สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย
สสท. สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สันนิบาตสหกรณ์ฯ องค์กรสูงสุดของขบวนการสหกรณ์

ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง


"ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง คือผู้นำขบวนการสหกรณ์ไทยในอนาคต"

  

 

สวัสดี และยินดีต้อนรับ   "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง"  (ผนส.) ทุกรุ่น

 

       สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ (สพว.) สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) มีความยินดีและขอต้อนรับ "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง" ทุกท่านเข้าสู่อาณาจักรออนไลน์ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเห็น และการสื่อสารถึงกัน ขอให้ blog เป็นศูนย์กลางการพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของ "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง" (ผนส.) ทุกรุ่น ทุกท่าน ทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมทั้งผู้ที่สนใจและต้องการที่จะสื่อสารถึงผู้นำและถึง สพว.  ทางทีมงาน สพว. ยินดีให้บริการเต็มที่ครับ  ขอให้ได้ใช้ประโยชน์จาก blog นี้ อย่างเต็มที่  นอกเหนือจาก blog ใน
http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/295677   ผนส.1 

 

 

http://gotoknow.org/blog/leadersship/238209         ผนส.2

 

 

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/231359     ผนส.3

 

 

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/295678  ผนส.4

 

 

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/372489    ผนส.5 

      สพว. ยินดีที่จะเชื่อมโยงเครือข่ายทุกรุ่นไว้ด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้  จึงขอเชิญทุกท่านได้วิพากษ์ วิจารณาญานในการสื่อสาร และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดทั้งเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาขบวนการสหกรณ์ไทยต่อไป ขอรับกระผ้ม....

 

 

 

 

 

 

 

   

 

 

 

 

 

 Leader-5

 

 

---------------------------0----------------------------------

 

ด้วยจิตคารวะ
สพว.

 

---------------------------0----------------------------------

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วามเป็นมาและวิวัฒนาการของโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง”


จุดเริ่มต้น :
         
จากปัญหาด้านการบริหารจัดการสหกรณ์ในช่วงเวลานั้น (พ.ศ.2542) มีหลายๆ ด้าน ผู้บริหารสันนิบาตสหกรณ์ฯ นำโดยผู้อำนวยการ (ผอ.วิทย์ ประทักษ์ใจ) ในขณะนั้น ได้เล็งเห็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ “ปัญหาการขาดผู้นำในองค์กร” ที่จะต้องได้รับการจัดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สันนิบาตสหกรณ์ฯ จึงเกิดแนวคิดในการริเริ่มโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ขึ้น เป็นครั้งแรก .ในปี พ.ศ. 2546 วิวัฒนาการ : การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ ได้มีการพัฒนาเป็นลำดับ โดยแบ่งเป็นระยะ ดังนี้
          ช่วงที่ 1 (พ.ศ.2546) สันนิบาตสหกรณ์ฯ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ โดยการประสานงานของหัวหน้าสถาบันฝึกอบรมสหกรณ์ (เกรียงไกร ขำอินทร์) ริเริ่มจัดโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “พัฒนาภาวะผู้นำสหกรณ์กับความเป็นเลิศ” เป็นโครงการนำร่อง ระหว่างวันที่ 25 ก.ค.- 10 ส.ค.2546 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นที่ปรึกษาและจัดงบประมาณในการดำเนินการโครงการดังกล่าว
          ช่วงที่ 2 (พ.ศ. 2546 – 2547) เป็นช่วงดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ภาวะผู้นำสู่ความเป็นเลิศ” ในรูปแบบของการฝึกอบรม ระยะเวลาอบรม 5 วัน เน้นภาคทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์วีรอร วัดขนาด วิทยากรควบคุมหลักสูตรตลอดระยะเวลาของการฝึกอบรม ได้ดำเนินการจัด จำนวน 4 รุ่นๆ ละ 50 คน
          ช่วงที่ 3 (พ.ศ. 2548 – 2549) การดำเนินการโครงการช่วงนี้เป็นช่วงที่ดำเนินการทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเน้นภาคปฏิบัติจริงได้ขอความร่วมมือจากสถาบันพัฒนาผู้นำของมูลนิธีพลตรีจำลอง ศรีเมือง ในการนำผู้เข้าอบรมไปศึกษาและปฏิบัติอย่างจริงจัง ณ โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งดำเนินการโครงการ จำนวน 3 รุ่นๆ ละ 50 คน
          ช่วงที่ 4 (2550 – ปัจจุบัน) การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด วิธีการฝึกอบรม หลักสูตร เนื้อหาวิชา ระยะเวลา รูปแบบและวิธีการฝึกอบรม และการบริหารโครงการ ฯลฯ เนื่องจากการประเมินผลการดำเนินการโครงการในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่า จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหลายด้าน ประกอบกับเหตุผลที่ต้องการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสันนิบาตสหกรณ์ฯ ที่กำหนดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 ที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์ฯ จะต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารขั้นสูงตามที่สันนิบาตสหกรณ์ฯ กำหนด ภายใน 1 ปี หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นจุดกำเนิดโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง” โดยมี ศาสตราจารย์.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานกรรมการบริหารโครงการ มีผู้แทนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผู้แทนจากมหาวิทยาลัย อ.ยม นาคสุข และผู้อำนวยการสันนิบาตสหกรณ์ฯ เป็นกรรมการบริหารโครงการ โดยใช้รูปแบบและวิธีการเรียนรู้ตามหลัก ทฤษฎี 4 L's ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ประกอบด้วย
          L ที่ 1 คือ Learning Methodology
          L ที่ 2 คือLearning Environment ,
          L ที่ 3 คือ Learning Opportunity
          และ L ที่ 4 คือLearning Communities (ตามแนวทางการเรียนรู้ของ ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์) มีการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดทั้งกำหนดให้ผู้เข้าอบรมจะต้องนำเสนอโครงการพัฒนาสหกรณ์ (Project Proposal) คนละ 1 โครงการ การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง” ได้ดำเนินการมาแล้ว จำนวน 4 รุ่นๆ ละ 40 คน จนถึงปัจจุบันซึ่งกำลังจะดำเนินการเป็น รุ่นที่ 5 (ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม - 9 ตุลาคม 2553)

*** ปฏิทินแผนงานฝึกอบรม ประจำปี 2553 ของสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ ตาม Link นี้...

http://gotoknow.org/file/cooptraning/Action-Plan2553.pdf

 

*** ทำเนียบรายชื่อ ผนส. 1-4 ดาวน์โหลดได้ตาม link นี้...
http://gotoknow.org/file/cooptraning/Namelist-coopleaders.rar
(เมื่อดาวน์โหลดไฟล์แล้วให้Extract files)

โครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง รุ่นที่ 5 
-กำหนดการฝึกอบรมhttp://gotoknow.org/file/cooptraning/program-coopleader5.doc

-รายละเอียดโครงการ
http://gotoknow.org/file/cooptraning/Pro-ject.doc

หมายเลขบันทึก: 303990เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2009 20:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (101)

ผมแจ้ง ผนส.ทุกรุ่นผ่านทางบล็อกแล้วครับ

ผนส.ทุกท่าน (หน้าเดิมๆ) ที่แวะเข้ามาเยี่ยม

ต่อไปคงจะมีนักสหกรณ์ท่านอื่นๆ เข้ามาเยี่ยม และแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

ที่สำคัญ สพว.ได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการเปิดบล็อกนี้ให้ทราบทาง SMS โทรศัพท์มือถือ และ E-mail

สวัสดีครับ

สถาบันพิทยาลงกรณ

ยินดีด้วยสำหรับแหล่งเรียรู้แห่งใหม่

ความเป็นมาและวิวัฒนาการของโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง” โดย สถาบันพิทยาลงกรณ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ ---------------------------------------------------------- จุดเริ่มต้น : จากปัญหาด้านการบริหารจัดการสหกรณ์ในช่วงเวลานั้น (พ.ศ.2542) มีหลายๆ ด้าน ผู้บริหารสันนิบาตสหกรณ์ฯ นำโดยผู้อำนวยการ (ผอ.วิทย์ ประทักษ์ใจ) ในขณะนั้น ได้เล็งเห็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ “ปัญหาการขาดผู้นำในองค์กร” ที่จะต้องได้รับการจัดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สันนิบาตสหกรณ์ฯ จึงเกิดแนวคิดในการริเริ่มโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ขึ้น เป็นครั้งแรก .ในปี พ.ศ. 2546 วิวัฒนาการ : การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ ได้มีการพัฒนาเป็นลำดับ โดยแบ่งเป็นระยะ ดังนี้ ช่วงที่ 1 (พ.ศ.2546) สันนิบาตสหกรณ์ฯ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ โดยการประสานงานของหัวหน้าสถาบันฝึกอบรมสหกรณ์ (เกรียงไกร ขำอินทร์) ริเริ่มจัดโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “พัฒนาภาวะผู้นำสหกรณ์กับความเป็นเลิศ” เป็นโครงการนำร่อง ระหว่างวันที่ 25 ก.ค.- 10 ส.ค.2546 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นที่ปรึกษาและจัดงบประมาณในการดำเนินการโครงการดังกล่าว ช่วงที่ 2 (พ.ศ. 2546 – 2547) เป็นช่วงดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ภาวะผู้นำสู่ความเป็นเลิศ” ในรูปแบบของการฝึกอบรม ระยะเวลาอบรม 5 วัน เน้นภาคทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์วีรอร วัดขนาด วิทยากรควบคุมหลักสูตรตลอดระยะเวลาของการฝึกอบรม ได้ดำเนินการจัด จำนวน 4 รุ่นๆ ละ 50 คน ช่วงที่ 3 (พ.ศ. 2548 – 2549) การดำเนินการโครงการช่วงนี้เป็นช่วงที่ดำเนินการทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเน้นภาคปฏิบัติจริงได้ขอความร่วมมือจากสถาบันพัฒนาผู้นำของมูลนิธีพลตรีจำลอง ศรีเมือง ในการนำผู้เข้าอบรมไปศึกษาและปฏิบัติอย่างจริงจัง ณ โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งดำเนินการโครงการ จำนวน 3 รุ่นๆ ละ 50 คน ช่วงที่ 4 (2550 – ปัจจุบัน) การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด วิธีการฝึกอบรม หลักสูตร เนื้อหาวิชา ระยะเวลา รูปแบบและวิธีการฝึกอบรม และการบริหารโครงการ ฯลฯ เนื่องจากการประเมินผลการดำเนินการโครงการในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่า จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหลายด้าน ประกอบกับเหตุผลที่ต้องการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสันนิบาตสหกรณ์ฯ ที่กำหนดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 ที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์ฯ จะต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารขั้นสูงตามที่สันนิบาตสหกรณ์ฯ กำหนด ภายใน 1 ปี หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นจุดกำเนิดโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง” โดยมี ศาสตราจารย์.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานกรรมการบริหารโครงการ มีผู้แทนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผู้แทนจากมหาวิทยาลัย อ.ยม นาคสุข และผู้อำนวยการสันนิบาตสหกรณ์ฯ เป็นกรรมการบริหารโครงการ โดยใช้รูปแบบและวิธีการเรียนรู้ตามหลัก ทฤษฎี 4 L's ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ประกอบด้วย L ที่ 1 คือ Learning Methodology L ที่ 2 คือLearning Environment , L ที่ 3 คือ Learning Opportunity และ L ที่ 4 คือLearning Communities (ตามแนวทางการเรียนรู้ของ ศาสตราจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์) มีการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดทั้งกำหนดให้ผู้เข้าอบรมจะต้องนำเสนอโครงการพัฒนาสหกรณ์ (Project Proposal) คนละ 1 โครงการ การดำเนินการโครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์ หลักสูตร “ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง” ได้ดำเนินการมาแล้ว จำนวน 3 รุ่นๆ ละ 40 คน จนถึงปัจจุบันเป็นการดำเนินการโครงการฯ รุ่นที่ 4 โดย....ณรงค์ ยี่หวา

 สวัสดีครับ ผนส. ทุกท่าน และผู้สนใจ

          แวะมาให้กำลังใจครับ และขอบคุณล่วงหน้าที่ Blog นี้ จะเป็นสื่อกลางเพิ่มเติมให้กลุ่ม ผนส. และผู้สนใจเกี่ยวกับสหกรณ์

นพคุณ

ขอขอบคุณ ผนส.นพคุณ

ที่ให้กำลังใจ / แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ สพว.

ผมจะพยายามให้  ผนส.ทุกท่านปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ กรรมการบริหารฯ ได้กำหนดไว้  และทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง Win : Win  ครับ

กับคำว่า"พอ" จุดเริ่มต้นของความสุข

ผมคิดว่าอยู่ที่ การค้นหาตัวเองให้พบไม่ใช่เรื่องง่าย

บางคนใกล้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

เพราะติดอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแส อะไรก็ตาม

ผมก็เช่นกันเคยถูกชักจูงจากสังคม

จากเพื่อนให้ไปทำงานหลายๆ อย่าง แต่ไม่ว่าทำงานอะไรก็ตาม

ต้องทำด้วยความชอบ จึงจะประสบความสำเร็จ

และต้องรับผิดชอบต่องานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะเดียวกันไม่มีงานไหนราบรื่น

ไม่มีหรอกที่ต ัวเราจะไม่เครียด หรือไม่มีความทุกข์ หรือไม่หงุดหงิด

อยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด

แต่อย่าเลวลงก็เท่านั้นเอง นั่นคือการดำรง ชีวิตอยู่

จนเมื่อผมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้ไปถ่ายหนังตามสถานที่ต่างๆ

จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบทำ

งานอิสระและไม่จำเจ ไม่มีเวลาทำงานตายตัว และไม่เครียด

ทุกคนในกองถ่ายเป็นเพื่อนกันหมด

ตั้งแต่นั้นผมก็ติดอยู่กับงานแสดงมาตลอด

ซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามเราต้องทำตัวให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการเอาตัวรอด

เพราะการ เอาตัวรอดไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องกับทุกอย่าง

แต่ด้วยการรักษา และเคารพมารยาทในการอยู่ร่วมสังคมการทำงาน

กับเพื่อนร่วมงานไม่แบ่งชั้นวรรณะ

ทุกคนมีความสำคัญในการทำงานเหมือนๆ กัน

เพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

รวมทั้งการจัดระเบียบวินัยให้กับชีวิต ไม่ใช่ รับผิดชอบในการทำงานดี

แต่ไม่ดูแลตัวเอง ในเมื่อพ่อแม่ให้

ร่างกายมา ครบ32 ประการ ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องมีวินัยในตัวเอง

