คำถามยอดฮิตของผู้ปกครอง ยามใกล้เวลาปิดเทอม คือ..
ปีนี้จะเปิดสอนพิเศษมั้ย จะมีโครงการช่วยรับดูแลเด็กตอนปิดเทอมหรือเปล่า..
ด้วยภาระการงาน ไม่เอื้อให้มีเวลาดูแลเด็กในวันหยุดที่แสนยาวนาน
ขณะที่เวลาปิดเทอม ก็เป็นช่วงเวลาทองของการประเมินงาน สรุปงาน
และเวลาแห่งการพัฒนาตนเองของคุณครู
ในฤดูที่อากาศร้อนอบอ้าว..หากนำเอาเด็กๆ หลายสิบคนมาคร่ำเคร่งอยู่กับตำราในห้อง
คงจะเป็นการเรียนรู้ที่หม่นหมองทั้งใจครูและเด็ก
จึงเกิดคำถาม..ทำอย่างไรจะให้เด็กเรียนรู้อย่างสนุกสนาน ครูก็ได้งาน ได้พัฒนาตน
เมื่อระดมพล..ระดมความคิด..ซักถามความต้องการของแต่ละฝ่ายในโรงเรียน
ก็ได้คำตอบ..
คุณครูยังไม่คล่องเรื่องการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
การจัดการ การวางแผน การประสานงานในการทำงานเป็นทีมยังไม่ชำนาญ
ถ้าอย่างนั้น..มาทำค่ายฤดูร้อนให้เป็นการเรียนของคุณครูกันเถอะ
เรื่องราวจึงเริ่มต้นจาก..
สำรวจขุมทรัพย์ที่มีอยู่..ทั้งแหล่งเรียนรู้..ทั้งความสามารถของครู..
ทั้งประมาณการจำนวนและวัยของเด็กที่จะมาเข้าค่าย
ซึ่งมักจะเป็นวัยประถมตั้งแต่ชั้นเล็กจนชั้นโต
สุดท้ายจึงพบว่า ทีมที่เหมาะแก่การเริ่มต้นคือกลุ่มครูผู้สอนชั้น ป.1 ถึง ป.3
ด้วยเป็นกลุ่มที่จะสามารถตรวจข้อสอบ ทำคะแนนต่างๆ ได้เสร็จก่อนเวลาเปิดค่าย
ทั้งเป็นชั้นที่เด็กเริ่มแรกเรียนและจะต่อเติมสิ่งใหม่ในปีต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
ให้ครูชั้นอื่น..ช่วยทำงานด้านอื่นๆ ทดแทน
เพราะเป็นการเริ่มงานในปีแรก..เวทีนี้จึงมีพี่เลี้ยง
นับตั้งแต่..มีทีมกำหนดแนวคิดและกิจกรรมหลักของค่าย
โดยใช้ประเด็น..ป่า..น้ำและชีวิต..เป็นเรื่องนำให้เกิดการเรียนรู้
และชี้ชวนให้ครูในทีมทำค่ายได้มองเห็นแนวทางขยายความคิดสู่การปฏิบัติ
จัดกรอบความคิดให้ชัดโดยให้เขียน mind map ของการสอนแต่ละสัปดาห์
ขยายมาสู่กิจกรรมที่มีเงื่อนไขให้ต้องเป็นการนำความรู้ใกล้ตัวมาใช้ในชีวิต
ได้ความรู้คู่ความสนุกสนาน
ทั้งยังให้วางแผนที่ต้องครอบคลุมถึงการประสานงาน การจัดการ และการประเมินผล
เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายนัก..แต่เชื่อในศักยภาพของครูและเด็ก
เรื่องราวที่จัดให้เด็กเรียนรู้ จึงร้อยเรียงตั้งแต่
การเตรียมการสำหรับวิธีการสังเกต วิธีการเรียนรู้ การอยู่ร่วมกัน
การสร้างความคุ้นเคยกันในสัปดาห์แรก
ตามต่อมาด้วย..พาไปเที่ยวป่า ศึกษาความสำคัญของป่าไม้
เหมืองฝาย และเรื่องราวของชีวิตที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับป่าและน้ำ
พาไปตามรอย..สังเกตเส้นทางของสายน้ำในชุมชน
พาไปดูผลิตผล และอาชีพ ที่ได้จากป่า
