พนัส ปรีวาสนา และ จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
------------------------
“...ตั้งแต่โบราณมา มีคนบางคนมีจิตใจที่สงบ
พิจารณาเห็นจิตของตนเอง เข้าถึงความจริง หลุดพ้นจากมายาคติ
เกิดความเป็นอิสระ ประสบความงามอันเป็นทิพย์ เกิดความสุข
อันลึกล้ำ มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติทั้งหมด
เรียกว่า “ มีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน” ในตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในตัวเองนี้ มีวิธีการที่ทำให้เกิดขึ้นได้
บุคคลสามารถเรียนรู้หรือฝึกให้เกิดขึ้นได้
มีครูที่สามารถสอนให้คนอื่นสามารถเข้าถึงความจริงได้...
เมื่อครูมีวิธีการและมีผลได้จริง จึงถือว่าเป็นการศึกษาชนิดหนึ่ง
เรียกว่า “จิตตปัญญาศึกษา” หรือเรียกในชื่ออื่นๆอีกมาก
เช่น การศึกษาเพื่อการเรียนรู้,การเรียนรู้เพื่อจิตสำนึกใหม่...”
ประเวศ วะสี
สองเดือนก่อนหน้านี้ “โครงการโรงเรียนแห่งความสุข : School of happiness” ที่ทางทีมงานวิทยากรได้รับการติดต่อ ให้ช่วยเป็นผู้นำกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งราวครึ่งพัน นักศึกษากลุ่มนี้เป็นนักศึกษาที่เรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ดังนั้นพื้นฐานร่วมของผู้เข้าร่วมเวทีจึงมี “การศึกษา” เป็นบริบทร่วม
ความไม่ชัดเจนของวัตถุประสงค์ของโครงการ หากมองอีกมุมที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ผู้ออกแบบกระบวนการสามารถออกแบบได้อย่างเสรีและเขียนเป้าหมายไว้ไกลถึงคำใหญ่ๆ ว่า การก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ “Becoming more fully human” ในส่วนรายละเอียดการทำ Workshop ภายใน ๑ วันก็ต้องนั่งออกแบบกันอย่างเข้าใจ ทั้งนี้ workshop เป็นเพียงส่วนเล็กๆของกระบวนการเรียนการสอนทั้งหมดที่ผ่านมา ดังนั้นการก้าวไปสู่คำว่า “การพัฒนาสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์” จึงดูเหมือนจะคาดหวังมากเกินไปสำหรับเวลาและกระบวนการเล็กๆ
ดังนั้นสิ่งที่ผู้นำกระบวนการเรียนรู้ต้องสร้างให้เกิดขึ้นก็คือ สร้างบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การตกผลึกความคิดผ่านกระบวนการที่ออกแบบไว้ ถือว่าเป็นการรวบยอดความคิด และสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักศึกษา
Conceptual Framwork ของ Workshop ที่ทางทีมงานคิดไว้
การออกแบบกระบวนการมีทั้งการถ่ายทอดความรู้เชิงประเด็น เกี่ยวกับการพัฒนาสมอง และการสะท้อนตัวเองผ่านประสบการณ์ของตนเอง(Human experience) การพูดคุยถ่ายทอดประสบการณ์ของคุณครูปฏิบัติการ(ที่เราเชิญมาร่วมเวทีแลกเปลี่ยน) ในเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาตลอดจนกระบวนการที่ทำให้นักศึกษาเห็นคุณค่าแห่งตน (Self Esteem) ภายใต้บรรยากาศของการเรียนรู้แบบกลุ่ม รวมถึงการเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของกันและกัน (respecting human dignity) สลายบรรยากาศของวัฒนธรรมเชิงอำนาจระหว่างกันและกัน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในเวที เกิดจาก
เวที workshop "โรงเรียนแห่งความสุข"
การจัดวางลำดับเนื้อหาของการร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถือเป็นหัวใจหลักของการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยครั้งนี้มีการวางลำดับการเรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เรียบง่าย หลากรูปแบบและหลากรสชาติ หลากบรรยากาศ แต่มีพลัง มีจังหวะบีบ จังหวะคลาย และที่สำคัญคือเน้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่าน “วาทกรรมและสื่อสร้างสรรค์” ที่วิทยากรได้นำมาประกอบเป็น “บทเรียน” ดังจะเห็นได้จากการเปิดเวทีด้วยวาทกรรม “ความสุข” ซึ่งเหมือนการปักธงไว้ชัดเจนว่า “วันนี้คือความสุข” หรือ “เมื่อครูมีความสุข โรงเรียนและเด็กนักเรียนก็มีความสุข” ไปโดยปริยาย
