยจะผ่านเรียนมัธยมประจำอำเภอ ตอนเช้าต้องไปขายของช่วยเเม่ในตลาดเล็กๆในหมู่บ้าน หนาวแสนหนาวจำต้องตื่นเช้าตรู่ในบ้านนอก เสร็จแล้วกุลีกุจอกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงเรียน ที่โรงเรียนยังต้องล้างจานช่วยแม่ค้าในโรงอาหารเพื่อเเลกอาหารกลางวันสักมื้อ ให้อิ่มแบบไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่เคยอายเลยครับ ดีใจอีกอย่างที่ลูกๆของพ่อกับแม่ทุกคนได้ทุนการศึกษาเรียนดีแต่ยากจนทุกคน แม้เป็นเงินไม่มากนักแต่ก็ได้สม่ำเสมอ เป็นทั้งความภูมิใจ ดีใจของครอบครัวของเรา..
ดูสิครับ..อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว ผมก็เผลอเล่าเรื่องให้อาจารย์และกัลยาณมิตรฟังแบบหนังชีวิตเลย แต่ก็ภูมิใจที่มีวันนี้ครับ..
พอก่อนครับ...ผมชอบเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยยาวๆทุกครั้งหากไม่หยุดตัวเอง :)
ความภูมิใจหนึ่งของการเป็นคนแม่ฮ่องสอน เชิญกัลยาณมิตรไปฟังเพลงที่เล่าเรื่องความภูมิใจของผม กับถิ่นเกิด ในหน้าประวัติครับ
เพลงนี้ อ้ายเบิ้ม พี่ชายคนหนึ่งที่อยู่ปาย ได้ขับร้องไว้ แทนความรู้สึกที่มีต่อถิ่นเกิดได้อย่างงดงามเพลงหนึ่งครับ
...ชีวิตแดนไพร สุขใจยิ่งเอย...
สวัสดีครับคุณครูอ้อยเล็ก ขอบคุณที่นำรูปดอกแก้วมาฝากครับ ได้กลิ่นหอมละมุนเลย เห็นรูปดอกแก้วของคุณครูอ้อยเล็กแล้ว เลยนำรูปคุณยายวง วัดเขาวังราชบุรี กำลังนั่งไหว้และบูชาพระอยู่ใต้ต้นดอกแก้วมาฝากครับ
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ...สำหรับสุดคะนึง และสุดตะลึง เดือนแห่งความรักของเเม่..
รางวัลเป็นกิจกรรมที่เสริมให้ gotoknow มีบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกไปอีกแบบ เป็นความพยายามของ useable Lab หนุ่มสาวที่น่ารักกลุ่มหนึ่ง ...ต้องขอบคุณกิจกรรมดีงามนี้ครับ
ส่วน อ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ นั้น บันทึกอาจารย์สร้างบทเรียน สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่าน ให้ผม และผู้ที่ติดตามหรือที่อาจารย์ที่เรียกว่า "คนกันเอง" อย่างต่อเนื่อง
ต้องขอให้กำลังใจอาจารย์มาพร้อมกับโอกาสแห่งการเฉลิมฉลองครั้งนี้ด้วยนะครับ
อย่างน้อย Goroknow ก็ได้สร้างเครือข่ายคนที่คิดคล้ายๆกัน จริตเหมือนๆกัน เป็นสายใยเชื่อมสัมพันธ์ที่ก่อรูปร่างให้เด่นชัดทุกขณะ ในอนาคตผมเชื่อเเน่ว่าพลังของเครือข่ายมีผลต่อการขับเคลื่อนองคมพยพของสังคมไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ผมเชื่อในพลังของการรวมกลุ่มผู้ที่มีอุดมการณ์บางอย่างที่เชื่อมกัน
ขอบคุณครับ ...
ลุงม่อยครับ.....
