แตงไทย
นฤมล ชื่อเล่น "แตงไทย" (สำหรับครอบครัว), "แตงอ่อน" (สำหรับเพื่อนๆ), "I tang" (สำหรับพี่ๆ ทั้งหลาย) จันทรศรี

อันเนื่องจาก ….. เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (5)


ต่อเนื่องจาก "อันเนื่องจาก ….. เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (1,2,3,4)"

      ข้าเลือกอ่านบทความต่อเนื่อง

1.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(1)
2.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(2)
3.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(3)
4.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(4)
5.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(5)
6.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(6)
7.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(7)
8.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(8)
9.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(9)
10.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(10)
11.) เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45(11)

 

วันที่สี่นี่ซิสำคัญ เพราะวันนี้ช่วงหลังมื้อเช้าก่อนเข้าปฏิบัติฯ
พี่ธรรมบริกร กวักมือเรียกแตงไปคุย
และบอกว่าวันนี้จะมีการนั่งวิปัสสนาติดต่อกัน 2 ชม.
อย่าลุกออกจากห้องปฏิบัติฯ เด็ดขาด ...

พอได้ยิน แว๊บแรกเกิดอาการสยองเกล้าเลยค่ะ ...
เพราะดันกินกาแฟดำเข้าไปด้วยซิ ถ้ามันดันเกิดอาการปวดเข้าห้องน้ำในระหว่างชั่วโมงขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ....
เอาหล่ะซิ แล้วฉันจะทำอย่างไร ... แต่ก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้าและบอกว่า ....
ได้ค่ะพี่ ....
ความตั้งใจที่จะเดินไปกินน้ำซัก 2 แก้วก่อนเข้าห้องปฏิบัติฯ เป็นอันล้มเลิก
เพราะกลัวจะมีอาการต้องเกิดลูกขึ้นมา

ทีนี้พอถึงเวลานั่ง อาจารย์ก็ให้ไปพัก 5 นาทีก่อนซิคะ
แตงก็ดันเข้าไปถามพี่ธรรมบริกรว่า ....
พี่ขา เวลานั่งสามารถเปลี่ยนอริยาบทได้มั๊ยคะ ...
ไม่ได้ค่ะ พี่เขาตอบอย่างนั้นนะ ...
และบอกเสริมอีกนิดว่า ... ให้เลือกท่านั่งที่สบายที่สุด เพื่อที่จะสามารถนั่งได้นาน 2 ชั่วโมง ถึงปวดก็ไม่ถึงตายหรอก ...นั่นคือคำตอบของพี่เขา...
ตายหล่ะซิ ... ในใจแตงคิดว่า ทีนี้ชั้นจะเป็นอย่างไร เพราะนั่งนิ่งนานถึง 1 ชั่วโมงยังไม่ได้เลย นี่ดัน 2 ชั่วโมง ชั้นจะทำอย่างไร ....
เอาหล่ะซิ ...ถ้าอย่างนั้นก็เลือกท่านั่งที่สบายที่สุดก็แล้วกัน ...
แต่ท่านั่งที่ตัวเองเลือกนั่นซิ มันทำให้บรรลุแจ้งได้ดีมาก
เพราะดันไปเลือกท่านั่งพับเพียบเรียบเปร้อย่างที่เคยบอกมาตอนต้นนั่นแหล่ะ และดันเก็บปลายเท้าด้วยนะ ....
คิดว่า เอาวะท่านั่งนี่แหล่ะเป็นท่านั่งที่ฉันชอบมากที่สุดและถนัดที่สุด

**** แต่ คุณพี่ขา ไอ้ช่วงที่อาจารย์สอนให้พิจารณาไปทีละส่วนทีละส่วนนี่ซิ ทำไมใช้เวลานานมากขนาดนี้
ไหนจะสอนเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษซ้ำอีก
... โอ๊ย...กว่าจะถึงปลายเท้าก็ปาเข้าชั่วโมงกว่า มันปวดมาก ปวดสุดๆ ปวดจนน้ำตาไหล
... ไม่เอาแล้ว .... ฉันจะเปลี่ยนท่านั่งแล้ว
... แต่มันรู้สึกเหมือนมีคนจับตามองอยู่หน่ะ
... ถ้าเปลี่ยนท่านั่งฉันจะโดนดุมั๊ยเนี่ย
... แต่เมื่อได้รับทราบมาว่า เปลี่ยนท่านั่งไม่ได้ ก็ต้องทน .... ทนจนน้ำตาไหล
... แต่พออาจารย์บอกให้พิจารณาซ้ำอีกครั้งจากหัวจรดเท้า
... ทีนี้แหล่ะพยายามสงบจิตตัวเอง .... และบอกตัวเองว่า
.... ใกล้จบแล้วนะ ทนเอาหน่อยแล้วกัน พี่เขาบอกว่าปวดขนาดไหนก็ไม่ถึงตายหรอก
... เอ้า....ทนก็ทน....
ทีนี้อาการความเจ็บปวดนั้นก็กลายเป็นอาการชาและวาบหายไปเลย ....
และเกิดอาการสุขใจเป็นอย่างมาก แต่เพียงแว๊บเดียวเท่านั้นเอง 