ไม่จำเป็นต้องสวย หล่อ หรือต้องใส่แบรนด์เนม

เพียงแค่ดูแลร่างกายให้สะอาด อยู่เสมอ

ต่อให้ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น

คนที่ทำงานหนักต้องพักผ่อนบ้าง

ไม่ใช่ทำงานจนสลบคาโต๊ะ คาเก้าอี้

หรือรอ ให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ

ขณะที่รถป้ายแดงกลับหมั่นเช็ดถูจนสี ถลอก

ทำไมจึงห่วงรถมากกว่าตัวเอง

เหมือนกับ ชีวิตได้มาฟรีก็เลยไม่ดูแล

ขอให้คิดสักนิดว่าชีวิตคนยืนยาวกว่าของใช้ เยอะ

ณ วันนี้ผมมาถึงจุดที่ตัวเองเพียงพอแล้ว

ได้ทำงานที่ชอบและได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองรัก

เสร็จงานกลับบ้านสวนที่จันทบุรี

อยู่กับความเรียบง่ายของธรรมชาติอยู่กับการปลดปล่อย

ไม่บังคับตัวเองว่าจะต้องกินอาหารเมื่อไร

นอนหรือตื่นเมื่อไร ผมกินอาหารวันละมื้อมา 8 ปี

จะกินก็ต่อเมื่อหิว และกินแค่พออิ่ม

ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ นอนหลับ

และจะตื่นเมื่อร่างกายต้องการ ไม่ได้บังคับว่าต้องตื่นเพื่ออะไร

เพราะอะไรก็ไม่หนีเราไปไหน ต้นไม้ยังรอ บ้านก็ยังรอเราอยู่

ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มาสามสิบปีไม่เคยรู้จัก ความเหงา พอคนงานกลับไป หมด

บ้านจะเงียบ ไม่มีคนอยู่ในสายตา

ผมปิดไฟ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า นอนฟังเสียง จักจั่น

แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว

นิรุตติ์ ศิริจรรยา

เพื่อประโยชน์ในการสื่อสาร /ทางเลือก ในการสื่อสารต่อกันของ ผนส.4 ครับ

E-Mail ของผนส.4

[email protected] ไมตรี กิ่งชา

[email protected] เรวัต เปี่ยมระลึก

[email protected] สมคิด มีอาหาร

[email protected] อารุณ ธุวะคำ

[email protected] รัชนี บำรุง

[email protected] ภานุรัตน์ ถนอมทรัพย์

[email protected] สมศักดิ์ อังศุโกมุทกุล

[email protected] มาลิณี บวงแก้ว

[email protected] มงคล เที่ยงอยู่

[email protected] สายสมร คุขุนทด

[email protected] ทัศนีย์ พลเยี่ยม

[email protected] รศ.ฉายศิลป์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์

[email protected] รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา

[email protected] วิศิษฎ์ โตชัย

[email protected] ศิวกร ขวัญดี

[email protected] พงศ์พันธ์ เหลืองวิไล

[email protected] สำเริง สุดศรี

[email protected] ศุภาภรณ์ ถาปนศิริ

[email protected] ชาติ ฟ้าปกาศิต

[email protected] พลตรี ดร.วีระ วงศ์สวรรค์

[email protected] ประดิษฐ หัสดี

[email protected] ก๊ก ดอนสำราญ

[email protected] บุญเลิศ ใจดี

[email protected] สมคิด ปัญญาแก้ว

[email protected] วิทยา รักษาทิพย์

[email protected] พ.ต.อ.มณฑล เงินวัฒนะ

[email protected] ปาณิสรา ชาวจีน

[email protected] อรรถพล ชุมประยูร

[email protected] ดร.มนตรี ช่วยชู

ปฏิทินแผนงานการฝึกอบรม ประจำปี 2553
ของสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ ตาม Link :

http://gotoknow.org/file/cooptraning/training-actionplan.xls

หากสนใจโครงการไหน ติดต่อ สอบถามได้ที่สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ

โทร. 0 26693254-63 ต่อ 1033,1008,
โทร/โทรสาร. 0 2241 1229, 0 2241 4839

สพว.สสท.

ภาพบรรยากาศการศึกษาดูงานของผู้นำขั้นสูงรุ่นที่ 4 ณ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 14 ตุลาคม 2552  นำโดย ศ.ดร.จิระ  หงส์ลดารมภ์  ประธานกรรมการบริหารและพัฒนาหลักสูตรพร้อมคณะผู้นำสหกรณ์จำนวน 40 คน โดยมีคุณสุชาติ  สิทธิชัยและคุณชัยวัฒน์  พัฒนาภมร  บรรยายสรุปภาพรวมบริษัทและนำเยี่ยมชมโรงงาน

Networking blogcyber team

เห็นภาพของ  ผนส.  แล้ว

ยินดีด้วยครับ (เสื้อสวย )

คาถาสำหรับผู้ที่นอนไม่ค่อยหรับ (หรับยาก)

นามมะทินเน ถาเน นามมะวิรังคะเร พุทธังรัตนนัง ธรรมังรัตนัง อมจิตติ จัดตัง มะมะ อาคัจฉายะ (แล้วใส่ชื่อของตนเองต่อท้าย)

ขอให้ทุกท่านจงหลับฝันดีนะครับ

สวัสดีครับ คุณเกรียงไกร

ผมจะนำคาถาของคุณเกรียงไกร ไปท่องนะครับ คงจะเป็นคาถาที่ดีจริงๆ

ผมจะได้นอนหลับฝันดี เห็นหน้าสวยๆ น่ารัก ของเจ้าหน้าที่สันนิบาต ที่สำคัญถ้าเห็นเลขท้าย 3 ตัวด้วยจะแจ๋วมากเลย

ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แต่จะนำไปท่องจริงๆ

สวัสดีค่ะ ชาวสถาบันฯ

ฝากเล็กๆนะคะ ผนส จากโคราชไปต้อนรับ ผนส.4 ไม่มีการแนะนำและไม่กล้าเข้าไปถ่ายรูปด้วย เขินเล็กน้อย

แต่อยากไปต้อนรับรุ่นน้องด้วยความเต็มใจ ถามความเห็นรุ่นอื่นควรมีส่วนร่วมในภาพหมู่ด้วยหรือไม่ ต่อไปการต้อนรับของรุ่นพี่

เจ้าหน้าที่สันนิบาตฯ ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ เพื่อเป็นแนวทางต่อไป

ได้มีโอกาสไปจัดการฝึกอบรมที่เชียงใหม่ ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักสหกรณ์หลายท่าน /วิทยากร /ผู้จัดการ

จึงทราบว่า สหกรณ์ภาคการเกษตร มีปัญหากับกรมธนารักษ์ เกี่ยวกับการเก็บภาษีฯ (ที่ราชพัสดุ) เช่น สหกรณ์การเกษตรเมืองลำพูน สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง สหกรณ์การเกษตรแม่จัน และสหกรณ์นิคมสันทราย

เรื่องราวดังกล่าว สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ (สพว.) ได้ส่งเอกสาร /ข้อมูลเบื้องต้นให้ นิติกรดำเนินการเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปแล้วครับ

ต้องขออภัยคุณพี่ ธญา เป็นอย่างสูง

ที่ให้เกียรติฝากข้อเสนอแนะมายังทีมงาน สพว.

ผมยินดีรับไว้ และจะแจ้งข่าวนี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ

เรียน ผนส.4 ทุกท่านครับ โครงการที่ทุกท่านลงทะเบียนไว้แล้ว ดำเนินการไปบ้างหรือไม่ หากทำแล้วเสร็จ ขอความกรุณาส่งไปที่ [email protected] ส่วน ผนส.ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถแจ้งความประสงค์ได้เช่นกันครับ สุดท้าย กฝอ.ครั้งที่ 5 (30-31 ต.ค) ขอความกรุณาให้แต่ละกลุ่มนำเสนองานที่อาจารย์มอบไว้ก่อนไปศึกษาดูงานในประเทศ (4 กลุ่ม)

ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินคดีแพ่ง ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม คดีแพ่ง คือ คดีที่มีการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายแพ่ง ซึ่งหมายถึง การกระทำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งกระทบกระเทือนหรือละเมิดต่อสิทธิที่พึงมีพึงได้ตามกฎหมายของบุคคลอื่น สิทธินี้มิได้หมายถึงสิทธิในทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมถึงสิทธิอื่นๆ ด้วย เช่น สิทธิในชีวิตร่างกาย สิทธิในครอบครัว หรือสิทธิในเกียรติยศ ชื่อเสียง เช่น การฟ้องให้ผู้กู้ชำระเงินตามสัญญากู้ หรือการฟ้องเรียกให้ผู้ละเมิดชดใช้ค่าเสียหาย เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของการฟ้องมุ่งให้จำเลยชำระเงิน มิใช่มุ่งที่จะให้จำเลยต้องถูกลงโทษจำคุกดังเช่นคดีอาญา คดีประเภทที่มีการโต้แย้งสิทธิและต้องฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยนั้นเรียกว่า"คดีมีข้อพิพาท” คดีแพ่ง นอกจากจะเป็นเรื่องพิพาทกันดังกล่าวแล้ว อาจเป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้บุคคลใช้สิทธิทางศาลเพื่อรับรองคุ้มครองสิทธิของตน ซึ่งหมายถึงกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การกระทำบางอย่างต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับการรับรองจากศาลก่อน เช่น การขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย การขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ การขอทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ การขอให้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ เสมือนไร้ความสามารถหรือสาบสูญ การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือการขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งถือเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเพราะผู้ขอไม่ต้องฟ้องใครเป็นจำเลย เพียงแต่ยื่นคำร้องขอต่อศาลเท่านั้นและศาลจะนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง จึงเรียกว่าเป็น "คดีที่ไม่มีข้อพิพาท" เป็นต้น ฟ้องคดีแพ่งที่ศาลใด ให้พิจารณาดังนี้ ๑. ดูประเภทของคดีก่อนว่าอยู่ในอำนาจของศาลใด ๒. ดูทุนทรัพย์ของคดีว่าอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดหรือศาลแขวง คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัด ศาลจังหวัดมีอำนาจทั่วไปที่จะชำระคดีได้ทุกประเภท ในส่วนของคดีแพ่งมีเงื่อนไขดังนี้ ๑. คดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่พิพาทเกินกว่า ๓๐๐,๐๐๐ บาท ๒. คดีที่ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เช่น การฟ้องขับไล่ ๓. คดีที่ไม่มีข้อพิพาท เช่น คดีขอเป็นผู้จัดการมรดก คดีขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครอง คดีขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ เป็นต้น คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง ศาลแขวงมีอำนาจชำระคดีเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในอำนาจของพิพากษาคนเดียว ในส่วนของคดีแพ่ง เป็นคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท การเตรียมเอกสารในการฟ้องคดีแพ่ง เอกสารที่ต้องจัดเตรียม เช่น ๑. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับมูลหนี้ เช่น หนังสือสัญญา หนังสือบอกกล่าวทวงถาม ๒. หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่มอบให้ผู้อื่นกระทำการแทน ๓. รายละเอียดในการคำนวณยอดหนี้ ๔. ใบแต่งทนายความ ๕. บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์ ๖. สำเนาทะเบียนบ้านหรือแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของจำเลย ไม่ควรเกิน ๑ เดือน (จากฐานข้อมูลการทะเบียน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย) ๗. หนังสือรับรองนิติบุคคล (จากสำนักงานหุ้นส่วนบริษัท กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์) ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแพ่ง (ดูตารางท้ายเอกสารประกอบด้วย) ๑. ค่าขึ้นศาล คดีที่มีทุนทรัพย์ ได้แก่ คดีที่โจทก์เรียกร้องโดยมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เช่น คดีที่มีคำขอเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินซึ่งยังมิได้เป็นของตนจากผู้อื่นมาเป็นของตน โดยจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์ที่เรียกร้องนั้นถือเป็นทุนทรัพย์ สำหรับค่าขึ้นศาลในคดีที่มีทุนทรัพย์โจทก์ต้องเสียอัตราร้อยละ ๒ บาท ของจำนวนทุนทรัพย์ แต่ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท คดีไม่มีทุนทรัพย์ คือ คดีที่โจทก์มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เช่น ขอให้บังคับจำเลยให้กระทำการหรือละเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้อ้างหรือเรียกร้องเป็นจำนวนเงินหรือทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่ง สำหรับค่าขึ้นศาลในคดีไม่มีทุนทรัพย์โจทก์ต้องเสียเรื่องละ ๒๐๐ บาท ในกรณีเป็นคดีมีทุนทรัพย์กับไม่มีทุนทรัพย์รวมอยู่ในคดีเดียวกัน ให้คิดค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ ๒ บาท ของจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง โดยเป็นเงินอย่างต่ำ ๒๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท อุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๗ หรือ ๒๒๘ เสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ ๒๐๐ บาท ค่าขึ้นศาลในอนาคต (เกี่ยวกับค่าเช่า ดอกเบี้ย ค่าเสียหาย) เช่นถ้าไม่ได้ขอดอกเบี้ยก่อนฟ้อง แต่ขอดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จ ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคตอีก ๑๐๐ บาท ค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้น ตามปกติศาลจะคำนวณค่าขึ้นศาลเมื่อโจทก์ยื่นฟ้อง แต่ถ้าต่อมามีการแก้ไขคำฟ้องหรือมีเหตุประการอื่นอันทำให้จำนวนทุนทรัพย์เพิ่มขึ้น โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เพิ่มนั้น ๒. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในคดีแพ่ง คำร้อง ๒๐ บาท คำขอ ๑๐ บาท คำแถลง - บาท ใบแต่งทนาย ๒๐ บาท - ค่าอ้างเอกสารเป็นพยานฉบับละ ๕ บาท สูงสุดไม่เกิน ๒๐๐ บาท - ค่ารับรองสำเนาเอกสาร โดยผู้อำนวยการสำนักงานศาล ๒๐ บาท - ค่าใบสำคัญแสดงว่าคดีถึงที่สุด๑๕บาท ๓. ค่าใช้จ่ายอื่น ในการดำเนินคดีแพ่ง คู่ความอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่าส่งหมาย ค่าทำแผนที่พิพาท ค่าป่วยการ และค่าพาหนะพยาน ค่าตรวจเอกสารโดยผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล กรณีที่โจทก์หรือจำเลยเป็นคนยากจน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล โจทก์หรือจำเลยอาจยื่นคำร้องขออนุญาตยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลได้ เรียกว่าการฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถา ซึ่งขอได้ทุกระดับชั้นศาล ผู้ขอจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมกับคำฟ้อง คำฟ้องอุทธรณ์ คำฟ้องฎีกา หรือคำให้การ และสาบานตัวต่อเจ้าหน้าที่ศาลว่า ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลจะบันทึกถ้อยคำสาบานเอาไว้ ศาลจะฟังคู่ความทุกฝ่ายโดยไต่สวนก่อนพิจารณาสั่ง ถ้าศาลอนุญาตให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาทั้งหมด ผู้นั้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งรวมถึงเงินวางศาล อันได้แก่เงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่ฝ่ายชนะคดีในศาลล่าง สำหรับการยื่นฟ้องอุทธรณ์ หรือฎีกา แต่ถ้าศาลอนุญาตให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาเพียงบางส่วน ผู้นั้นจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเฉพาะส่วนที่ศาลสั่งยกเว้นให้ กรณีจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ หมายถึง กรณีที่จำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาล และจำเลยมิได้ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ซึ่งตามกฎหมายจะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การทันที อย่างไรก็ตาม แม้จำเลยจะขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การแล้ว แต่ก็ยังอาจขาดนัดยื่นคำให้การได้ ถ้าศาลไม่อนุญาตขยายระยะเวลาให้ยื่นคำให้การ เนื่องจากไม่มีเหตุผลสมควร การขาดนัดยื่นคำให้การจะมีได้เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่านั้น ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาไม่มีการยื่นคำให้การ ทางแก้สำหรับจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การ - กรณีจำเลยมาศาลก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี ให้จำเลยแจ้งต่อศาลว่าประสงค์จะสู้คดี และขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ดังนี้ หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จากนั้นศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่เวลาที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยสามารถแจ้งต่อศาลว่าประสงค์จะสู้คดีเป็นหนังสือหรือแจ้งด้วยวาจาก็ได้ โดยจำเลยอาจมาศาลด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่น หรือแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการแทนก็ได้ การขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ศาลต้องสอบถามฝ่ายโจทก์ก่อน หรือหากจำเลยยื่นคำขอเป็นหนังสือ ก็ต้องส่งสำเนาคำขอให้โจทก์ เพื่อให้โอกาสโจทก์คัดค้าน จากนั้นศาลจะพิจารณาสั่งตามรูปคดีไป - กรณีที่จำเลยมาศาลก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี แต่จำเลยมิได้แจ้งต่อศาลว่าประสงค์จะสู้คดี หรือศาลไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ดังนี้จำเลยมีสิทธิถามค้านพยานโจทก์ที่อยู่ระหว่างการสืบพยานได้ แต่จำเลยไม่มีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบ ข้อควรระวัง กรณีที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายหรือศาลกำหนด โจทก์มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี เพราะเหตุจำเลยขาดนัดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันสิ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลย มิฉะนั้น ศาลอาจมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ได้ ผลของการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ๑. จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล หรือพยานเอกสาร ๒. จำเลยมีสิทธิถามค้านพยานโจทก์ได้ การขาดนัดพิจารณา การขาดนัดพิจารณา คือ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาล (ไม่ว่าจะเป็นตัวความหรือผู้มีสิทธิทำการแทนตัวความ เช่น ผู้รับมอบอำนาจและทนายความ) ในวันสืบพยานและไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา พยานหลักฐาน ๑. พยานบุคคล หมายถึง บุคคลที่ไปเบิกความให้ข้อเท็จจริงต่อศาล ๒. พยานเอกสาร หมายถึง กระดาษ หรือวัตถุใดๆ ที่ปรากฏตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายซึ่งเป็นการสื่อความหมายนั้นๆ เช่น สัญญากู้ โฉนดที่ดิน ๓. พยานวัตถุ หมายถึง วัตถุสิ่งของหรือสัตว์ที่นำมาให้ศาลตรวจ ๔. พยานผู้เชี่ยวชาญ หมายถึง พยานที่มาเบิกความให้ความเห็นต่อศาล ในฐานะเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษในวิชาการบางอย่าง การอ้างพยานเอกสาร ๑. การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้น ศาลรับฟังเฉพาะต้นฉบับของเอกสาร เว้นแต่ ๑. คู่ความทุกฝ่ายตกลงกันว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้อง ๒. หาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ ศาลจะอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้ ๓. ต้นฉบับเอกสารอยู่ในความครอบครองของทางราชการ หากมีสำเนาหรือข้อความที่คัดจากเอกสารโดยที่ทางราชการรับรองถูกต้อง ก็ใช้อ้างอิงเป็นพยานได้ ๒. ฝ่ายที่อ้างเอกสาร ต้องส่งสำเนาเอกสารให้ศาลและคู่ความฝ่ายอื่นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๗ วัน ๓. ฝ่ายที่อ้างเอกสาร ต้องเสียค่าอ้างเอกสารเป็นพยานในศาลชั้นต้นฉบับละ ๕ บาท แต่สูงสุดไม่เกิน ๒๐๐ บาท คำพิพากษาของศาล คำพิพากษาของศาลกฎหมายกำหนดให้ทำเป็นหนังสือแสดงคำวินิจฉัยของศาลในประเด็นแห่งคดีและเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยนั้น รวมทั้งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมด้วย ย่อหน้าสุดท้ายของคำพิพากษา จะบอกผลของข้อวินิจฉัย เช่น "พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาท" หรือ "พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ" การอ่านผลของคดีจากคำพิพากษาชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา มีถ้อยคำที่ควรทราบคือ “ยืน” หมายถึง เห็นด้วยกับศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ทั้งหมด “ยก” หมายถึง ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกายกอุทธรณ์หรือฎีกาของคู่ความ เช่น กรณีต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ฎีกา หรือยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี “กลับ” หมายถึง ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ทั้งหมด “แก้” หมายถึง เห็นด้วยบางส่วน ไม่เห็นด้วยบางส่วน เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ศาลจะมีคำสั่งให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาปฏิบัติตามคำพิพากษา และกำหนดวิธีปฏิบัติไว้ เรียกว่า "คำบังคับ" ศาลมีหน้าที่ออกคำบังคับแก้ผู้แพ้คดีโดยผู้ชนะคดีไม่ต้องร้องขอ หากผู้แพ้คดีมาฟังคำพิพากษาศาลจะออกคำบังคับให้ผู้แพ้คดีลงลายมือชื่อทราบคำบังคับโดยอาจเขียนคำบังคับไว้ที่หน้าสำนวน หากผู้แพ้คดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลจะออกคำบังคับและให้เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้ผู้แพ้คดีทราบในภายหลัง การพิพากษาตามยอม เมื่อฟ้องคดีต่อศาลแล้วคู่ความอาจตกลงกันและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ โดยมีวิธีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ๒ วิธี คือ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล ซึ่งเป็นการทำสัญญากันเองไม่ผ่านกระบวนพิจารณาของศาล กับการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล ซึ่งเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามขั้นตอนและกระบวนการของศาล ถ้าเป็นการตกลงประนีประนอมยอมความกันนอกศาลต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ และขั้นตอนทางศาลคือโจทก์ต้องมาขอถอนฟ้องโดยอ้างว่าตกลงกันได้แล้วซึ่งศาลจะอนุญาตให้ถอนฟ้อง คดีก็เป็นอันเสร็จกันไป หากภายหลังฝ่ายใดไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาก็ต้องฟ้องร้องต่อศาลขอบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดีใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนการตกลงประนีประนอมยอมความกันในศาลเป็นเรื่องที่คู่ความตกลงกันได้แล้วขอให้ศาลบันทึกข้อตกลงในแบบพิมพ์สัญญาของศาลหรือคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเอง แล้วขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งย่อมขอให้ศาลบังคับคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องฟ้องคดีใหม่ ในช่วงคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ถ้าคู่ความตกลงกันได้ก็อาจทำสัญญาประนีประนอมกันยอมความในศาลกันได้ ถ้าศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงไม่ขัดต่อกฎหมายก็จะพิพากษาตามยอมให้ การอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษา ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว คู่ความที่ไม่พอใจ อาจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ หรือ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว คู่ความที่ไม่พอใจอาจฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ ข้อโต้แย้งที่คู่ความหยิบยกขึ้นอาจแยกเป็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง โดยหลักถ้าเป็นข้อกฎหมายจะไม่มีข้อห้ามในการอุทธรณ์ฎีกา แต่กฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงดังนี้ คดีที่จะอุทธรณ์ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงได้ ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในแต่ละชั้นศาลต้องเกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท (กรณีอุทธรณ์) หรือเกินกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท (กรณีฎีกา) ถ้าจำนวนทุนทรัพย์ ๕๐,๐๐๐ บาท หรือ ๒๐๐,๐๐๐ บาทพอดี หรือต่ำกว่านั้น มีข้อยกเว้นให้อุทธรณ์ฎีกาได้ โดยต้องให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณารับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์หรือฎีกา หรือได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรืออธิบดีผู้พิพากษาภาค (กรณีอุทธรณ์) หรืออธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ (กรณีฎีกา) คดีที่เกี่ยวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคล หรือสิทธิในครอบครัว หรือคดีฟ้องขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ (หรือที่เรียกว่าคดีไม่มีทุนทรัพย์) สามารถอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ยกเว้นคดีฟ้องขับไล่ซึ่งถือเป็นคดีฟ้องปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ หากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ ๔,๐๐๐ บาท (กรณีอุทธรณ์) หรือไม่เกินเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท (กรณีฎีกา) ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริง ระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกา คู่ความจะต้องยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด ๑ เดือน นับแต่วันที่ได้อ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วแต่กรณี การบังคับคดี การบังคับคดี หมายถึง วิธีการที่คู่ความผู้ชนะคดีจะดำเนินการเอาแก่ผู้แพ้คดีเพื่อให้ได้ผลตามคำพิพากษา เนื่องจากฝ่ายแพ้คดีไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยได้ทราบคำบังคับและระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้เพื่อการปฏิบัติตามคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจที่จะดำเนินการขอให้ศาลบังคับคดีได้ คู่ความฝ่ายชนะคดีอาจร้องขอให้มีการบังคับคดีได้นับแต่วันศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง โดยการบังคับคดีไม่จำเป็นจะต้องรอจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เมื่อศาลพิพากษาแล้วแม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษา แต่หากศาลมิได้มีคำสั่งสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ก็ย่อมดำเนินการบังคับคดีได้ อย่างไรก็ตาม คู่ความฝ่ายชนะคดีจะต้องร้องขอให้มีการบังคับคดีภายใน ๑๐ ปี นับแต่วันศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด แต่ถ้าผู้ชนะคดีไม่ร้องขอให้ศาลบังคับคดีภายใน ๑๐ ปี การบังคับคดีก็ย่อมสิ้นสุดลง วิธีการออกหมายบังคับคดี เมื่อได้มีการส่งคำบังคับให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา และระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ล่วงพ้นแล้ว แต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษายังขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นที่ได้พิจารณาและพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี หรืออีกนัยหนึ่งคือขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อดำเนินการบังคับคดี เช่น ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วนำออกมาขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การฟ้องคดีมโนสาเร่และคดีไม่มีข้อยุ่งยากด้วยตนเอง คดีมโนสาเร่ คดีมโนสาเร่ ได้แก่ ๑. คดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ๒. คดีฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์ที่มีค่าเช่า หรืออาจให้เช่าได้ในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท วิธีการฟ้องและขั้นตอนการดำเนินคดี การฟ้องคดีมโนสาเร่ทุกเรื่องเสียค่าขึ้นศาลเพียง ๒๐๐ บาท ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆ ยังคงต้อเสียเหมือนคดีแพ่งทั่วไป เช่น ค่าคำร้อง คำขอ ค่าส่งประเด็น เป็นต้น วิธีการฟ้องคดีมโนสาเร่ โจทก์อาจยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือ หรือมาแถลงข้อหาต่อศาลด้วยวาจา (ฟ้องด้วยวาจา) ก็ได้ หลังจากศาลรับฟ้อง ศาลจะกำหนดวันนัดพิจารณาโดยเร็ว โดยในหมายเรียกต้องระบุประเด็นในคดี เช่น โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องกู้ยืมให้จำเลยชำระเงินกู้คืนโจทก์สี่หมืนบาท เป็นต้น หมายเรียกจะมีข้อความให้จำเลยมาศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานในวันเดียวกัน และให้โจทก์มาศาลในวันนัดด้วย หากจำเลยไม่ยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้ดำเนินคดีต่อไป โดยถือว่าจำเลยขาดยื่นนัดคำให้การ กรณีโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยมิได้ขอเลื่อนคดี หรือเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาล ศาลถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ดำเนินคดีต่อไป และจำหน่ายคดีจากสารบบความได้ คดีมโนสาเร่ ศาลจะเลื่อนคดีได้เฉพาะเมื่อมีเหตุจำเป็นและเลื่อนได้ครั้งละไม่เกิน ๗ วัน ในการสืบพยาน ศาลจะเป็นผู้ซักถามพยานก่อน แล้วจึงให้ตัวความหรือทนายความซักถามเพิ่มเติม การบันทึกคำเบิกความพยาน ศาลจะบันทึกข้อความโดยย่อก็ได้ การดำเนินคดีมโนสาเร่ด้วยตนเอง ๑. เตรียมหลักฐานให้พร้อม ได้แก่ ๑.๑ บัตรประจำตัวประชาชน/สำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์พร้อมสำเนา ๑.๒ หนังสือรับรองจดทะเบียนของสหกรณ์ พร้อมสำเนา ๑.๓ สำเนาทะเบียนบ้านของจำเลย พร้อมสำเนา ๑.๔ หนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท (ไม่เกิน ๑ เดือน) กรณีนิติบุคคลถูกฟ้องเป็นจำเลย พร้อมสำเนา ๑.๕ หลักฐานในการดำเนินคดี - คดีกู้ยืม/ค้ำประกัน ได้แก่ สัญญากู้/ค้ำประกัน - คดีผิดสัญญา ได้แก่ สัญญาหรือบันทึกข้อตกลง - คดีละเมิด ได้แก่ บันทึกประจำวันของเจ้าพนักงานตำรวจ - คดีตั๋วเงิน ได้แก่ เช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ๒. ติดต่อนิติกรประจำศาล เพื่อบันทึกคำฟ้องด้วยวาจา ตามแบบ ม. ๑ (ส่วนฟ้องแย้งด้วยวาจาใช้แบบ ม. ๒) ๓. ยื่นบันทึกคำฟ้องพร้อมเอกสารหลักฐาน ชำระเงินค่าธรรมเนียมต่อเจ้าหน้าที่งานรับฟ้อง และกำหนดวันนัดกับเจ้าหน้าที่ศาล ๔. ศาลมีหมายเรียกจำเลยมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ยโดยกำหนดวันนัดพิจารณา ประมาณ ๓๐ วัน (จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาล) หรือ ๔๕ วัน (กรณีจำเลยมีภูมิลำเนานอกเขตศาล) โดยโจทก์ต้องมาศาลในวันนัดทุกครั้ง ๕. กรณีโจทก์จำเลยมาศาลในวันนัด ศาลจะเรียกไกล่เกลี่ยก่อน หากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จศาลจึงพิจาณาคดีต่อไป โดยโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบ ๖. กรณีจำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา ศาลจะถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และหากจำเลยมิได้ยื่นคำให้การไว้ก่อนด้วยแล้ว ศาลจะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โดยศาลจะสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีทันที และศาลจะออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน ๑๕ วัน โดยโจทก์ไม่ต้องขอ ๗. กรณีจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับภายในกำหนด (๑๕ วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ หรือ ๓๐ วันกรณีปิดหมาย) โจทก์จะขอให้ศาลออกหมายต้องบังคับคดีต่อไป คดีไม่มีข้อยุ่งยาก คดีไม่มีข้อยุ่งยาก ได้แก่ ๑. คดีฟ้องขอให้ชำระเงินจำนวนแน่นอนตามตั๋วเงิน ซึ่งการรับรองหรือการชำระเงินตามตั๋วเงินถูกปฏิเสธ ๒. คดีฟ้องขอให้ชำระเงินจำนวนแน่นอนตามหนังสือสัญญา ซึ่งปรากฏว่า เป็นสัญญาอันแท้จริง มีความสมบูรณ์และบังคับได้ตามกฎหมาย วิธีการฟ้องและขั้นตอนการดำเนินคดี คดีไม่มีข้อยุ่งยากนั้น จะยื่นฟ้องและเสียค่าขึ้นศาลเหมือนคดีแพ่งทั่วไป หากศาลเห็นว่าคดีที่ฟ้องเป็นคดีที่ไม่มีข้อยุ่งยาก ศาลจะมีคำสั่งให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่มาใช้และออกหมายเรียกไปยังจำเลย แสดงจำนวนเงินที่เรียกร้อง และเหตุแห่งการเรียกร้อง และให้จำเลยมาศาลและให้การในวันที่กำหนด ถ้าจำเลยมาศาล ศาลจะจดคำแถลงของจำเลยลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ถ้าศาลพิจารณาคำแถลงและคำให้การของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุต่อสู้คดี ศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีโดยเร็ว ถ้าจำเลยมีคู่ต่อสู้อันสมควร ศาลจะพิจารณาโดยไม่ชักช้า และฟังพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายก่อนพิพากษา ถ้าจำเลยได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาลตามกำหนด ศาลจะสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วศาลจะพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวและพิพากษาคดีโดยเร็ว ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) ลักษณะของคดี ทุนทรัพย์ อัตรา หมายเหตุ (๑) คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ให้คิดค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ดังต่อไปนี้ ค่าธรรมเนียมตาม(ก) (ข) และ (ค)ถ้ารวมแล้วมีเศษไม่ถึงหนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง (ก) คำฟ้องนอกจากที่ระบุไว้ใน (ข) และ (ค) ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ร้อยละ ๒ แต่ไม่เกินสองแสนบาท ส่วนที่เกินห้าสิบล้านบาทขึ้นไป ร้อยละ ๐.๑ (ข) คำร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเทศหรือคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเทศ ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ร้อยละ ๐.๕ ของจำนวนที่ร้องขอให้ศาลบังคับแต่ไม่เกินห้าหมื่นบาท ส่วนที่เกินห้าสิบล้านบาทขึ้นไป ร้อยละ ๐.๑ คำร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศหรือคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ร้อยละ ๑ ของจำนวนที่ร้องขอให้ศาลบังคับแต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท ส่วนที่เกินห้าสิบล้านบาทขึ้นไป ร้อยละ ๐.๑ (ค) คำฟ้องขอให้บังคับจำนอง หรือบังคับเอาทรัพย์สินจำนองหลุด ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ร้อยละ ๑ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้องแต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท ส่วนที่เกินห้าสิบล้านบาทขึ้นไป ร้อยละ ๐.๑ (๒) คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ (ก) คดีทั่วไปรวมทั้งคดีไม่มีข้อพิพาท เรื่องละ ๒๐๐ บาท (ข) อุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งตามมาตรา ๒๒๗ หรือมาตรา ๒๒๘ (๒) และ (๓) เรื่องละ ๒๐๐ บาท การอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งตามมาตรา ๒๒๘ (๑) ไม่เรียกเก็บค่าขึ้นศาล (๓) คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย ให้คิดค่าขึ้นศาลตามอัตราใน (๑) แต่ไม่ให้น้อยกว่าอัตราใน (๒) (ก) หรือ (ข)แล้วแต่กรณี (๔) คดีที่ขอให้ชำระค่าเสียหาย ค่าอุปการะเลี้ยงดู หรือค่าเลี้ยงชีพก็ดี เงินปี เงินเดือน เงินเบี้ยบำนาญ ค่าบำรุงรักษา หรือเงินอื่น ๆ ก็ดี บรรดาที่ให้จ่ายมีกำหนดเป็นระยะเวลาในอนาคตนอกจากดอกเบี้ยค่าเช่า หรือค่าเสียหายที่ศาลมีอำนาจพิพากษาหรือสั่งตามมาตรา ๑๔๒ อยู่แล้ว ถ้าคดีนั้นมีคำขอให้ชำระหนี้ในเวลาปัจจุบัน หรือมีคำขอในข้อก่อน ๆ รวมอยู่ด้วยให้คิดค่าขึ้นศาลสำหรับคำขอในข้อนี้เป็นอีกส่วนหนึ่ง ๑๐๐ บาท ตาราง ๒ ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ) ลักษณะแห่ง กระบวนพิจารณา ศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ชำระเมื่อใด (๑) ค่าคำร้องขอตามมาตรา ๑๐๑ ในกรณีที่ยังไม่มีคดีอยู่ในศาล - ๑๐๐ บาท เมื่อยื่นคำร้องขอ (๒) ค่ารับรองสำเนาเอกสารต่าง ๆ โดยหัวหน้าสำนักงานประจำศาลยุติธรรมหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้รับรอง ฉบับละ ๕๐ บาท ๕๐ บาท เมื่อยื่นคำร้อง (๓) ใบสำคัญเพื่อแสดงว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว ฉบับละ ๕๐ บาท ๕๐ บาท เมื่อยื่นคำร้อง ตาราง ๓ ค่าสืบพยานหลักฐานนอกศาล ในกรณีที่มีการสืบพยานหลักฐานนอกศาล ให้คิดค่าป่วยการให้ผู้พิพากษาในอัตราต่อคนวันละสามร้อยบาท และให้คิดค่าป่วยการให้เจ้าพนักงานศาลในอัตราต่อคนวันละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท โดยให้ชำระเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาต ในคดีที่มีการรวมการพิจารณา ให้คิดค่าป่วยการโดยถือว่าเป็นคดีเดียว ในกรณีที่มีคู่ความหลายฝ่ายหรือหลายคนเป็นผู้ขอ ให้เฉลี่ยกันชำระค่าป่วยการในอัตราตามวรรคหนึ่งคนละส่วนเท่า ๆ กัน ในกรณีจำเป็น ศาลอาจสั่งให้คู่ความฝ่ายที่ขอหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือหลายฝ่ายเป็นผู้จัดการหาพาหนะ ถ้าไม่จัดพาหนะมาให้ จะต้องชดใช้ค่าพาหนะที่เสียไปตามสมควร ตาราง ๔ ค่าป่วยการ ค่าพาหนะ และค่าเช่าที่พักของพยาน กับค่ารังวัดทำแผนที่ (๑) ให้ศาลกำหนดค่าป่วยการพยานตามรายได้และฐานะของพยานซึ่งมาศาลตามหมายเรียกแต่ไม่ให้เกินวันละสี่ร้อยบาท กับค่าพาหนะเดินทางและค่าเช่าที่พักของพยานที่เสียไปด้วยตามสมควร (๒) ในกรณีที่ศาลสั่งให้รังวัดทำแผนที่ (ก) โดยเจ้าพนักงานศาล ให้ศาลกำหนดค่าป่วยการให้แก่เจ้าพนักงานศาลในอัตราต่อคนวันละสองร้อยบาท กับค่าพาหนะเดินทางและค่าเช่าที่พักของเจ้าพนักงานศาลที่เสียไปตามสมควร (ข) โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ให้ศาลกำหนดค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบของส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้นถ้าส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้นไม่มีระเบียบดังกล่าวให้คิดตามอัตรา (ก) ตาราง ๕ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ค่าธรรมเนียม จำนวน หมายเหตุ ๑. ขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัด ร้อยละ ๓ ของจำนวนเงินที่ขายหรือจำหน่ายได้ ทั้งนี้ ต้องเสียค่าประกาศและค่าใช้สอยต่างหาก ๒. จ่ายเงินที่ยึดหรืออายัดแก่เจ้าหนี้ ร้อยละ ๒ ของจำนวนเงินที่ยึดหรืออายัด ๓. เมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ร้อยละ ๒ ของราคาทรัพย์สินที่ยึด ส่วนการคํานวณราคาทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดเพื่อเสียค่าธรรมเนียมตามหมายเลข ๓ และ ๔ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้กำหนด ถ้าไม่ตกลงกันให้คู่ความที่เกี่ยวข้องเสนอเรื่องต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๙๖ ๔. เมื่อยึดหรืออายัดเงินหรืออายัดทรัพย์สินแล้ว ไม่มีการขายหรือจำหน่าย ร้อยละ ๑ ของจำนวนเงินที่ยึดหรืออายัด หรือราคาทรัพย์สินที่อายัด ๕. ขายโดยวิธีประมูลระหว่างคู่ความ ร้อยละ ๒ ของราคาประมูลสูงสุด” ตาราง ๖ ค่าทนายความ (๑) ให้ศาลกำหนดค่าทนายความตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควรไม่เกินอัตราขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตารางนี้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่าคดีละสามพันบาท (๒) การกำหนดค่าทนายความที่คู่ความจะต้องรับผิดนั้น ให้ศาลพิจารณาตามความยากง่ายแห่งคดีเทียบดูเวลาและงานที่ทนายความต้องปฏิบัติในการว่าคดีเรื่องนั้น อัตรา คดีมีทุนทรัพย์ คดีไม่มีทุนทรัพย์ อัตราขั้นสูงในศาลชั้นต้น ร้อยละ ๕ ๓๐,๐๐๐ บาท อัตราขั้นสูงในศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ร้อยละ ๓ ๒๐,๐๐๐ บาท ตาราง ๗ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ศาลอาจกำหนดให้คู่ความซึ่งต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา ๑๖๑ ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่คู่ความอีกฝ่ายตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร โดยในคดีมีทุนทรัพย์ต้องไม่เกิน ร้อยละ ๑ ของจำนวนทุนทรัพย์ หรือในคดีไม่มีทุนทรัพย์ต้องไม่เกินห้าพันบาท การกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่คู่ความได้เสียไป รวมทั้งลักษณะและวิธีการดำเนินคดีของคู่ความ