ถัดจากนั้นก็เป็นการประเมินความคาดหวัง ยึดโยงไปสู่สาระทางวิชาการ ผ่านโยงไปสู่การแชร์ประสบการณ์ตรงจากความเป็น “ครูใน (ฤดู) ชั้นเรียน” และ “ครูนอกฤดู” ก่อนจะปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในความเป็นครู และตอกย้ำให้ผู้เรียนได้กล้าคิดที่จะนิยามความเป็นครูที่ดีงามด้วยตนเอง
กระบวนการที่เกิดขึ้นในเวทีแห่งความสุข สามารถประเมินผลเชิงประจักษ์ได้อย่างชัดแจ้งจากพฤติกรรมมีส่วนร่วมของผู้เรียน ปฏิกิริยาอันหลากหลาย เช่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การแลกเปลี่ยนแนวคิดร่วมกัน การเขียนภาพและเรื่องเล่า การสะท้อนความคาดหวังและสิ่งที่ได้รับ คือ “ความสุข” ที่ฉายเด่นและปฏิเสธไม่ได้ว่า ห้องประชุมที่ว่านั้นก็เป็น “โรงเรียนแห่งความสุข” ด้วยเช่นกัน
คณะคุรุศาสตร์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่,ทีมงานเบื้องหลัง,เพื่อนร่วมทำหน้าที่วิทยากรกระบวนการ เเละ นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพครูทุกท่าน ที่ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีงามเหล่านี้ิ ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ร่วมกัน
บันทึก โดย จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
บันทึก โดย พนัส ปรีวาสนา - แผ่นดิน
บันทึก โดย Wasawat Deemarn
ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ สำหรับบันทึกที่ถูกวิทยากร "ถอด" บทเรียนออกมาอย่างหมดจด
ไม่ว่าใครจะจัดสรรงานนี้ แต่ความสุขเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
ความทุกข์ในใจไม่สามารถทลายความสุขของงานชิ้นนี้ได้เลย
ขอบคุณ และ ขอบคุณมาก ๆ ครับ ;)
ผู้ประสานงานโครงการ
ณ มหาวิทยาลัยผลิตครูแห่งเชียงใหม่
๑๑ เมษายน ๒๕๕๔
๒๑.๒๐ น.
ครูเพื่อศิษย์ คือ ครูที่มีกระบวนทัศน์ใหม่ ครูไม่ได้มี Knowledge มากกว่าศิษย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ครูทำ ไม่ใช่ "สอน" แต่เป็นการออกแบบ "สร้างกระบวนการเรียนรู้" กับศิษย์
และเมื่อครูเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับศิษย์เรียนรู้ การพัฒนาทักษะไปสู่ครู และศิษย์ ในศตวรรษที่ 21 (21 st Century skills) ก็จะเกิดขึ้นค่าาาา ^_^
เข้ามาติดตามอ่านและขอให้กำลังใจครับ ขอบพระคุณที่นำความรู้มาสู่มวลชน
แวะมาติดตาม
มาเรียนรู้การถอดบทเรียนค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาร่วมให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม รวมถึงกำลังใจ บันทึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม "ถอดบทเรียนกลุ่ม" อันเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์โดย Gotoknow ที่ต้องการรวบรวมประเด็นที่มีผลต่อการขับเคลื่อนสังคมด้วยความรู้ สังเคราะห์เเละถอดบทเรียนออกมาเป็นชุดความรู้ ต้องขอบคุณ น้องมะปราง สุนทรี ที่เป็นผู้ประสานงานอันมีคุณค่านี้ ได้สำเร็จตามความตั้งใจ ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องครับ จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ยอมเยี่ยมมากครับ
กระบวนการเรียนรู้แบบนอกกรอบนี้สำคัญมากจริงๆนะคะ การติดกรอบวิธีคิดวิธีทำแบบที่ทำเป็นประจำอาจลดทอนความสุขคนทำงาน(ไม่ว่าจะอาชีพใด)โดยไม่รู้ตัว วิทยากรที่เข้าใจมิติแห่งจิตตปัญญาจะช่วยเปิดโลกทัศน์ มุมมองใหม่ๆ หรือรดน้ำเมล็ดพันธุ์เล็กๆที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีอยู่ในตัวอยู่แล้วให้งอกงาม ผลิบาน
ยอดเยี่ยมทั้งทีมค่ะ
สุดๆครับ เป็น Role Model ของ KM เลยครับ..