ชวนกันมาค้นคว้าเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต
ลองทำงานจักสาน ทำอาหาร ทำงานศิลปะ ดูภาพยนตร์ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ
สารพัดที่จะคิดให้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวที่กำหนด
ทั้งยังเพิ่มรสชาติด้วย กิจกรรมลีลาศ เล่นดนตรี กีฬาโปโลน้ำ
ตามด้วยภาษาอังกฤษง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
นอกจากเตรียมกิจกรรม..ยังต้องสื่อสารให้ “ใจ”ของคุณครูเชื่อมั่น
ด้วยการบอกเล่าที่มา..ความตั้งใจในการพัฒนาให้ทีมเก่งขึ้น
บอกถึงความสามารถของแต่ละคนในทีมที่ได้มองเห็น และเชื่อว่าจะทำให้งานสำเร็จ
ชี้ชวนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทีมจากบรรดาคุณครูผู้ใหญ่ทั้งหลาย
และความพร้อมในการร่วมแก้ไข ช่วยเหลือหากติดขัดในเรื่องใด
ทั้งเสริมความมั่นใจด้วยการให้ทีมงานจากแผนกอนุบาล ที่คุ้นเคยกับกิจกรรมค่าย
มาร่วมนำกิจกรรมให้ในสัปดาห์แรก
เมื่อทีมทำค่ายร่วมใจกันจัดงาน..จัดหน้าที่กันเรียบร้อย
ค่ายก็เริ่มขึ้นโดยมีกล้องวิ.ดิ.โอ.ตามติดอย่างใกล้ชิดทุกกิจกรรม...
ติดตามอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่อง ได้ที่..
ครูสร้างค่าย..เด็กสร้างครู : เตรียมการ
ครูสร้างค่าย..เด็กสร้างครู : เรียนรู้
ครูสร้างค่าย..เด็กสร้างครู : ความเปลี่ยนแปลง
ครูสร้างค่าย..เด็กสร้างครู : พัฒนาต่อเนื่อง
วิเคราะห์ "ครูสร้างค่าย..เด็กสร้างครู" : โดย คุณบางทราย(คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
สวัสดีค่ะ คุณครูพี่อึ่ง
ต้อมชื่นชอบกิจกรรมนอกห้องเรียนแบบนี้เหลือเกิน ทำให้นึกถึงตัวเองว่า..สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้อมไม่อยากเรียนหนังสือก็เพราะ ต้อมไม่ชอบการอยู่ในห้องแคบๆ ต้อมอยากไปวาดรูป เดินเล่น กลิ้งบนสนามหญ้า อยากปั้นหม้อ ปั้นโอ่ง ทำขนม ทำโน่น-ทำนี่ไปหมด (ไม่ดีเลย เรื่องไม่ยอมเรียนหนังสือนี่)
พี่อึ่งขอคุยกับน้องต้อมนะครับ
น้องต้อมครับ ปั้นตัวเองทำไมครับ
อิอิๆๆๆ
ปั้นโอ่ง
สวัสดีครับ ท่านDD_L
ในภาพเป็นต้นสะติ๊กเกอร์ เสียดายไม่ได้แนะนำ
<< คนนี้ชอบแกล้งน้องจัง พี่อึ่งคะ..ขอน้องอนุบาล 3 ไปลุยพี่คนนี้ที่วิทยาเขตกำแพงแสนได้ไหม?
ป้าแดงจ๋า..งานนี้ครูทั้งเหนื่อย..ทั้งสนุกค่ะ แต่พอปิดค่ายก็บ่นเหงาไปตามๆ กัน
อ.น้องขจิตคะ
ค่ายที่เล่าในบันทึกตอนที่ 1-3 ทำเมื่อเดือน เม.ย.50 ส่วนตอนที่ 4 ทำเมื่อ เม.ย.51 ค่ะ ปีแรกคุณครูมัวแต่พะวงกับการจัดกิจกรรมให้เด็ก ลืมถ่าย V.D.O ความคิดเห็น มีแต่ที่เขียนเป็นบันทึกไว้บ้าง มือใหม่หัดถ่าย V.D.O กันทั้งนั้น..อิ..อิ..