องค์การ ผู้นำ เจ้านาย ลูกน้อง ลิง ลา หมา จิ้งจก

            องค์การต่างๆ จะมีวัฒนธรรมองค์การ ( culture ) ที่แตกต่างกัน จะมีทั้งผู้ที่เสียสละและทุ่มเทกับการทำงาน ในทางกลับกันก็จะมีพวกเอาเปรียบและกอบโกยแต่ผลประโยชน์ เรื่องลิงกับลา ก็เหมือนคน 2 จำพวกที่กล่าวไว้ข้างต้น ส่วน หมากับจิ้งจก ก็เช่นเดียวกัน ทุกองค์การมีเหมือนกันหมด องค์การมากมายมักจะคุยและโฆษณาว่าเป็นบริษัทธรรมาภิบาล ( good governance) อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ให้ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่า ไ' อ้ายแตหลอ อเมริกาเป็นต้นแบบแท้ๆ ยังตบแต่งบัญชีโกงกันสะบั้นหั่นแหลก วกกลับมาเรื่อง ลิงกับลา อีกครั้งต้องดูด้วยว่าองค์การที่ท่านอยู่ หรือหัวหน้าที่ท่านมี ทำงานแบบใดท่านก็ต้องทำแบบนั้น จะทำเป็นฝ่ายตรงข้ามก็พัง เพราะฉะนั้นพฤติกรรม ( behavior ) เป็นของท่านที่เลือกจะเป็น ซึ่งยังไงก็หนีไม่พ้น ระหว่าง ลิง กับ ลา แต่ถ้าให้ (ไม่) ดีควรเป็น หมา(ไม่เห่าแต่เลีย) และจิ้งจก(ไม่กินแมลงแต่เปลี่ยนสี) ซะสิ้นเรื่อง.... ซึ่งมันร้ายกว่า สองตัวหน้ามากเยย..........

ลิงกับลา
         หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว คือ ลิงและลา วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของ ต่างๆ ได้รับความเสียหาย ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจกบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นลักษณะประจำตัวอยู่แล้วก็ค่อยๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อ ค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉยๆ สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะ ขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เอง คือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมา ทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำ อะไรได้เลย ดูกร..เธอทั้งหลาย... คนหลายคนอาจจะไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับต้องถูกเจ้าของทำโทษจนตาย ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นถึง "ความเป็นผู้นำ" ของหญิงชาวบ้านที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไป ตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่า ลาคงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง ความจริงถ้าเธอรู้จัก สำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน

           เหตุที่องค์การต้องเหน็ดเหน่อย ทรมานอยู่กันทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของ "ผู้นำ" ที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์" ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจา ตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้ ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบายนั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริงเพื่อควบคุม "ลิง" สกัดกั้น "หมา" และ "จิ้งจก" เพราะไม่เช่นนั้น องค์การก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้า "ลิงสงบ" "หมาเงียบ" "จิ้งจกหาย" องค์การก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยืนและสามารถพัฒนาองค์การต่อไปอย่างไม่หยุดหยั้งได้ด้วย.

ต้องขออภัยท่านผนส.ที่ไม่ได้เข้า BLOG สื่อสารกับทุกท่านเพราะต้องปฎิบัติงานต่างจังหวัด (กฝอ.พัฒนาบุคลากร 4 ภูมิภาค)

ได้มีโอกาสไปจัดการฝึกอบรมที่พิษณุโลกได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักสหกรณ์หลายท่าน /วิทยากร /ผู้จัดการ

จึงทราบว่า สหกรณ์ภาคการเกษตร มีปัญหาเกี่ยวกับปุ๋ยปลอม เช่น สหกรณ์การเกษตรบางกระทุ่ม สหกรณ์การเกษตรวังทองสหกรณ์การเกษตรบางระกำ

เรื่องราวดังกล่าว สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ (สพว.) ได้ส่งเอกสาร /ข้อมูลเบื้องต้นให้ นิติกรดำเนินการเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปแล้วครับ

ผนส.สำเริง สุภาภรณ์ และศิวกร ทั้งสามท่านที่ส่งร่างโครงการผ่านมาทางผม

ผมได้ส่งเอกสารให้ อ.ยม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการของท่านจะผ่านครับ

เรียน คุณเกียงไกร

โครงการผ่านเรียบร้อยแล้วครับ...

แล้ว Powerpoint จะต้องส่ง Mail มาให้ อ.ยม ท่านดูก่อนหรือไม่อย่างไรครับ..