พอเสร็จสิ้นการนั่ง ... มันก็ทั้งดีใจและแว๊บนึงก็เสียดาย
ถ้านั่งอีกนิดก็ดีซิ ... เพราะไม่ปวดแล้ว ....
แต่ก็นั่นแหล่ะจำเป็นต้องลุกขึ้นแล้วเพราะต้องไปทานมื้อเที่ยง
...ท่านเอ๊ย ... มันปวดสุดๆ ลุกไม่ขึ้นเลย ... ต้องคลาน ... และนั่งคู้บิดอยู่นั่นแหล่ะ .... ความอายหรือ ...
มันไม่อายแล้วหล่ะ ... ก็มันปวดมากออกขนาดนั้น ....
และเห็นทุกคนเดินผ่านหน้าไปเกือบหมดห้องแล้วก็ยังลุกไม่ได้ ....
หันไปมองหน้าพี่รัดใจซึ่งเป็นพี่ธรรมบริกรที่บอกวิธีการนั่ง ...
มารู้ทีหลังว่าพี่เขาหลอกค่ะ ... แต่เป็นการหลอกที่ได้ผล เพราะลิงสมุยตัวนี้สงบลงได้ถนัดใจ
.... พี่รัดใจก็ยกหัวนิ้วโป้งให้ ... เยี่ยมมากๆ ไอ้น้อง
.... แตงก็ได้แต่ ... ขอบคุณค่ะๆ .... แต่ไอ้น้องคนนี้ของพี่ๆ กำลังจะลุกไม่ได้ซิคะพี่ 

ความรู้สึกของแตงตอนนั้นเป็นอะไรไปก็ไม่รู้
พอลุกขึ้นได้ก็เดินเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องพักตั้งนาน ...
หาสาเหตุของการร้องไห้กับตัวเองไม่ได้ ... และคิดว่าจะไม่ทานมื้อเที่ยงแล้ว ...
พอหลังจากกินอาหารแล้วแตงเดินร้องไห้กลับไปกลับมาตามทางเดินก่อนเข้าอาคารปฏิบัติรวมตั้งหลายรอบ
บอกไม่ถูกค่ะว่า ร้องไห้ทำไม เดินไปก็ถามตัวเองนะว่า
ร้องไห้ทำไม หยุดซะที แต่หยุดไม่ได้
จนพยายามที่จะไม่คิดถึงสิ่งที่แว๊บเข้ามาในใจตอนช่วงท้ายของการนั่งตอนนั้น ......
พอเข้าห้องปฏิบัติฯ ก่อนแยกกันเข้าพักแตงก็เข้าไปถามอาจารย์ว่า

สิ่งนั้นคืออะไร .....
อาจารย์บอกว่า .... คือธรรม ....

แต่แตงอยากเห็นอีกหน่ะ จะทำอย่างไร จึงจะได้เห็น และรับรู้ความรู้สึกนี้อีก ....

อาจารย์รีบบอกเลยค่ะ.....อย่าติดยึด เพราะถ้าอยากเห็นจะไม่เห็นอีก ....

และก็จริง เพราะหลังจากกลับขึ้นมานั่งต่อในภาคบ่าย
แตงพยายามนั่งเพ่งอย่างตั้งใจเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งนั้นอีก แต่ไม่เห็น
มีแต่รับรู้คลื่นความรู้สึกเหมือนกับมีกระแสคลื่นไฟฟ้าวิ่งจากหัวจรดเท้าคลุมรอบตัวเองกลับไปกลับมาตั้งหลายรอบ...

และอาจารย์ก็บอกอีกนั่นแหล่ะว่านั่นคือ ธรรม

บทความต่อเนื่อง
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (1) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (2) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (3) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (4) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (5) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (6) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (7) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (8) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิตในปี '45 (9) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิต ในปี '45 (10) (ที่นี่)
เนื่องจาก...เริ่มวิปัสสนาครั้งแรกของชีวิต ในปี '45 (11) (ที่นี่)

แนะนำบันทึกเพิ่มเติม 
หลังจากกลับจากวิปัสสนา "ธรรมกมลา" ปี ๒๕๕๒

 

หมายเลขบันทึก: 238823เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2009 18:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2014 11:33 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อิอิ สวัสดีค่ะ

แวะมากอดๆๆๆๆอีกรอบ สุขกายสบายใจนะค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ คุณน้องกล้วยแขก .... นา...kri kri

มิน่า..รู้สึกอุ่นขึ้นมาเลย

อ๋อ...ที่แท้ยังไม่ได้อาบน้ำก็เลยร้อน...kri kri

กอด .... ด ด ด ด ด ด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท