เช้ามืดที่บ้านในของ พี่หมอรอนตะโกนบอกใครสักคนว่า อุณหภูมิ ๔ องศา ในขณะที่ผมกับน้องหมอสุพัฒน์ ต่างขดตัวนอนคลุมโปงภายใต้ผ้าห่ม เก็บ คอ งอ เข่า อย่างดี...
ความเหน็บหนาว ที่อบอุ่น
--------------------------
หลังจากที่ไปประชุมร่วมกับทีม พอ.สว.โรงพยาบาลปายแล้ว ผมรีบกลับมาบ้านเพื่อต้องเตรียมตัวไปทำภารกิจเป็นวิทยากรให้กับมูลนิธิโครงการหลวง...ในวันหยุดยาวช่วงปีใหม่...“ดุลยภาพของการพัฒนากับหน้าต่างแห่งยุคสมัย” Count Down 2008 กลางป่าสนผืนใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นวันทำงานของผมท่ามกลางวันหยุดของคนทั้งโลก แต่เป็นภารกิจการทำงานที่มีความสุขครับ ถือเป็นการส่งท้ายปีเก่าที่มีคุณค่ากับงานเพื่อสังคม ติดตามภาพสวยๆเก็บตกจากการทำงานที่นี่ครับ Apricot blossom ที่โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ "สีผ่องขาว ราวแดนสรวง"
ภาพสวยๆเหล่านี้ติดตามได้ผ่าน Multiply ได้ครับ ที่ Time&Being
-----------------------------------------------------
As the New Year begins….
วันแรกของการเริ่มปีใหม่ ผมพร้อมคณะจาก มูลนิธิโครงการหลวง ไปทำบุญที่ วัดจันทร์ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้สนทนาธรรมกับ พระอาจารย์นิคม กิจจสาโร สอบถามท่านถึง กิจกรรม “บุญสัญจร” ของพระธรรมจาริก ที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องและงดงามบนดอยปีก่อนก็ได้สนทนากับท่านประเด็นนี้ ผมมีโอกาสได้ไปทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็นปีที่สองแล้วครับ ปีที่แล้วจากบันทึกนี้... เป็นความตั้งใจแรกที่ทำสำเร็จ...ในวันแรกของปี
สารัตถะในการเริ่มต้นของผมนับว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ปีนี้ของผมที่มีคุณค่า และเป็นมงคลอย่างยิ่งครับ
ผมเดินทางกลับมาที่เมืองปาย เราก็เตรียมสิ่งของบริจาคในวันรุ่งขึ้น เพื่อจะนำสิ่งของผู้บริจาคขึ้นไปบนดอยสูงในวันถัดไป กิจกรรมการเตรียมสิ่งของนี้ ผมเขียนไว้ตามบันทึก...ธารน้ำใจที่อบอุ่นสู่แดนดอย : เตรียมของบริจาคเพื่อส่งถึงมือผู้ขาดแคลน
- - -คืนก่อนเดินทางไปมอบของบริจาค- - -
ผมกลับนอนไม่ค่อยหลับ อาจด้วยรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปบริจาคสิ่งของ
พี่หมอรอนMr. Kraton Pai แจ้งบอกว่าที่บนดอยอากาศหนาวเย็น(มาก) ประมาณ ๕ องศา ให้ผมเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อมสรรพ คุณแม่ผมจึงจัดแจงนำผ้าห่มผืนโตๆไปสามผืน ผมก็เตรียมเสื้อกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าพันคอ ไปครบถ้วน...คิดดูสิครับว่าเราคนพื้นราบ จะไปดอยแค่หนึ่งคืน เตรียมตัวขนาดนี้ แล้วคนบนดอยที่ผจญอากาศที่หนาวเย็นตลอดเวลาต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน
เมื่อวานมี พขร.ของโรงพยาบาลปายมารับสิ่งของที่กองเต็มหน้าบ้านผม พร้อมกับผ้าห่มจำนวน ๑๐๐ ผืน ออกจากบ้านไป ผมมีความสุขมากครับ เมื่อเห็นสิ่งของบริจาคที่เราจัดไว้เป็นสัดส่วนถูกเก็บไว้ในพื้นที่หลังรถแน่นเต็ม ก็หมายความว่า เรามีสิ่งของมากมายที่จะนำไปส่งถึงมือผู้ขาดแคลนด้วยตัวผมเอง พร้อมเพื่อนๆ Blogger ชาวปาย คณะ พอ.สว. ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลปาย ตชด. เจ้าหน้าที่จาก หน่วยควบคุมโรคที่นำโดยแมลง(นคม.) ท่านเหล่านี้เป็นตัวแทนนำธารน้ำใจของทุกท่านไปห่มให้พี่น้องชาวดอยให้คลายหนาวครับ
ผมขับรถฝ่าทยานสายหมอกยามเช้าจากบ้าน ไปยังโรงพยาบาลปาย หิ้วสิ่งของพะรุงพะรัง ส่วนใหญ่เป็นเครื่องกันหนาวส่วนตัวของผมเองครับ ไปถึงโรงพยาบาลปายทาง ตชด.พร้อมอยู่แล้ว รถยนต์สองสามคันก็อยู่ในสภาพพร้อมที่จะออกเดินทาง เรายังรอเจ้าหน้าที่อีกสองสามคนให้พร้อมก่อนเดินทาง
พี่หมอรอนMr. Kraton Pai บอกผมว่าเราจะใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงกว่าๆ จากตัวอำเภอปายไปยัง บ้านน้ำปลามุง อันเป็นหมู่บ้านเป้าหมาย หมู่บ้านบนดอยสูง เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลีซู ไม่ไกลจากชายแดนไทยพม่ามากนัก
ระหว่างเดินทางผมสังเกตธรรมชาติข้างทาง สังเกตถนนที่ยากลำบาก ช่วงฤดูฝนนึกภาพออกว่าจะลำบากทุลักทุเลขนาดไหน
เราเพลิดเพลินกับความสวยงามของธรรมชาติ ตลอดสองข้างทาง ถนนคดเคี้ยว เลี้ยวเลาะไปตามสันเขาสูงชัน มีบางจุดที่คดเคี้ยวสูงไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววจะถึงยอดเขา อีกสักพักก็หันหัวรถดิ่งลงเขาน่ากลัว มองไปฟากไหนก็หุบเหว...ผมพยายามให้ทุกท่านนึกภาพตามสภาพการเดินทางครับ ว่าเป็นอย่างไร..??
หากชาวบ้านเจ็บป่วยฉุกเฉินจะเดินทางไปโรงพยาบาลทันหรือไม่...คงไม่ทันครับ ผมตอบได้เลย แต่พื้นที่กันดารแบบนี้ยังมีโรงเรียนอันเป็นสถานที่เรียนหนังสือของลูกหลาน และเป็นสุขศาลารักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย พอบรรเทากันไปก่อน ครู จึงทำหน้าที่หลายอย่างในพื้นที่แบบนี้
สองชั่วโมงกว่าๆเราก็เดินทางมาถึงบ้านน้ำปลามุงแล้ว ...พอไปถึงสิ่งแรกที่คณะทำก็คือทานข้าวก่อนครับ ก่อนเที่ยงพอดี ชาวบ้านก็มารอตรวจโรค รับยากันก่อนแล้ว เป็นโชคดีของผมจริงๆครับ ที่ได้ออกมาร่วมคณะของ พอ.สว.ในครั้งนี้ ขอเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระพี่นางฯด้วย
ครั้นอิ่มหนำกันแล้ว มหกรรมการรักษาพยาบาลก็เริ่มขึ้น น้องหมอสุพัฒน์ก็ทำหน้าที่อันน่าภาคภูมิใจกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เภสัชกรมิ้นก็วุ่นกับการจัดยา พี่หมอรอนดูแลทั่วไป พี่จำปูน ก็ดูแลเรื่องงานส่งเสริมสุขภาพ น้องสาวพยาบาลคนงามกำลังสกรีนผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้น พี่ๆ ตชด.เฝ้าอารักขาดูแลคณะอย่างอบอุ่น มองไปที่ ศาลา พี่ๆนคม.(หน่วยควบคุมโรคติดต่อที่นำโดยแมลง) เจาะเลือดปลายนิ้วเพื่อค้นหาผู้ป่วยมาลาเรียกันดูยุ่งเลยทีเดียว ผมช่วยเภสัชกรมิ้นจัดยา และอาสาเป็นล่ามพูดภาษาลีซอที่ผมยังคงมีความสามารถสื่อสารได้เพราะไปทำงานวิจัยกับเผ่านี้หลายปี
เราได้แจกของบริจาคให้กับพี่น้องลีซอ เป็นผ้าห่ม เสื้อผ้า โดยแบ่งคนละครึ่ง(ลำรถ) อีกครึ่งหนึ่งเราจะนำไปที่บ้านในของ (เผ่ามูเซอกุย) และในช่วงเย็นของวันนี้ เราจะไปพักที่บ้านในของ
กิจกรรมการมอบผ้าห่ม เสื้อผ้า ตุ๊กตา สร้างความประทับใจให้กับทีมงานเป็นอย่างยิ่งครับ ที่นี้ได้ผ้าห่มหลังคาเรือนละ ๑ ผืน เด็กๆได้ตุ๊กตาคนละ ๑ ตัว เสื้อผ้าคุณครูเป็นผู้จัดการอีกครั้งหนึ่ง
รักษาผู้ป่วยกว่า ๑๐๐ ราย!!! ที่บ้านน้ำปลามุง ดูท่าทางน้องชายเรา(น้องหมอสุพัฒน์)ออกอาการล้าๆจนเห็นได้ชัด แต่ก็ดูมีความสุขในสิ่งที่พวกเราทำกันในวันนี้ ทราบว่า น้องได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวนหนึ่งให้กับทางโรงเรียนด้วย...ขออนุโมทนากับจิตกุศลครั้งนี้ด้วย
ผมได้คุยกับ ผอ .โรงเรียน (อ.วีรพันธ์) ท่านได้บอกเรื่องราวที่น่าเห็นใจ เกี่ยวกับสภาพโรงเรียน ความลำบาก ยากเข็ญ น่าเห็นใจของสภาพการทำงานในบรรยากาศของความขาดแคลนให้พวกเราฟัง ...และขอวอนของความเห็นใจหน่วยงาน องค์กรภาคเอกชน ขอความช่วยเหลือและเห็นใจโรงเรียนและเด็กๆด้วย
ผมสังเกตอาคารเรียนที่เหมือนโรงเก็บของ ไม่ค่อยมิดชิด โรงอาหารของโรงเรียนที่มองไม่ออกเป็นโรงอาหาร ผอ.วีรพันธ์บอกว่า จำนวนเด็กที่นี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่งบประมาณของเราแทบไม่มีเลย ท่านได้ไปขอความช่วยเหลือจากแหล่งต่างๆก็ได้มาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง
โรงเรียนนี้มีครูสามท่านครับ ผอ.เป็นผู้ชายหนึ่งท่าน อีกสองท่านเป็นครูผู้หญิง นึกไม่ออกว่าผู้หญิงกับสภาพโรงเรียน สภาพการเดินทาง หมู่บ้านที่ห่างไกลขนาดนี้ คุณครูจะอยู่กันอย่างไร หากไม่ใช่อุดมการณ์ที่อยู่ในหัวใจ...ผมนับถือในหัวใจกล้าแกร่งของทุกท่านที่อาสาสละความสุขส่วนตัวมาเพื่อเป็นแสงสว่างของคนไทยด้วยกัน ขอคารวะด้วยใจครับ และขอเป็นสื่อกลางในการสื่อสารไปภายนอก เพื่อบอกข่าวนี้แก่ผู้ที่สนใจช่วยเหลือ หน่วยงานองค์กร ที่จะให้ความอนุเคราะห์โรงเรียนและเด็กๆ โรงเรียนบ้านน้ำปลามุง
บล็อกเกอร์ ปายในภาพ พี่Mr. Kraton Pai,พี่lesson,ผมและ kmsabai
---------------------------
เมื่อเราเสร็จภารกิจที่บ้านน้ำปลามุงแล้ว คณะของเราเดินทางต่อไปยัง บ้านในของ อันเป็นจุดหมายปลายทางของเรา เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่เป็นพี่น้องชาวไทยภูเขาเผ่ามูเซอกุย ที่ยากจน กลางป่าลึก สภาพถนนลำบากกว่าบ้านนาปลามุงอีกครับ เราจะพักนอนกันที่นั่น และรุ่งเช้าที่บ้านในของก็จะมีกิจกรรมการนำของบริจาคให้พี่น้องชาวบ้าน พร้อมกับการรักษาพยาบาลที่เป็นภารกิจ ของ พอ.สว.
ว่ากันว่าที่นี่อากาศหนาวเย็นมาก บรรยากาศอันน่าประทับใจที่บ้านในของคงจะต้องยกยอดไปเขียนอีกหนึ่งบันทึกแล้วครับ ...เพราะผมมีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกกล่าวอีกมากมายครับ
เช้ามืดที่บ้านในของ พี่หมอรอนตะโกนบอกใครสักคนว่า อุณหภูมิ ๔ องศา
ในขณะที่ผมกับน้องหมอสุพัฒน์ kmsabai ต่างขดตัวนอนคลุมโปงภายใต้ผ้าห่ม เก็บ คอ งอ เข่า อย่างดี... :)
----------------------------------------
บันทึกที่เกี่ยวข้อง...
อากาศหนาวเย็น ก่อไฟผิงบนดอย ผมกับ น้องหมอ kmsabai
------------------------------------------------------------------------
รอติดตามตอนต่อไปนะครับผม...งานนี้หนาวแต่แสนอบอุ่นครับ
Happy New year ครับผม
May it bring joy to your Moments,happiness to your days.
--------------------------------------------------------
โรงเรียนและหมู่บ้านที่เราออกไปทำกิจกรรม
--------------------------------------------------------
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
๕ ม.ค.๕๑
เมืองปาย,แม่ฮ่องสอน