สวัสดี คุณเกรียงไกร สถาบันพิทยาลงกรณฯ  ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง และท่านผู้อ่านทุกท่าน

 

ผมดีใจและยินดี ที่ สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ ได้เปิดบล็อกนี้ขึ้นมา  และใช้เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนา ผนส. ทุกรุ่น โดยเฉพาะ รุ่นที่ 4 ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างสัมมนา

 

ขอให้ใช้บล็อกนี้ ให้ถูก ให้เหมาะ ให้ควร ตามเจตนารมณ์ หรือนโยบายของเจ้าของเว็บบล็อก http://gotoknow.org/policies  ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเคยชี้แจงถึงนโยบาย ของการใช้บล็อก gotoknow ให้ ผนส. ทราบอย่างละเอียด

สำหรับ ในอนาคต ผนส.รุ่นที่ 5 ที่จะเข้ามาสัมมนา  ทางสถาบันพิทยาลงกรณฯ น่าจะช่วยอำนวยความสะดวก ให้ทุกคนเป็นสมาชิก Gotoknow เปิดบล็อกเป็นของสถาบันฯ ทำให้สามารถ ปรับปรุง แก้ไข ควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน กติกา ต่าง ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น  และที่สำคัญ คือควบคุมการเขียนบันทึกให้สอดคล้องกับ “นโยบาย” ของ gotoknow และ หลักการของสหกรณ์ 

หากเป็นไปได้ ควรติดตามข่าวสารของ gotoknow ให้ความร่วมมือกับ gotoknow ในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ต่อสังคม ต่อสมาชิก ครับ

ผมเป็นกำลังใจให้กับ พิทยาลงกรณ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และ ผนส. ทกท่าน  

 

สวัสดี จาก อาจารย์ยม

http://yomacademy.blogspot.com/

tags: นิติภูมิ นวรัตน์ สหกรณ์ เปิดฟ้าส่องโลก

สหกรณ์

             นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี + นายวิชัย ล้อศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกาญจนบุรี + Ms.Belinda Stewart-Cox ผอ.เครือข่ายอนุรักษ์ช้างป่ากาญจนบุรี + สถานทูตเนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ร่วมมือกันจัดงานใหญ่ "Jazz de Chang Kanchanaburi ท่วงทำนองคลาสสิก เพื่อชีวิตช้างป่า ณ กาญจนบุรี" มีทั้งวง Bangkok Connection และวงดังที่สุดของเนเธอร์แลนด์ Biggles Big Band เต็มวง 18 ชิ้น ฯลฯ 17.30-24.00 น. เสาร์ 7 พฤศจิกายน 2552 ท่านใดสนใจติดต่อที่ [email protected] หรือ 08-1857-2623

              ผู้อ่านหลายท่านบ่นว่าระยะหลังมานี่ ผู้เขียนเปิดฟ้าส่องโลกหายไปในเรื่องของสหกรณ์ ขอเรียนว่า นิติภูมิของท่านไม่ได้หายไปไหนดอกครับ กลับเกี่ยวดองหนองยุ่งเรื่องของสหกรณ์มากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้งบมหาวิทยาลัยบูรพา 4.2 ล้าน และให้ผมเป็นผู้อำนวยการ "โครงการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหน่วยงานที่กำกับ ดูแล และพัฒนาสหกรณ์" ซึ่งพวกผมต้องทำงานหนักทั้งวิจัยเอกสารและวิจัยเชิงสำรวจ

            ประเทศที่พวกผมต้องนำมาวิจัยเปรียบเทียบก็มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย และมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการนำระบบสหกรณ์เข้ามาใช้ และมีสหกรณ์ที่เข้มแข็งมาก

            ขณะนี้ยังวิจัยไม่เสร็จ แต่ผมมีรายงานความก้าวหน้า หรือ progress report ออกมาเป็นระยะ หลายท่านถามว่า นิติภูมิและคณะจะแนะนำให้ยุบกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ไหม? ขอตอบว่า "ไม่ดีกว่าครับ"

            ตอบว่า "ไม่" ไม่ใช่เพราะผมเคยรับราชการในกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงไม่อยากให้ยุบ แต่เพราะทั้งสองกรม มีข้าราชการกว่า 4 พันคน โอกาสที่จะแปลงหน่วยงานทั้งสองให้เป็นองค์กรมหาชน หรือหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือ SDU นั้น มีน้อยมาก 

            ที่ผมว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งสองหน่วยงานมีคนมากเกินกว่าที่จะหาเงินมาเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งสองกรมไม่มีรายได้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์อาจจะมีรายได้บ้างจากการรับตรวจบัญชี แต่ผู้อ่านท่านก็ทราบว่า สหกรณ์ไทยยังไม่เข้มแข็ง ลูกค้าของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จำนวนไม่น้อยอาจจะไม่มีกำลังจ่ายค่าตรวจบัญชี

           ข้อแนะนำของนิติภูมิและทีมวิจัยก็คือ ยุบทั้งสองกรมที่ว่า และนำมารวมกันเพื่อตั้งเป็น "ทบวงสหกรณ์" ภาระงานของทบวงสหกรณ์คงไว้แค่ "การกำกับ" และ "การดูแล" เท่านั้น ส่วน "งานส่งเสริม" อาจแยกไปตั้งเป็นองค์กรมหาชน

           หากไม่เอา "งานส่งเสริม" แยกไปตั้งเป็นองค์กรมหาชน เราก็อาจจะชูสันนิบาตสหกรณ์ขึ้นมา และเน้นบทบาทของสันนิบาตสหกรณ์ไปในทาง "การส่งเสริม" ให้มากขึ้น อันนี้ก็จะเหมือนสหกรณ์ในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ ซึ่งประเทศพวกนี้มีชุมนุมสหกรณ์กลาง หรือสันนิบาตสหกรณ์ที่มีบทบาท "การส่งเสริม" สูงมาก

           สันนิบาตสหกรณ์ของไทยยังไปไม่ถึงไหน เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ มีแต่เขียนกำหนดไว้คร่าวๆว่า งบประมาณของสันนิบาตมาจากกำไรบางส่วนของสหกรณ์สมาชิก จะจ่ายหรือไม่จ่ายก็แล้วแต่ ไม่มีการบังคับ

          พอทราบว่านิติภูมิเป็น ผอ.โครงการศึกษาความเป็นไปได้ฯ ก็มีผู้ใหญ่และนักวิชาการกรุณาแนะนำว่า ควรจะให้กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ออกนอกระบบราชการเหมือนมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งนิติภูมิเองก็เป็นกรรมาธิการ ตอนที่มหาวิทยาลัยบางแห่งเหล่านั้นจะออกนอกระบบ

          เรียนในเปิดฟ้าส่องโลกนี่แหละครับว่า ให้กรมทั้งสองออกนอกระบบราชการเหมือนมหาวิทยาลัยไม่ได้ มหาวิทยาลัยเลี้ยงตัวเองได้เพราะหา รายได้จากการเปิดหลักสูตรต่างๆ วิชาดังๆที่ทำสตางค์มากๆ ก็เช่น MBA หรือพวกรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต พวกนี้เป็นสาขายอดฮิต ผู้คนพร้อมที่จะเสียเงินเรียน

           ในโลกใบนี้ มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมจ๋า และสังคมนิยมจ๋า สำหรับผม ผมว่าทั้งสองระบบทำให้มนุษย์ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากไปหน่อย ระบบที่ดีที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางของระบบทุนนิยมจ๋าและสังคมนิยมจ๋าก็คือ ระบบสหกรณ์

            ผมเกี่ยวดองหนองยุ่งกับสหกรณ์ตั้งแต่เด็กจนโต คุณพ่อผมเป็นสมาชิกสหกรณ์ เป็นกรรมการสหกรณ์ ผมจบการศึกษาทางสหกรณ์ เคยรับราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เคยเป็นที่ปรึกษาให้สหกรณ์หลายแห่ง เคยเป็นกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ฯลฯ

            ขอเรียนว่า โดยแท้จริง "รัฐไทย" ไม่เคยมีความจริงใจให้ระบบสหกรณ์ กฎหมาย และกฎระเบียบที่สร้างตั้งแต่อดีต ก็เพื่อคุมกำเนิดสหกรณ์ให้อยู่ภายใต้บงการของรัฐ หากรัฐบาลนี้มีความจริงใจ เปลี่ยน แปลงแก้ไขการสหกรณ์ให้เป็นไปในแนวเดียวกับนานาอารยประเทศที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ก็จะดีมากครับ.

นิติภูมิ นวรัตน์

 

ขอบคุณที่มา : http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/44186

สวัสดี ผนส. 2 ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง และท่านผู้อ่านทุกท่าน

คุณนพคุณ เข้ามาเขียนบันทึกการไปทัศนศึกษา กับรุ่นที่ 4 ได้เร็วมาก แม้ว่าจะไม่ได้เขียนอะไรมากนัก ก็ยังเป็นการสื่อสารความคืบหน้าให้ทราบ  ผมได้เห็น "ความจริงใจ ความมุ่งมั่น ความเอาใจใส่ การให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ และงานสหกรณ์" อยู่ในบันทึกของคุณนพคุณ  นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของ ความเป็นผู้นำที่ดี ครับ  คิดว่า คุณนพคุณคงจะทยอยเล่าความประทับใจ สิ่งดีมีประโยชน์พร้อมภาพประทับใจมาฝากพวกเราในไม่ช้านี้

เดือน พ.ย. กำลังผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดือน ธ.ค.กำลังจะมาถึง ซึ่งหมายถึงงานสำคัญ ๆ อีกหลายงานกำลังจะมาถึง และกำลังจะสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2552 นี้  ในระยะนี้ ผู้นำระดับโลก ผู้นำขั้นสูงมักจะมีการ "ทบทวน" ความสำเร็จ และความล้มเหลว จุดอ่อนและจุดแข็งทั้งของ "ตนเอง" ทีมงาน "องค์กร" เพื่อค้นหาสาเหตุ และแนวทางมากำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการสำหรับปีถัดไป

บันทึกนี้ ผมได้นำ แนวทางปฏิบัติของผู้นำที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ 8 ประการมาฝากพวกเรา ดังนี้ครับ  คือ ผู้นำยุคนี้ควรที่จะมี ลักษณะอย่างน้อย ดังนี้

1. แกร่ง (Strength) คือ ความแกร่งทั้ง "กาย" และ "จิต" มีความพยายาม มุ่งมั่น ทำงานจนเกิดความสำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์

2. กล้า (Courage) คือ ความกล้าหาญ ท้าทายในการทำงานที่ยากกว่า เสี่ยงกว่า ได้ประโยชน์กับสมาชิกมากกว่าโดยยึดหลักความมีรอบรู้คู่คุณธรรม และจริยธรรม

3. สัจจะวาจา (Truth) คือ ความเป็นผู้มีวาจาสัตย์ มีความซื่อตรง ในการปฏิบัติหน้าที่ เคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองและผู้อื่น อย่างต่อเนื่อง

4. สามัคคี (Harmony) คือ ความร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน มีความสมัครสมาน สามมัคคี ไม่แบ่งพรรค แบ่งพวกและทำงานร่วมกันด้วยความเบิกบาน เพื่อประสานประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก ชุมชน สังคม ประเทศชาติ

5. มีน้ำใจ (Generosity) คือ ความเป็นผู้มีน้ำใจ มีเมตตา กรุณา ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี และปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุก ให้ความช่วยเหลือและมีความเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ เสมอต้น เสมอปลาย ไม่อิจฉาริษยาใด ๆ

6. ให้ความเคารพผู้อื่น (Respect) คือ ความคารพต่อสิทธิ หน้าที่และ ความคิดเห็นของผู้อื่น  ให้เกียรติ และมีกิริยาวาจาที่ดีต่อกัน ด้วยความจริงใจ

7. ชื่นชมความงามแห่งชีวิต (Appreciation) คือ ความตระหนักถึงคุณค่าของคุณงามความดี ของสรรพสิ่ง ตระหนักถึงคุณค่าในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่มัวเมาจนเกินไป รู้จักบริหารชีวิตให้สมดุลย์ มีความชื่นชมในคุณค่าของงาน คุณค่าของธรรมชาติ ศิลปะแขนงต่าง ๆ ได้ดีกว่า ปุถุชนธรรมดา

8. การพัฒนาศีล สมาธิ สติ ปัญญา คือ ความตระหนักถึงความสำคัญของ ศีล ธรรม คำสอนในศาสนา การปฏิบัติธรรมรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา การให้ทาน เจริญสติและปัญญา อยู่เสมอ

ทั้ง 8 ประการดังกล่าว เป็นหนึ่งในหลายๆ เครื่องมือในการบริหารตนเองของผู้นำ นำตนเอง นำทีมงาน นำองค์กร สู่ความสุขความสำเร็จ เป็นที่เคารพรักของผู้คนทั่วไป

ขอความสวัสดี จงมีแด่พวกเรา ทุกคน

 

 คิดถึงพวกเราทุกคน ทุกรุ่นครับ

ที่มา: http://gotoknow.org/blog/leadersship/238209

ในโอกาสครบรอบ  72 ปี ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย  และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงอำนวยอวยพรให้ รศ.ดร.สวัสดิ์  แสงบางปลา (ผนส.4)  จงมีความเจริญด้วยจตุรพรชัย  มีสุขภาพแข็งแรง  บริหารกิจการ  สอ.จุฬา  บริการสมาชิกให้มั่นคง และมั่งคั่ง

และขอเชิญชวน ผนส.ทุกรุ่น  อ่านหนังสือเล่มนี้ครับ

"จากทฤษฎีชีวิตสู่วิถีปฎิบัติ

สหกรณ์ออมทรัพย์หมื่นล้าน"

ท่าน ผนส.4  เพื่อทราบการนำเสนอโครงการพัฒนาสหกรณ์

31 ต.ค - 12 พ.ย 52  อ.ยม  ส่งคืนโครงร่างพร้อม Comment  เบื้องต้น

12 พ.ย - 12 ธ.ค 52    ผนส. ส่งต้นฉบับจริง  พร้อม  Power  Point  ที่จะนำเสนอ

13 ธ.ค - 20 ธ.ค 52     ผนส.เตรียม /ทบทวน/เตรียมนำเสนอ

23-24 ธ.ค 52      ผนส.นำเสนอโครงการกับคณะกรรมการบริหารและพัฒนาหลักสูตร

สวัสดี ผนส. 1 2 3 4 ทีมงานพิทยาลงกรณฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน

 

ขอบใจคุณเกรียงไกร ที่ประชาสัมพันธ์ กำหนดการนำเสนอโครงการ ของ “ผนส.4” ให้ทราบ นับเป็นสิ่งที่ดี เป็นการตั้งใจทำงานและให้ความสำคัญกับผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน

 อย่างไรก็ตาม กำหนดการส่งโครงการ ผมยืดหยุ่นให้กับ ผนส.4 ซึ่งได้แจ้งไประหว่างการสัมมนาให้ทุกท่านทราบแล้วว่า ที่ผ่านมาแต่ละรุ่นกำหนดการจะเข้ามาโค๊ชให้ 4 ครั้งตามที่ระบุไว้ในโครงการ

โค๊ชผ่านมาแล้ว 2 ครั้งเฉลี่ยครั้งละ 10 โครงการ ประมาณนี้ มี ผนส. 4 นำโครงการมาหารือผ่านไปแล้วกว่า 20 โครงการ ครับ ขอชื่นชมความตั้งใจของทีมงานพิทยาลงกรณฯ ที่ช่วยผมดูแลเรื่องโครงการ และชื่นชม ความตั้งใจของ ผนส.4 ที่ส่งโครงการไปเรียบร้อยแล้ว และมีบางท่านยังนำโครงการไปหารือถึงไต้หวัน อีกด้วย

คงเหลืออีกไม่เกิน 20 โครงการ ใช้การโค๊ช์อีกไม่เกิน 2 ครั้งคือในวันที่ 27-28 พ.ย. นี้ หากไม่มีอะไรแก้ไขมาก ก็ถือว่าเสร็จและส่งได้เลย แต่หากมีการแก้ไขก็พอมีเวลาแก้ไขให้เสร็จก่อน 5 ธ.ค.นี้ และส่งต้นฉบับ3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ หากสามารถจบครบทุกคนได้ภายในวันศุกร์ที่ 27 นี้ ก็ยิ่งดี วันเสาร์ผมจะได้ไม่ได้ต้องไป ครับ

สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิประจำรุ่น คือผู้ที่จบปริญญาเอกแล้ว ผมคิดว่าส่งผ่านตรงไปที่พิทยาลงกรณฯ ได้เลย โดยขอให้ใช้แบบฟอร์มโครงการที่กำหนดไว้ ส่งต้นฉบับโครงการ 3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้

สรุป คือประมาณ 27-28 นี้ ใครยังไม่เรียบร้อย ก็นำโครงการมาหารือกันครับ ยกเว้นผู้ทรงคุณวุฒิที่ จบ ปริญญาเอกแล้ว  และส่งโครงการโดยขอให้ใช้แบบฟอร์มโครงการที่กำหนดไว้ส่งต้นฉบับ3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้

ขอบใจคุณเกรียงไกรและทีมงานพิทยาลงกรณฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง ที่ช่วยดูแลในเรื่องนี้ เป็นอย่างดี

ฝากเรื่องกำหนดการ Public Seminar พิธีการมอบประกาศนียบัตร และการเลี้ยงส่ง ช่วยแจ้งให้ทราบทั่วกันอีกครั้งด้วย เพราะตามที่ปฏิบัติกันมา คือ เมื่อนำเสนอโครงการเสร็จแล้ว จะมีพิธีการสำคัญซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของคณะกรรมการบริหารโครงการ โดยพิทยาลงกรณฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ที่จะอำนวยการในเรื่องนี้ ครับ การออกหนังสือเชิญรุ่น พี่ ให้มาร่วมงาน ก็ขอให้ทำล่วงหน้าหลาย ๆ วัน ครับ เชื่อว่าทีมงานพิทยาลงกรณฯ คงเตรียมการณ์ไว้แล้ว

ขอให้ทุกคนโชคดี  สวัสดี

 

คนป่วย เพราะกรรมเก่าส่งผล  คน รวย สวยดี เจริญก้าวหน้า เพราะบุญส่งผลทั้งบุญเก่า และบุญใหม่สะสมไว้  คนตายคือคนหมดบุญ

เชิญผู้สนใจร่วมทำบุญด้วยการ ปฏิบัติธรรม ทาน ศีล ภาวนา ศึกษารายละเอียดได้ที่ http://gotoknow.org/blog/yom17/250775

ขอแสดงความยินดีกับ ผนส.ที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่  สสท.