น้องต้อม..หารถได้ยัง..จะบรรทุกน้องไปลุยพี่ชายมิใช่เร้อ..เลี้ยงข้าวน้องดีๆ ด้วยน้า..จะได้มีแรงทุบเยอะๆ ^^
ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับกำลังใจจากครูโย่ง และ ท่าน ผอ.นะคะ
พ่อครูบาคะ
เป็นบุญที่ได้เจอครูดีๆ ค่ะ ค่ายนี้คงทำไม่สำเร็จหากคุณครูไม่เปิดใจเรียนรู้ และช่วยกันคนละไม้ละมือด้วยใจจริงๆ แบบนี้ค่ะ
ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับกำลังใจและแรงบันดาลใจค่ะ
ดีมากๆเลยค่ะ เรื่องพาเด็กไปเรียนรู้ นอกสถานที่....
เ ด็กน้อยที่บ้าน อายุ 2.7 ขวบ ยังเ ล็กไป ไปไหนไม่ได้ แต่พยายามให้มีกิจกรรมเรียนรู้อยู่ตลอดค่ะ ตอนนี้ พัก 5 วัน เป็นการหยุดของ ร.ร.ก่อนอนุบาล เลยให้ไปเล่นที่ๆเขามีให้เล่นในแนววิทยาศาสตร์ และศิลปะ เช่น วันนี้ พาเขาไปเล่นการเล่นแบบทดลองทางวิทยาศาตร์ (คราวที่แ ล้วเล่นเรื่องแม่เหล็ก) แ ละสนุกกับเ รื่องศิลปะ
ที่นี่ สอนในสิ่งที่เขาไม่ได้สอนที่บ้าน เพราะถ้าให้แม่สอน คงเจอแต่สอนเลข
บางที พ่อแม่ ไม่ได้มีความถนัด จะสอนลูกเ ล็กๆได้ทุกวิชา และเราก็อยากให้เด็กมีการพัฒนาครบทุกด้าน มีการบ้านมาด้วย เป็นเรื่อง cooking ..
ฝึกการหั่นผักด้วยมีดพลาสติก ในที่นี้ เป็นฟักทอง ตอกไข่ใส่ชาม ฝึกตีไข่ให้ฟูด้วยที่ตีไข่ นำฟักทอง ไปชุบแป้งและไข่ ใส่น้ำมันนิดหน่อยลงในกะทะ และนำฟักทองลงทอด ต้องระวังน้ำมันกระเด็น
ตอนนี้ ทำกับข้าวเป็น 3 อย่าง คือ แซนด์วิชแยม ตอกไข่และดาวไข่ กับทอดฟักทอง...โดยเฉพาะแซนด์วิช ทำบ่อยมาก หั่นเป็น 3 เำหลี่ยม อย่างสวยด้วยมีดพลาสติก ให้ทุกคนในบ้านทานด้วย
เ ราคุยกันว่า ... สมัยเราเป็นเด็กอายุ 2 ขวบครึ่งกว่านี้ เรายังทำกับข้าวอะไรไม่เป็นเลย ....สมัยนี้ เด็กได้รับการฝีก การสอนมากกว่าเดิม ...และก็ทำได้เสียด้วย...
โตๆขึ้นไป คงต้องให้ไปเข้าค่ายบ้าง เ ป็นการเ รียนรู้ที่ดีมากค่ะ
มาให้กำลังใจครับ ความหวังพึ่งในอนาคตของสังคม มีครูดีๆอย่างนี้ค่อยสบายใจครับ
พี่ศศินันท์คะ
ครอบครัวมีส่วนในการเติบโตของเด็กๆ มากทีเดียวค่ะ สังเกตได้ชัดว่า เด็กๆ ที่ทางบ้านฝึกให้ช่วยเหลือตนเอง ได้ลงมือทดลองทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็จะมั่นใจในการลองทำสิ่งใหม่ที่โรงเรียนได้มากขึ้นด้วยค่ะ
เห็นหลานค่อยๆ เติบโตแล้วชื่นใจนะคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากอาเฮียนะคะ ค่ายฤดูร้อนปีนี้ท่าทางอากาศจะร้อนจริงๆ ด้วยค่ะ แต่คุณครูก็ตื่นเต้นกับการเตรียมค่ายกันมากทีเดียว แล้วจะรายงานความก้าวหน้านะคะ