ขอขอบพระคุณอาจารย์บัณฑูร...
- ขอขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำระดับมืออาชีพ(ท่านอัยการแนะนำมา)
ผมมีประสบการณ์มาหลายแบบเหมือนกัน...
- อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า พอท่านตรวจคนไข้ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound / อัลตราซาวนด์) พบว่า คนไข้เป็นมะเร็งตับ... ลูกๆ ที่อยู่ข้างหลังไม่สนใจอะไรเลย ทะเลาะแย่งมรดกกันตรงนั้นเลย
- คุณยายท่านหนึ่งแบ่งทรัพย์สินให้ลูกหลังคุณตาเสียจนหมด... ลูกๆ เกือบไม่มาดูแลอีกเลย ลูกคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมท่าน 1 ครั้งหลังได้รับทรัพย์สิน นับสตางค์ให้ท่านด้วยใบละ 20 บาท ดูจะไม่กี่ร้อยบาท คุณยายท่านนั้นร้องไห้เลย
นี่เป็นธรรมดาของโลกที่ว่า เงินทองไม่เข้าใครออกใคร... ผมขอเรียนเสนอแนวทางเลือกดังต่อไปนี้
- สอนคนรุ่นลูกรุ่นหลานให้อยู่แบบพอเพียง ไม่มีหนี้
- ทำตัวเป็นแบบอย่างในเรื่องกตัญญู รวมทั้งยกตัวอย่างคนที่กตัญญูแล้วประสบความสำเร็จมาเล่าสู่กันฟัง (เช่น ท่านอาจารย์จันทวรรณ gotoknow ฯลฯ)
- ส่งเสริมคนรุ่นต่อไปให้ศึกษาเล่าเรียน และพึ่งพาตัวเอง
- ถ้าจะแบ่งทรัพย์สิน > อย่าแบ่งจนหมด ให้เหลือไว้ในระดับที่ตัวเราจะอยู่รอด ปลอดภัย แบบพอเพียง
- ทำพินัยกรรม และแยกเก็บไว้หลายๆ ที่ > ทำใจให้พร้อม และเปลี่ยนพินัยกรรมทันทีถ้าคนรุ่นลูกรุ่นหลานคนใด หรือกลุ่มใดอกตัญญู
- การยกทรัพย์สินให้ลูกหลานหมดเป็นความเสี่ยงที่รุนแรงมาก และอาจจะทำลายความเจริญของลูกหลานด้วย เพราะคนที่อกตัญญูมักจะไม่เจริญ > ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือ ยกให้เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่เก็บไว้เป็นแรงจูงใจ (incentive) ทำให้ลูกหลานต้องเอาใจใส่ดูแล
- ถ้าต้องการยกทรัพย์สินให้ลูกหลาน > ควรยกเพียงบางส่วน และทำเงื่อนไขให้เรามีสิทธิเก็บกินสิทธิประโยชน์ เช่น ค่าเช่า ฯลฯ ได้จนตาย ซึ่งควรปรึกษาท่านอัยการ
คำแนะนำของท่านอัยการมีคุณค่าต่อพวกเรามาก... ขอให้พวกเราศึกษาคำแนะนำของท่านไว้ดีๆ เพราะจะช่วยลดปัญหา "โรคกำพร้าลูกหลาน" ได้ในอนาคต