ให้เป็นคณะผู้ตรวจสอบกิจการ ประจำปี 2553

1.นายดิเรก  นาคดิลก

2.รศ.ฉายศิลป์  เชี่ยวชาญพิพัฒน์

3.นายสมคิด  ปัญญาแก้ว

และ ผนส.4  ท่านใดยังไม่ส่งโครงการ อ.ยม  ให้ปฎิบัติดังนี้ครับ

คงเหลืออีกไม่เกิน 20 โครงการ ใช้การโค๊ช์อีกไม่เกิน 2 ครั้งคือในวันที่ 27-28 พ.ย. นี้ หากไม่มีอะไรแก้ไขมาก ก็ถือว่าเสร็จและส่งได้เลย แต่หากมีการแก้ไขก็พอมีเวลาแก้ไขให้เสร็จก่อน 5 ธ.ค.นี้ และส่งต้นฉบับ3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ หากสามารถจบครบทุกคนได้ภายในวันศุกร์ที่ 27 นี้ ก็ยิ่งดี วันเสาร์ผมจะได้ไม่ได้ต้องไป ครับ

สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิประจำรุ่น คือผู้ที่จบปริญญาเอกแล้ว ผมคิดว่าส่งผ่านตรงไปที่พิทยาลงกรณฯ ได้เลย โดยขอให้ใช้แบบฟอร์มโครงการที่กำหนดไว้ ส่งต้นฉบับโครงการ 3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้

สรุป คือประมาณ 27-28 นี้ ใครยังไม่เรียบร้อย ก็นำโครงการมาหารือกันครับ ยกเว้นผู้ทรงคุณวุฒิที่ จบ ปริญญาเอกแล้ว  และส่งโครงการโดยขอให้ใช้แบบฟอร์มโครงการที่กำหนดไว้ส่งต้นฉบับ3 ชุด และส่งเป็น Soft file ให้พิทยาลงกรณฯ ภายในวันที่ 11 ธ.ค. นี้

สรุปผลการประชุมร่วมของ ผนส. 1-4  เมื่อ  26  พ.ย.52

จะร่วมมือกันจัดโครงการ"การเชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์มุสลิม เพื่อดำเนินการด้านการค้าในตลาดโลกมุสลิมในอนาคต"

และจะทำกิจกรรมร่วมกัน ในโครงการตามแนวทางพระราชดำริ ป่าชายเลน

เศรษฐกิจพอเพียงจะดังทั้งโลก

พุธ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒

หลังจากนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช พ้นตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ปัญหาของโลกด้านพลังงานก็ลดน้อยถอยลงไปอย่างคาดไม่ถึง หลายประเทศที่เคยเกรงอกเกรงใจอเมริกา ไม่กล้าเสนอเทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานที่ตนแอบพัฒนาคว้าวิจัยไว้เป็นเวลานาน ก็กล้าโชว์โผล่ข้อมูลออกมาในห้วงช่วงนี้ ทำเอาบารมีของชาติตะวันออกกลางหมดหดลงไป เพราะความสำคัญของน้ำมันซึ่งเป็นสมบัติใต้ดินของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางกำลังลดความสำคัญลงไปเรื่อยๆ  ในไม่ช้า โลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮโดรเจน

ผู้อ่านท่านที่อยากทราบว่า ในอนาคตไฮโดรเจน หรือเซลล์เชื้อเพลิงจะเข้ามาแทนที่น้ำมันได้อย่างไร กรุณาเข้าไปดูภาพยนตร์ สารคดีความยาวประมาณเรื่องละ ๓๐ นาทีได้ที่เว็บไซต์  nitipoom.com เมนู presentation/ Balance TV6 ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ผมได้มาจากการไปเรียนรู้ดูงานที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว

พลังงานไฮโดรเจน และพลังงานทดแทนประเภทอื่นทำให้อภิพญามหานครใหญ่ที่สุดของตะวันออกกลางล้มทั้งยืนครืนลงมา ผู้อ่านท่านคงทราบแล้วนะครับว่า สิบปีที่ผ่านมา โลกทั้งใบจ้องมองไปที่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ด้วยความทึ่ง การก่อสร้างเกิดขึ้นระเบิดเถิดเทิงในเมืองอาบูดาบี อัจมาน ดูไบ ฟูไจราห์ ราสอัลไคมาห์ ซาร์จาห์ และอุมม์อัลไกไวน์ ซึ่งเมืองหลวงแห่งรัฐทั้งเจ็ดของสหรัฐอรับเอมิเรตส์

พลังงานใหม่ทำให้มหานครดูไบซึ่งได้ชื่อว่ามั่นคงที่สุดทางด้านการเงินของโลกมีปัญหา ขนาดมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ยังประกาศปรับลดความน่าเชื่อถือของบริษัทต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับดูไบลงไป

 มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของบางบริษัทของดูไบไปสู่สถานะ Junk หรือ ขยะ ซะด้วยซ้ำไป บริษัทใหญ่อย่างบริษัทดูไบเวิลด์ บริษัทนาคีล บริษัทลิมิทเลส ฯลฯ พวกนี้เดี้ยงหมด เดี้ยงขนาดต้องเลื่อนการชำระหนี้กันแล้วในขณะนี้

หากผู้อ่านท่านตามเศรษฐกิจโลกอย่างลึก ท่านจะพบว่าขณะนี้มีนักวิเคราะห์ชั้นนำจำนวนไม่น้อยทำนายทายทักว่า ต่อไปไม่ช้า จีนเองก็จะมีปัญหา เพราะจีนมุ่งทุนนิยมมากเกินไป ทุกอย่างของจีนในปัจจุบันทุกวันนี้เป็นความต้องการเทียมทั้งนั้น ของเทียมยืนยงคงกระพันอยู่ในโลกได้ไม่นานดอกครับ

ทำไมเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวันยังคงยืนยงอยู่ได้ ผู้อ่านท่านที่เคารพ หน้าฉากของสามประเทศนี่คือทุนนิยมแต่แท้ที่จริง ประเทศเหล่านี้มี ระบบสหกรณ์เข้มแข็งมาก ขณะที่เขียนคอลัมน์ฉบับวันพุธ ผมยังอยู่ที่เกาหลีใต้ วันเวลาที่ผ่านมา ผมไปดูงานที่ตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลการัคดง ซึ่งเป็นตลาดสดของเทศบาลแห่งมหานครโซล การขายสินค้าการเกษตรที่นี่ตัดพ่อค้าคนกลางออกไป ชาวไร่ชาวนาเกาหลีเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าเกษตรและอาหารทะเลด้วยตัวเอง

ยังไปเยือนพิพิธภัณฑ์เกษตรกรรม ขบวนการเซมาอึลอุนดง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาหมู่บ้านของเกาหลีที่เริ่มในสมัยประธานาธิบดีปักจองฮี ฯลฯ  ฟังบรรยายสรุป และได้ไปสอบถามตามข้อมูลดู ก็จึงถึงรู้แท้แน่ชัดว่า เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน ประเทศพวกนี้มีพื้นฐานสหกรณ์ที่เข้มแข็งมาก ผู้คนในชนบทของเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน เชื่อในหลักการช่วยเหลือตนเอง และร่วมมือช่วยเหลือกัน มีอุดมการสหกรณ์สูง และนำหลักสหกรณ์มาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเข้มข้น ทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม และที่ระบบสหกรณ์ในประเทศเหล่านี้มีบทบาทมากเลยก็คือ การอำนวย ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจให้กับผู้คนในชนบท

ในโลกของเราใบนี้นะครับ ระบบเศรษฐกิจที่ใช้กันอยู่ตามประเทศต่างๆ บ้างก็ขับเคลื่อนโดยภาครัฐ หรือ public sector บางแห่งก็ดำเนินการโดยภาคเอกชน หรือ private sector ไม่ว่าจะทุนนิยม หรือสังคมนิยมจ๋า ก็ไม่ยั่งยืนทั้งนั้น สำหรับผม สิ่งที่จริงแท้แน่นอนและยั่งยืนก็คือ ภาคสหกรณ์ หรือ cooperative sector

นิติภูมิขอเป็นนอสตราดาโม้หน่อยเถิด ต่อไปในอนาคตอีกไม่นาน ประเทศทุนนิยมจ๋าจะโงนเงนโอนเอน จะล้มมิล้มแหล่ แต่ถ้าในชนบทของประเทศไหนมีระบบสหกรณ์เข้มแข็ง ระบบสหกรณ์จะเป็นเสาค้ำไม่ให้ประเทศนั้นล้มได้

นอกจากระบบสหกรณ์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งซึ่งทุกประเทศกำลังหันมาสนใจมองก็คือ ระบบ เศรษฐกิจพอเพียง

หลายอย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงมีพระราชดำริไว้ในอดีต ปัจจุบันทุกวันนี้ได้พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นแล้วว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวโลกทั้งนั้น ไม่ว่า พลังงานทดแทน หรือระบบเศรษฐกิจพอเพียง

ขณะที่ผู้คนทั้งโลกกำลังไขว่คว้าหาสิ่งที่พ่อหลวงของเราพระราชทานไว้ให้คนไทย แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยกลับเพิกเฉยละเลย  ซึ่งน่าเสียดายมากครับ

อีกระบบที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่น

พฤหัสบดี ๓ ธันวาคม ๒๕๕๒

 สมัยอยู่ชั้นมัธยม นิติภูมิเรียนห้องเดียวกับอิทธิพล ปัจจุบันเพื่อนคนนี้คือ พลตำรวจตรี อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้บังคับการตำรวจจันทบุรี และประธานรุ่นเพื่อนตราดฯ ๑๘,๒๐ วันอาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒ ขอเชิญเพื่อนร่วมรุ่นทุกคนไปพร้อมกันเวลาเย็น ที่สวนอาหารหนองบัว จ.ตราด ไปกันให้ครบนะเพื่อน สมัยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ใหม่ๆ ครูบาอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า ในอดีต ระบบสหกรณ์ของไทยไม่เป็นสองรองใคร แม้แต่เกาหลีใต้ยังต้องเดินทางมาดูงานด้านสหกรณ์ในไทย แต่วันนี้ ผมและข้าราชการไทยจากหลายกระทรวงกลับต้องเดินทางมาดูงานการสหกรณ์ที่เกาหลีใต้ นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าพอสมควรสำหรับคนที่มุ่งมั่นและเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์อย่างพวกเรา

นายทุนทั้งหลายไม่ชอบสหกรณ์ พ่อค้าคนกลางของไทยพยายามเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเมือง จากนั้นก็ใช้อิทธิพลการเมืองเข้าไปทำลายเครือข่ายสหกรณ์ ไม่ให้สหกรณ์ไทยเชื่อมโยงกันได้ ไม่ให้รวมตัวกันซื้อ หรือรวมตัวกันขาย ไม่ต้องการให้ประชาชนคนในแวดวงสหกรณ์มีอำนาจต่อรองกับนายทุน อีกกลุ่มที่ทำลายสหกรณ์ก็คือผู้คนในแวดวงธนาคาร พวกนี้แขยงแขงขนสหกรณ์มาก เพราะเมื่อใดที่สหกรณ์ออมทรัพย์เข้มแข็ง ธนาคารซึ่งเป็นระบบนายทุนก็จะหมดความหมายเหมือนในหลายประเทศทางแถบสแกนดิเนเวีย

 เฉพาะสหกรณ์ออมทรัพย์ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตอนนี้มีเงินออมอยู่ ๓ หมื่นล้านบาท สหกรณ์ออมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีเงินเป็นพันล้าน เอาเป็นว่า ขณะนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งของหน่วยงานรัฐและเอกชนมีเงินฝากรวมกันทั้งสิ้น ๗ แสนกว่าล้านบาท นี่ขนาดถูกแกล้ง และถูกทำลาย มาตลอดโดยนายธนาคารและนายทุนที่สวมชุดนักการเมือง สหกรณ์ออมทรัพย์ยังแหกด่านมีทุนได้ขนาดนี้ เมื่อรวมเงินออมในสหกรณ์อื่นด้วย ก็มีทุนมากกว่า ๘ แสนล้านบาท  เมื่อวาน นิติภูมิเรียนรับใช้ถึงเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน ว่าประเทศเหล่านี้มีรายได้ส่วนใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมก็จริง แต่รัฐบาลก็จริงใจส่งเสริมระบบสหกรณ์ รัฐบาลของประเทศเหล่านี้เข้าใจดีว่า ระบบทุนนิยมสามารถโกยความมั่งคั่งเข้าประเทศได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ความมั่นคงของแท้ของแผ่นดินอยู่ที่ระบบสหกรณ์

ผู้อ่านท่านคงทราบนะครับ ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแต่ภูเขาสูงเลากา ร้อยละ ๑๕ ของที่ดินทั้งประเทศเท่านั้นที่ใช้ทำการเกษตรได้ จีดีพีภาคเกษตรของญี่ปุ่นมีเพียงร้อยละ ๑.๔ แต่มีมูลค่ามากกว่า ๖ หมื่นล้านดอลล่าร์  รัฐบาลส่งเสริมให้มีการใช้พื้นที่ร้อยละ ๕๖ ปลูกข้าว โดยเฉลี่ยเกษตรกรถือครองที่ดินกันครอบครัวละ ๖.๙ ไร่ แต่เกษตรกรของญี่ปุ่นก็ยังดำรงคงความเป็นอยู่ที่ดี เพราะมีฐานมาจากระบบสหกรณ์ที่เข้มแข็งซึ่งรัฐบาลให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลมามากกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว

ญี่ปุ่นมีกฏหมายสหกรณ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ รัฐบาลวางรากฐานด้านสหกรณ์ไว้ถึง ๔ ประเภท ทั้งสหกรณ์สินเชื่อ สหกรณ์การขาย สหกรณ์การซื้อ และสหกรณ์การแปรรูป อีก ๖ ปีต่อมา รัฐบาลก็แก้ไขกฏหมายให้มีสหกรณ์อเนกประสงค์ได้ ต่อมา ก็อนุญาตให้ขบวนการสหกรณ์ตั้งชุมชนและสหภาพได้

เพียงเวลาแค่ ๓๐ ปี ญี่ปุ่นมีสหกรณ์เพิ่มจาก ๒๑ แห่ง ไปเป็น ๑๔,๐๘๒ แห่ง รัฐบาลส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล และให้สหกรณ์เป็นผู้ค้าข้าวโดยตรงกับรัฐบาล เมื่อรัฐให้ความสำคัญขนาดนี้ ภายในเวลา ๒๐ ปีจาก พ.ศ. ๒๔๖๓ สมาชิกสหกรณ์จึงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๓๓ ไปเป็นร้อยละ ๙๕ วิญญาณสหกรณ์จึงหยั่งฝังลึกอยู่ในหัวใจของคนญี่ปุ่นทุกผู้ทุกนามมาตั้งแต่ในอดีต หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นต้องใช้อุตสาหกรรมเพื่อสร้างชาติให้ได้ไว แต่เพื่อประกันไม่ให้ประเทศอยู่ในความเสี่ยง รัฐบาลญี่ปุ่นมากยุคทุกสมัยก็ยังคงให้ความสำคัญกับการสหกรณ์ เพราะคิดว่า ในอนาคต ถ้าทุนนิยมล่ม ประเทศของตนก็ยังไม่ล่มสลายหายไป อย่างน้อยผู้คนชนบทก็ยังพยุงประเทศให้ไปได้ ญี่ปุ่นก็เริ่มมีกฏหมายปฏิรูปที่ดินพร้อมกับการประกาศกฏหมายสหกรณ์ฉบับใหม่ รัฐบาลหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้สร้างกฏหมายฟื้นฟูและปรับปรุงสหกรณ์การเกษตรเพื่ออุบัติโครงสร้างของขวนการสหกรณ์ขึ้นมาใหม่ มีการตั้งสหภาพกลางของสหกรณ์การเกษตรให้เป็นองค์กรสูงสุดของสหกรณ์และทำหน้าที่เสนอนโยบายทางด้านการเกษตรให้แก่ภาครัฐ  เดี๋ยวนี้ ญี่ปุ่นมีชุมนุมและสหภาพสหกรณ์ที่มาจากการรวมตัวกันของสหกรณ์ขั้นปฐมในทุกจังหวัด พวกนี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำ ศึกษาวิจัย อบรม ให้ข่าวสาร ติดต่อประสานงาน และตรวจบัญชีให้แก่สหกรณ์ขั้นปฐมทั้งสหกรณ์เอกประสงค์และสหกรณ์อเนกประสงค์

 นิติภูมิเอาเรื่องนี้มาเรียนรับใช้อีกวัน เพราะไม่อยากให้รัฐบาลไทยหลงทาง ไปลอกเลียนความสำเร็จของญี่ปุ่นด้านการผลิตเพื่อการส่งออกเพียงอย่างเดียว โดยคิดหาแต่เงินและมุ่งโกยแต่ความมั่งคั่งชั่วครั้งชั่วคราว จนลืมความมั่นคงอย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถสร้างได้โดยผ่านระบบสหกรณ์

ผู้นำขั้นสูง

การจะพิจารณาดูว่าใครเป็นผู้นำขั้นสูงหรือไม่ สังเกตได้ไม่ยาก ผู้นำขั้นสูงเป็นผู้ที่สูงด้วย ศีล สมาธิ สติ ปัญญา เป็นผู้ทรงความรู้ควบคู่คุณธรรม มีปัญญา มีจิตใจที่งดงาม รู้ว่าอะไร ควร ไม่ควร มุ่งมั่น ขยันทำงาน อึดอดทน

เป็นคนคิดดี  พูดดี ทำดี เขียนดี ไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย เดือดร้อน ไม่ทำให้ตนเองเสื่อมเสียเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าผู้คน ต่อหน้าสาธารณะชนหรือแม้กระทั่งในการใช้สื่อต่าง ๆ ก็เช่นกัน ไม่กล่าวโทษ ไม่อวดดี แต่จะรับฟังแล้วนำไปพิจารณาโดยสุจริต ยุติธรรม

รู้กฎ กติกา มีมารยาท อาทิเช่น การรักษาระเบียบวินัยขององค์กร เพื่อให้หมู่คณะมีความสงบสุข เป็นระเบียบ และการดำเนินงานไม่สับสน หรือการรักษาความสะอาด ปฏิบัติ และเคารพกฎของสถานที่ ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ การเช่นนี้เรียกว่า อาการปกติสุข ผู้ประพฤติย่อมเป็นสุข ผู้ใกล้ชิด ผู้พบเห็นย่อมเคารพ นับถือ

ในทางตรงกันข้าม ใครก็ตามหากประพฤติตนเป็นผู้มีจิตอกุศล จิตตกต่ำ จิตคิดพยาบาท มีมิจฉาทิฐิ เห็นผิดเป็นชอบ คิด พูด ทำ เขียน ด้วยอารมณ์โลภ โกรธ หลง ส่อเสียด หยาบ เพ้อเจ้อ ขาดความเมตตา กรุณา มองโลกได้ด้านเดียวคือด้านร้าย จับผิดเพื่อน แกล้ง ยุยง นินทาว่าร้ายโดยไม่สนใจว่าสังคมจะคิดกับการกระทำของตนอย่างไร ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ดี ผู้คนที่พบเห็น ได้ยิน ได้อ่าน ก็จะรู้สึกว่า คนเช่นนี้ คือบุคคลที่มีจิตใจไม่ปกติสุข ไม่น่าเลื่อมใส ไม่น่าเคารพ ไม่น่าจะเป็นผู้นำขั้นสูงที่ดีได้ เข้าหลักคนพาลสันดานเสีย จงห่างเอาไว้

ระยะนี้ ทั่วประเทศมีการเฉลิมฉลองวันพ่อแห่งชาติ ทำกิจกรรมเทิดพระเกียรติในหลวงของเรา  พระองค์ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น "ผู้นำระดับโลก" ท่านทรงยึดมั่นต่อหลักธรรม ๑๐ ประการ ที่ เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" ได้แก่

1. ทาน หมายถึง การให้ และแบ่งปัน บำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ โดยมุ่งทำงานเพื่อให้กับมวลประชา เอาใจใส่ จัดสรรสวัสดิการ การให้การสงเคราะห์ อนุเคราะห์ ให้ประชาราษฎร์ได้รับประโยชน์สุข ความสะดวกปลอดภัย ตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เดือดร้อนประสบทุกข์ และให้ความสนับสนุนแก่คนทำความดี

2. ศีล หมายถึง รักษาความสุจริต คือ ประพฤติดีงาม สำรวมกายและวจี ประกอบการอย่างสุจริต ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง และเป็นที่เคารพนับถือของประชาราษฎร์

3. ปริจจาคะ หมายถึง บำเพ็ญกิจด้วยเสียสละ คือ สามารถเสียสละความสุขสำราญ เป็นต้น ตลอดจนเสียสละชีวิตของตนได้ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความสงบเรียนร้อยของบ้านเมือง

4. อาชวะ หมายถึง ปฏิบัติภาระโดยซื่อตรง คือ ซื่อตรง ไร้มารยา ปฏิบัติภารกิจโดยสุจริต มีความจริงใจ ไม่หลอกลวงประชาชน

5. มัททวะ หมายถึง ทรงความอ่อนโยนเข้าถึงคน คือ มีอัธยาศัย ไม่เย่อหยิ่งหยาบคายกระด้างถือองค์ มีความงามสง่าเกิดแต่ท่วงทีกิริยาสุภาพนุ่มนวล ละมุนละไม ควรได้ความรักภักดี

6. ตปะ หมายถึง พ้นจากการมัวเมาโดยเผากิเลส คือ ตัดกิเลสตัญหา มิให้เข้ามาครอบงำจิตใจ ระงับยับยั้งข่มใจได้ ไม่หลงใหลหมกมุ่นในความสุขสำราญและหมั่นแต่บำเพ็ญเพียรทำกิจในหน้าที่ให้บริบูรณ์

7. อักโกธะ หมายถึง ไม่โกรธ คือ ไม่เกรี้ยวกราด ไม่วินิจฉัยความ และกระทำการด้วยอำนาจความโกรธ มีเมตตาประจำใจไว้ระงับความเคืองขุ่น วินิจฉัยความและกระทำการด้วยจิตอันสุขุมราบเรียบตามธรรม

8. อวิหิงสา หมายถึง ไม่เบียดเบียน คือ ไม่หลงอำนาจ ไม่บีบคั้นกดขี่ มีความกรุณา ไม่หาเหตุเบียดเบียนลงโทษอาชญาแก่ประชาราษฎร์ผู้ใดด้วยอาศัยความอาฆาตเกลียดชัง

9. ขันติ หมายถึง ความอดทน คือ อดทนต่องานที่ตรากตรำ อดทนต่อความเหนื่อยยาก อดทนต่อการบำเพ็ญกรณียกิจโดยชอบธรรม

10. อวิโรธนะ หมายถึง ความไม่คลาดธรรม คือ การประพฤติอยู่ในธรรมอันถือประโยชน์สุขความดีงามของรัฐและราษฎร์เป็นที่ตั้ง สิ่งใดที่ประชาราษฎร์ปรารถนาโดยชอบธรรมก็ไม่ขัดขืน การใดที่จะเป็นไปโดยชอบธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาราษฎร์ ก็ไม่ขัดขวาง วางองค์เป็นหลักหนักแน่นในธรรม คงที่ ไม่มีความเอนเอียงหวั่นไหว เพราะถ้อยคำดีร้าย ลาภสักการะหรืออารมณ์ที่ปรารถนาและไม่ปรารถนาใด ๆ มีความเที่ยงธรรม และมีนิติธรรม คือ มีระเบียบแบบแผน มีหลักในการปกครอง ตลอดจนประพฤติตนอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม[1]

ทศพิธราชธรรม ดังกล่าวข้างต้น ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้สังเกต พิจารณาดูว่า ผู้นำในองค์กร ท่านใด เป็นผู้นำที่ดี เป็นผู้นำขั้นสูงได้หรือไม่ ก็ลองเอา หลักธรรม 10 ประการดังกล่าวข้างต้นเทียบเคียงดู ครับ

ในการเขียนบันทึกในบล็อกนี้ ขอให้ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง ควบคุม เนื้อหาสาระ ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมแห่งการเรียนรู้ ต่อสาธารณะชน เป็นหลัก ตามนโยบายของ gotoknow ที่เราใช้พื้นที่บนเว็บของเขา ส่วนการสื่อสารเรื่องงานควรใช้อีเมล์ หรือ cell phone เป็นหลัก ขอให้ช่วยกันรักษาศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง ของพวกเราทุกคน

สวัสดี

 

ที่มา http://gotoknow.org/blog/yom-nark11/234646

เรียน ทุกท่านที่เคารพรัก

ผมเพิ่งเข้ามาใน Blog นี้เป็นครั้งแรก เพราะเพิ่งทราบจากการอ่าน Blog ผนส.๔ ขอชมว่า Blog นี้มีประโยชน์มากครับ มีสาระ และให้ความรู้ดีมากครับ เป็น Blog ที่มีคุณภาพครับ

ขอให้ท่านผู้ทรงคุณวุฒิและมากด้วยประสบการณ์ทั้งหลาย กรุณาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ลงใน Blog มาก ๆ นะครับ ผมจะคอยอ่าน จะขอเป็นแฟนประจำ เพื่อพัฒนาความรู้ให้ตามทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ

มนตรี ช่วยชู

ผนส.๔ เบอร์ ๔๐

สวัสดี ทีมงานพิทยาลงกรณและวิชาการ ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูงทุกรุ่น และผู้อ่านทุกท่าน

เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญ กับศิษย์ ในสังกัด อปต.ทั่วประเทศ ที่มาอบรมเปลี่ยนสายงาน และในหลักสูตร มีการพามาปฏิบัติธรรม ที่วัดปัญญานันทาราม รังสิตคลองหก จ.ปทุมธานี 

ผมชอบพระธรรม ที่พระท่านสอนอยู่หลายบท  มีอยู่ประเด็นหนึ่งน่าสนใจ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ ผู้นำขั้นสูงทุกรุ่น ครับ 

กล่าวคือ ที่วัดนี้ ฝึกให้ผู้เข้ามาปฏิบัติธรรม พัฒนาตนอย่างจริงจัง เรียบง่ายตามหลักพุทธบริษัท และที่สำคัญคือ เน้นการอยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง

การกระทำอย่างสูง(ผู้นำขั้นสูง) เน้นด้วยการสร้างลักษณะนิสัย 6 ประการ ได้แก่

  1. ตรงต่อเวลา
  2. วาจาไพเราะ
  3. สงเคราะห์ช่วยเหลือ
  4. ทำความเชื่อให้ตรง
  5. ดำรงตนให้น่ารัก
  6. รู้จักละวางเพื่ออนาคต

หวังว่าข้อความเหล่านี้ จะเป็นเครื่องมือไว้ตรวจสอบและพัฒนาตน ในฐานะผู้นำขั้นสูง ตลอดไป ขอความสวัสดีจงมีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

ดีใจและยินดีที่ ดร.มนตรี ผนส.รุ่น 4 ได้แวะเวียนเข้ามาอ่านในบล็อก ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง ซึ่งทางสถาบันพิทยาลงกรณฯ ได้เปิดไว้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ของ ผนส. ทุกรุ่นครับ

สวัสดี

 

ที่มา http://gotoknow.org/blog/yom-nark11/234646

 

ท่าน ผนส.4  เพื่อทราบการนำเสนอโครงการพัฒนาสหกรณ์

ศุกร์ที่ 11 ธ.ค 52    09.00-12.00 น. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการทำงาน (ดร.ครรชิต  มาลัยวงศ์)

13.00-16.00 น. การสื่อสารกับการบริหารองค์กร (อ.เสนีย์  แดงวัง)

16.30-19.30 น. Dinner  Talk  ประสบการณ์และความสำเร็จ  (คุณอุทัย  พิมพ์ใจชน)

เสาร์ที่ 12 ธ.ค 52     09.00 - 12.00 น. คูณธรรม  จริยธรรม และธรรมาภิบาลสำหรับนักบริหาร

                             (ดร.อรพินท์  สพโชคชัย)

13.00-16.00 น. การสร้างและพัฒนาภาวะผู้นำ (ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์)