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณจตุพร
เขียนข้อเสนอแนะได้ถูกใจมากเลย เพราะการศึกษาไทยในปัจจุบันไม่เคยได้หันกลับมามองรากเหง้าของตนเองเลยว่าคืออะไร มีแต่ความฝันว่าฉันอยากจะเป็น...
ขอบคุณที่มีงานดีๆ อย่างนี้มาแบ่งปันนะคะ
ขอแจ้งแก้ไขชื่อโครงการย่อยหน่อยครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ;)...
ความเป็น “คุณธรรม จริยธรรม” (โครงการ เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมความเป็นครู) >> ขอแก้ไขเป็น (โครงการครูดี...เป็นได้ง่ายนิดเดียว)
และปิดประเด็นด้วยการจัดมหกรรมทางความคิด (โครงการการนำความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดมานำเสนอเป็นนิทรรศการ) >> ขอแก้ไขเป็น (โครงการศึกษาแลกเปลี่ยน บทเรียน บทรู้ การเป็นครูเพื่อศิษย์สู่สังคม)
แก้ไขชื่อ 2 โครงการหลังครับผม ;)...
ขอบคุณมากครับ
เป็นบันทึกที่มีคุณค่า..ในการพัฒนาคน..และเห็นคุณค่าล้นของการจัดการความรู้ครับ น้องเอก
น้องจตุพรครับ
สงกรานต์ เล่นน้ำที่ไหนค่ะ
ได้แง่คิดมุมมองดีๆมากครับ และ ขอติดตามงานโดยขอเป้นผู้ศึกษาเรียนรู้กระบวนการพัฒนาเพื่อเป็นแนวทางศึกษา ไปก่อนนะครับ
ขอบคุณครับ
งดงาม ลื่นไหล ได้ใจ เต็มความ.....จริงๆ
อ่านอนุทินแล้วกินใจไม่อยากเฉย อย่ากระไรเลยขอมาต่อไว้ที่นี้
(ไม่ได้ anti-social เเต่เห็นรายชื่อ สว.สรรหา บางคนเเล้ว เกิดอาการสงสารเมืองไทย )
"เห็นรายชื่อ สว. ส่อแวว แม่นแล้วหล่าว
คนในเค้าคนในก๊วนล้นคนในสี
ช่างสรรหามาตามโผที่นายชี้
แล้วอย่างนี้จะสอนประชาธิปไตยทำไมกัน"
เพิ่งเข้ามาอ่านงานแบบ "คู่หู"...
ในยามถอดใจทำ (เทใจให้) ผลลัพธ์ก็คือความสุข...
ทุกวันนี้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม ผมจะถามทีมงานเสมอว่า "มีความสุขมั๊ย" ถ้าเขาตอบว่า "มีความสุข" ผม็จะถามต่อว่า "อะไรล่ะ ที่ทำให้มีความสุข" เพราะนั่นคือการนำเข้าสู่การค้นหา "กระบวนการของความสุข" ไปในตัว
และนั่นก็คือ สิ่งที่ผมเรียกว่ากระบวนการของการถอดบทเรียนในสไตล์ของผมเอง
...ขอบคุณครับ...
ชื่นชมมากๆค่ะ...นับเป็นบทเรียนที่สมควรนำไปต่อยอดขยายผลต่อไปค่ะ..
..ว่างๆเชิญน้องเอกและเพื่อนๆไปให้กำลังใจเยาวชนจิตอาสาที่งานนี้นะคะ