(1) วิถีของเครือญาติแท้จริงแล้วมีความงดงาม ลึกซึ้ง และแฝงด้วยคติธรรม เกินบรรยายจริงๆ ครับ เป็นจุดเชื่อมร้อยให้สังคมเป็นสังคมสันติสุข เป็นสังคมพระศรีอาริย์ได้ อ่าน"ดังลมหายใจ" ของลุงม่อย และดูภาพประกอบแล้ว ผมมองเห็นภาพครอบครัวลุงม่อยไหว้พระพรหมครับ โดยเฉพาะคุณย่านั่งรับไหว้ลูกๆ หลานๆ เป็นพระพรหมที่มี พรหมวิหารธรรม เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา พระพรหมที่สัมผัสได้ จับต้องได้
(2) ท่ามกลางสังคมที่ผู้คนกำลังท้อแท้ อ่อนไหว ดังลมหายใจที่กำลังอ่อนแรง ภาพเขียนลุงม่อยได้มอบปัญญา ให้สติ ให้กำลังใจ และพลังกับสังคมอีกครั้ง
ยินดีด้วยกับ...... กับรางวัลโหวต
"ช้างน้อยมอมแมม"
ขอแสดงความยินดีกับรางวัลสุดคะนึงค่ะ
สวัสดี ครับ อาจารย์
มาแสดงความนอบน้อม ด้วยความเคารพ
ปลื้มใจ กับ หัวใจของแม่ ครับ
มาสวัสดีอาจารย์ครับ
สวัสดีครับคุณจตุพร
ยินดีด้วยค่ะท่านอาจารย์..สำหรับรางวัลสุดคะนึง..จะคอยติดตามผลงานนะคะ..
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
"มวยมีการ์ด" ชอบคำนี้มากครับ
สวัสดีครับอาจารย์ยินดีกับรางวัลด้วยครับ ผมคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งเสียงให้..ความรู้ดีๆ แง่มุมทางวิชาการและประเด็นฉุกคิดหลายๆเรื่องที่อาจารย์บรรจงเเต่งเเต้มลงบนโลกไซเบอร์แห่งนี้ กรมการพัฒนาชุมชนจะจัดงานCD DAY เร็วๆนี้จะทำหนังสือเชิญอาจารย์มาร่วมชี้ทางการพัฒนาที่น่าสนใจให้กับพวกเราด้วยนะครับ
อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ครับ ผมมาเชิญอาจารย์ไปดูการ์ตูนครับ http://gotoknow.org/blog/yatsamer/294855
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
สวัสดี ครับ อาจารย์
อ่านบันทึกนี้ แล้วมีความสุข
มีกำลังใจ ที่จะทำงานต่อ
ผมชอบ
....ความผูกพันและความคุ้นเคยกันดังญาติ ...ที่อาจารย์เขียน
สังคมที่สายใยแห่งความผูกพัน...ร้อยเข้าด้วยกันอย่างน่าชื่นชม
ด้วยความเคารพและระลึกถึง อาจารย์ครับ
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดี : เมื่อวันสองวันนี้ ผมก็ได้รู้สึกเหมือนอย่างที่คุณแสงแห่งความดีสะท้อนทรรศนะออกมาครับ มีอาจารย์ที่ผมรักและเคารพนับถือมากท่านหนึ่งได้ถึงแก่กรรม ท่านมีลูกๆอยู่ ๓ คน ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เลยและเพิ่งจะพบกับความสูญเสียบุพการีที่ผูกพันที่สุดเป็นครั้งแรก
ผมเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่อาจารย์ผมมักพูดถึง พวกเขาเลยถือเอาผมเป็นที่ปรึกษามาตั้งแต่อาจารย์ท่านยังไม่สิ้นลมหายใจ พอถึงคราแม่ไปแล้วและจัดงานศพให้แม่ในสภาพที่ตนเองต่างกำลังเศร้าโศก ก็ทำอะไรไม่ถูก ผมเลยพาพวกเขาจัดการเรื่องต่างๆ พอกลับมาทำงานแต่ละวันก็รู้สึกเป็นห่วงจนเมื่อวานต้องนั่งกำหนดใจดู ก็ได้เห็นอารมณ์ตนเองอย่างที่คุณแสงแห่งความดีพูดถึงนี้เลยคือ รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเป็นญาติ
มีความสุขนะครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ วิรัตน์
รู้สึกดีใจ..ที่อาจารย์จะเขียนบันทึกลงใน blog ดังลมหายใจ ของอาจารย์เพิ่มอีก
…
รอด้วยความตื้นตันในหัวใจ เช่นกันครับ
…
…
อากาศหนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วย ครับ
ตั้งใจว่าจะทำต่ออยู่น่ะครับ
ขอให้คุณแสงแห่งความดีและครอบครัวมีสุขภาพดีเช่นกันครับ
ขอบคุณยิ่งครับผม
กราบสวัสดีปีใหม่ไทยด้วยความนอบน้อม...สู่ความรู้สึกเช่นเดียวกับบันทึกนี้ของอาจารย์ นะครับ
ด้วยความเคารพรัก