พวกเราคงจะมีประสบการณ์เห็นคนสูงอายุหลังโค้งโก่งงอ หรือหกล้มกระดูกหักมาแล้วไม่มากก็น้อย วันนี้มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับแคลเซียมในอาหารไทยมาฝากครับ...
ผศ.สมเกียรติ โกศลวัฒน์และคณะ แห่งสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลทำการวิจัยเรื่อง “โครงการพัฒนาตำรับอาหารไทยที่มีแคลเซียมสูง” พบว่า
อาหารไทยก็มีแหล่งแคลเซียมดีๆ มากมายตัวอย่างที่มีแคลเซียมสูงมากได้แก่ เติมกุ้งแก้ว(กุ้งตัวเล็ก) ปลาตัวเล็กตัวน้อย(ที่กินได้ทั้งตัว) หรือปลากรอบไปใน
อาหารท่านอาจารย์สมศรี เจริญเกียรติกุล และคณะ แห่งสถาบันวิจัยโภชนาการ และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีทำการวิจัยพบว่า
ถั่วพูและตำลึงมีสารออกซาเลตและไฟเตตที่รบกวนการดูดซึมแคลเซียมต่ำ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีคล้ายๆ กับแหล่งแคลเซียมจากนมดังตาราง (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1: แสดงความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมจากแหล่งอาหารต่างๆ
แหล่งอาหาร | ร่างกายดูดซึมได้ (%) |
นม | 55.2% |
ตำลึง | 47.6% |
ถั่วพู | 39.1% |
วิธีเสริมกระดูกให้แข็งแรงได้ผลดีที่สุดถ้าได้รับสารอาหารเพียงพอ โดยเฉพาะนมไขมันต่ำ นมไม่มีไขมันหรือผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต ฯลฯ พืชผัก โดยเฉพาะตำลึงกับถั่วพู ปลาตัวเล็กตัวน้อย และสัตว์น้ำตัวเล็กตัวน้อย
การสะสมแคลเซียมในกระดูกจะได้ผลดีที่สุดถ้าสะสมไว้ก่อนอายุ 30 ปี ออกกำลังเป็นประจำ และได้รับแสงแดดอ่อน (ก่อน 9.00 น. หรือหลัง 16.30 น.)
ท่านที่กินมังสวิรัติหรือไม่ดื่มนม(และผลิตภัณฑ์นม)... ควรเสริมตำลึง ถั่วพู งาดำ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง ฯลฯ เป็นประจำ เพื่อให้ได้แคลเซียมเพียงพอทุกวัน
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพกระดูกดีไปนานๆ ครับ
ข่าวประกาศ... ข่าวประกาศ... ขอแนะนำ... แหล่งที่มา:
ไม่มีความเห็น