สวัสดี ผนส.4 และท่านผู้อ่านทุกท่าน

บันทึกของ ดร.มนตรี อันดับที่ 514 น่าสนใจครับ มีสาระและสามารถเรียนรู้ด้านภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี  ผมคิดว่า ผู้นำในยุคนี้ ควรใช้ภาษาได้มากกว่า 2 ภาษา ผมเคยพูดคุยกับคนสิงค์โปร์ เขาบอกว่า คนสิงค์โปร์ต้อง 6 ภาษาครับ แค่ 2 ไม่พอก็น่าทึ่งครับแล้วเขาทำได้จริง ๆ บันทึกที่ 513 คุณศิวกร ขวัญดี นำพุทธปรัชญา คำสอนของพุทธศาสนามาเผยแพร่ ขออนุโมทนาสาธุ เป็นสิ่งที่ดีครับ ช่วยกันเผยแพร่หลักคำสอนที่ดีมีประโยชน์ ได้ข้อคิด เป็นกัลยาณมิตรที่ดีครับ

นักคิดระดับโลกกับพุทธปรัชญา
มาร์แชล โกลด์สมิท ผู้ที่สมาคมบริหารจัดการแห่งสหรัฐอเมริกา (American Management Association) ได้ยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 50 นักคิดและการพัฒนาผู้นำอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีอิทธิพลต่อสาขาการบริหารจัดการในรอบหลายปีมานี้ ด้านนิตยสารบิซิเนสวีกจัดอันดับให้โกลด์สมิทเป็นหนึ่งในนักปฏิบัติที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาสตร์แห่งการพัฒนาความเป็นผู้นำ และยังได้รับการยกย่องจากอีกหลายสถาบัน หลายสื่อ

ในแนวความคิดของคนผู้นี้ นับเป็นผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลระดับโลกในแง่แนวความคิด โดยเฉพาะที่พุ่งตรงไปในบรรดาผู้นำ ล่าสุดได้ออกหนังสือ “What Got You Here Won't Get You There” เมื่อต้นปี ก็ติดอันดับเป็นหนังสือทางธุรกิจที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

ศาสตร์หนึ่งที่นักคิดระดับโลกผู้นี้ยอมรับ คือ หลักแห่งพุทธปรัชญา และได้นำมาเป็นส่วนหนึ่งของงานเขียน พร้อมทั้งบอกว่าสิ่งที่โลกตะวันออกรู้จากคำสอนของศาสดาแห่งศาสนาพุทธ เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัว เขาได้ลองนำมาปฏิบัติแล้วจึงอธิบายต่อแบบไม่ต้องซับซ้อน ดังนั้นสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยปฏิบัติแล้วสำเร็จ เมื่อเขานำมาประยุกต์ใช้ความสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้น รู้สึก
เสียดายที่ในการสัมมนา ผนส.4 เรายังไม่มีการนำหลักการจัดการอย่าง "พุทธบริษัท" มาแลกเปลี่ยนกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม การสัมมนา ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูงรุ่น 4 ดำเนินไปด้วยดี และกำลังจะเสร็จสิ้นการสัมมนาในเร็ว ๆ นี้  ผมขอชื่นชมกับความตั้งใจใฝ่รู้ของผู้นำสหกรณ์ทุกท่าน ที่ผมประทับใจมากคือความขยัน อดทน ตรงต่อเวลา มีกติกามารยาทสมกับเป็นผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง

ด้วยความประทับใจดังกล่าวข้างต้น จึงนำภาพ "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูงรุ่นที่ 4" บางส่วน มาให้ท่านได้ชมกัน ครับ

  

Dsc_0701

ภาพที่ 1"หมากที่ไต้หวัน" เป็นภาพถ่ายเมื่อพาผู้เข้าร่วมสัมมนา ผนส.รุ่นที่ 4 ไปศึกษาดูงานที่ "ไต้หวัน" ที่ไต้หวันมีร้านขาย "หมาก" อยู่หลายร้าน คนไต้หวันที่ทำงานมาก ๆ นิยมเคี้ยวหมากเหมือนผู้ใหญ่ในบ้านเรา ภาพนี้เสียดายที่มีอีกหลายท่านที่เดินตามมาดู กลยุทธ์การขายผลิตภันฑ์ทางเกษตร "หมาก" ของไต้หวัน อยู่นับสิบกว่าท่าน  ยุทธศาสตร์การขายหมากที่ไต้หวัน น่าสนใจนำมาประยุกต์กับสินค้าเกษตรของสหกรณ์การเกษตรครับ

 

Dsc_0843 

ภาพ 2 สนใจ ใส่ใจ เอาใจใส่ ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องบินกลับไทย ผู้เข้าร่วมสัมมนา ผนส.4 ยังให้ความสนใจหารือการวางแผนและการบริหารโครงการ ที่จะต้องนำเสนอก่อนจบการสัมมนา ผนส.4 โดยมีท่านรองประธานกรรมการบริหารสันนิบาตฯแห่งประเทศไทย คอยให้กำลังใจด้วยความสนใจอยู่ด้านซ้ายมือ ครับ

  

Dsc_0858 

ภาพ 3  การศึกษาไร้ขีดจำกัด แม้บนเครื่องบินก็ย่อมได้ สำหรับผู้นำขั้นสูงรุ่น 4 การศึกษาโครงการต่างๆ ที่ ผนส. 4 ส่งมาเพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมนั้น เป็นไปอย่างต่อเนื่อง แม้ระหว่างการเดินทางศึกษาดูงานระหว่างประเทศ การให้การเอาใจใส่ผลงานผู้เข้าร่วมสัมมนา เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากครับ

 

Dsc_00521 

Dsc_0466 

ภาพ 4 และภาพ 5 ขยัน ตั้งใจ ใฝ่รู้ แม้แต่การศึกษาดูงานในประเทศ ก็ยังมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ผนส. 4 ผู้มีความมุ่งมั่น เอาใจใส่ต่อกิจกรรมที่สถาบันฯกำหนดไว้ เข้ามาหารือโครงการเป็นระยะ ๆ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ

 

Dsc_0079 
ภาพ 6 อายุไม่ใช่อุปสรรค ถ้ารักสะอย่าง ถ้ามีความตั้งใจ มีอัตตาต่ำ มีความใฝ่เรียนรู้สูง ในภาพนี้ ผมประทับใจผู้เข้าร่วมสัมมนาท่านนี้(ขวามือ)มาก เพราะท่านเป็นบุคคลแรกที่เข้ามาหารือโครงการ และเป็นโครงการที่ส่งก่อนเรียบร้อยเป็นรายแรกของ ผนส.4 ครับ

 

Dsc_02611 

ภาพ 7 ดีใจที่มาเยือน คุณธญา(ผนส.2) หญิงเหล็กรุ่น 2(ใส่หมวก) คุณอดิศักดิ์(ผนส.3)ที่สองจากขวามือ ประธานรุ่น(ผนส.4)และ ผนส.4 บางส่วน ถ่ายภาพร่วมกันขณะไปศึกษาดูงานที่ฟาร์มโชคชัย เมื่อไม่นานมานี้ครับ ขอบใจสำหรับความเป็นกันเอง และความร่วมมือที่ดีเยี่ยม ของผู้นำสหกรณ์ขั้นสูงรุ่น 4

 

Img_8376 

ภาพ 8 วันแห่งความภาคภูมิใจ สำหรับบันทึกวันนี้ เป็นภาพที่ ผนส.2 บางส่วน เชิญผมไปร่วมสังเกตการณ์ เมื่อครั้งที่ ผนส.2(คุณธญา) ได้รับเชิญจาก ธกส. ให้ไปเป็นวิทยากร ถ่ายทอดประสบการณ์แห่งความสำเร็จในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรของสมาชิกสหกรณ์ ครับ

ที่จริง สำหรับ ผนส.4 ยังมีภาพประทับใจอีกหลายภาพครับ  ที่บ่งบอกอะไรบางอย่างที่น่าประทับใจอย่างมาก "ภาพถ่ายทดแทนคำพูดได้นับพัน ๆ คำ" ครับ

สัปดาห์หน้า และอีกสัปดาห์ถัดไปกว่าจะได้พบกันอีกคงอีกหลายวัน ขอเป็นกำลังใจให้กับ ผนส.4 ทุกท่าน ที่กำลังคิดทำโครงการเพื่อสาธารณะประโยชน์ จัดสัมมนาใหญ่ หลักการทำงานให้สำเร็จมีหลายแนวความคิด  และขอให้ท่านเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอโครงการด้วยน๊ะครับ ขอให้ท่านคิดถึง "ในหลวงของเรา" ยึดถือในพระองค์ท่านพระองค์ท่านทรงงานหนักกว่าเรามากมายครับ พระองค์ท่านเป็นกำลังใจของพวกเราชาวไทยทุกคน ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณพระพุทธ พระธรรมและคุณพระสงฆ์ ช่วยอำนวยพรให้ท่าน ประสบความสำเร็จในสิ่งดี ๆ

 

ขอความสวัสดีจงมีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

 

แหล่งอ้างอิง http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/295678

                 http://gotoknow.org/blog/yom-nark11/234646

อนาคต...รถจะใช้น้ำแทนน้ำมัน (นิติภูมิ)

ศุกร์ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๒

ผมเคยเขียนลงไปใน นสพ.ไทยรัฐ เมื่อ ๔ ปีที่แล้วนี่แหละครับ ว่าต่อไปในอนาคต เยาวชนคนรุ่นใหม่จะไม่รู้จักเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า ต่อไปมนุษย์จะไม่รู้จักปั๊มน้ำมัน บริษัทน้ำมันทั้งหลายในโลกนี้จะต้องมลายหายไป ประเทศที่จะกลับไปยากจนเหมือนเดิมก็คือ กลุ่มประเทศตะวันออกกลางทั้งหลายที่กดดันโลกมาเป็นเวลาช้านานด้วยพลังงานฟอสซิล อย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เขียนรับใช้ไปเมื่อก่อนตอนโน้น โอย ไอ้ปื๊ดลูกเจ้สำอางข้างบ้านผมมันหัวเราะเยาะข้อเขียนของผมจนฟันกระเด็นออกมานอกปาก อีเปี๊ยกลูกเจ้น้องก้นซอยสอง มันก็ไปโพนทะนาสาธยายว่าพี่นิติภูมินี่หัวเสื่อมไม่มีน้ำยาสมองแล้ว บ้าบอคอแตกถึงขนาดเขียนออกไปได้ว่า ต่อไปโลกจะไม่ใช้น้ำมัน จะไม่มีเสาไฟฟ้า วันนี้ สิ่งที่เขียนความจริงแล้วครับ มากมายหลายประเทศประสบความสำเร็จในการนำรถเซลล์เชื้อเพลิง หรือรถพลังงานไฮโดนเจน ออกมาใช้กันแล้ว ถ้าผู้อ่านท่านเทียวเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ เห็นข้างรถเขียนตัวอักษรว่า FCV หรือ FCHV ก็ขอให้ทราบไว้ว่า รถยนต์พวกนี้ไม่มีถังน้ำมันและไม่ใช้น้ำมัน รถพวกนี้ไม่มีท่อไอเสีย และจะไม่ปล่อยก๊าซเสียอะไรออกมาให้มนุษย์เป็นมะเร็งเลย เพราะไม่มีการสันดาปหรือเผาไหม้อะไร เพียงแต่มีน้ำหยดออกมาบ้าง เพราะเมื่อก๊าซไฮโดรเจนเจอกับก๊าซอ๊อกซิเจนในอากาศ ก็จะรวมตัวกันได้เป็นน้ำ   รถยนต์แห่งอนาคตใช้น้ำ ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายในโลกนี้ที่เคยใช้น้ำมันไปปั่นกระแสไฟฟ้า ต่อไปใช้น้ำ คุณพี่ทนง ขันทอง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น และนิติภูมิมีวาสนาก้นได้ไปนั่งมากันแล้วที่ญี่ปุ่น โอย ผู้อ่านท่านผู้เจริญ รถบ้าอะไรไม่รู้วิ่งนิ่ง เงียบ เฉียบ เร็วปรู๊ดปร๊าด แซงซ้ายป่ายขวาได้ไวกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเยอะ เติมโฮโดรเจนครั้งเดียวเที่ยวเทียววิ่งไปได้ไกลกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาก โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ อะไรทั้งหลายทั้งปวงต่อไปใช้เซลล์เชื้อเพลิง หรือ fuel cell ที่มาจากไฮโดรเจนทั้งนั้น  ประเทศไทยไชโยของเราซื้อน้ำมันมาใช้ในประเทศปีละ ๘-๙ แสนล้านบาท เกินครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่ใช้กันในประเทศในแต่ละปี หากรัฐบาลไทยจริงใจ ไม่จิงโจ้ ผมว่าท่านเจียดงบประมาณเอาไปให้สถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพ สถาบันที่ไม่ขายการศึกษาหากิน ฯลฯ ค้นคว้าวิจัยให้ถึงกึ๋น ไม่ใช่ต่อไปในอนาคต เมื่อเซลล์เชื้อเพลิงราคาถูกลงและใช้กันทั่วโลกแล้ว ไทยยังต้องใช้เงินเท่าเดิมซื้อเทคโนโลยีพลังงานเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ อย่างนี้ก็กรรมของชาติบ้านเมืองละครับ  สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าหนึ่งมือคลำ คุณพี่ทนง ขันทอง กับนิติภูมิไปคลำมาแล้ว แม้ว่าจะเอามาให้ท่านคลำที่เมืองไทยยังไม่ได้ แต่ผมก็มีภาพยนตร์มาให้ท่านดู ผู้อ่านท่านครับ เช้าเสาร์ที่จะถึง ๖.๐๐ – ๖.๓๐ น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๓ รายการ ‘World Beyond เดินทางสร้างชาติ’ ที่นำโดยนิติภูมิและลูกสาวสุดเลิฟ ‘ธมลวรรณ นวรัตน์’ จะรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพเรื่อง “พลังงานแห่งอนาคต” เชิญดูกันให้เต็มตา ว่าฤทธิ์ Fuel cell เป็นยังไง ท่านที่ตื่นมาดูไม่ทัน กรุณาเข้าไปที่เว็บไซต์ nitipoom.com เมนู World Beyond/ Balance TV2 ดูเวียนได้ ๒๔ ชั่วโมง

 ผู้อ่านท่านผู้เจริญ ทุกวันนี้ เราจำเป็นต้องมาชุมนุมสุมหัวช่วยกันคิดถึงประเทศไทยในอนาคตอีก ๑๐ ปี ๒๐ ปีแล้วครับ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ก็เหมือนกัน วันนี้เร่งเครื่องแรง เพราะต้องการสร้างนักอัญมณีศาสตร์รุ่นใหม่ เขียนให้อ่านเข้าใจกันง่ายขึ้นก็คือ เดี๋ยวนี้คนไทยที่ทำธุรกิจด้านอัญมณีมีจำนวนลดน้อยถอยลงไปมาก เราจำเป็นต้องรักษาหม้อข้าวที่เอาเงินเข้าประเทศปีละถึงแสนล้านบาทหม้อนี้ให้ยังดำรงคงอยู่ คนรุ่นเก่าจึงต้องส่งไม้ต่อ โดยให้ความรู้ความเข้าใจกับคนไทยรุ่นใหม่ ขั้นตอนแรกเลยก็คือ การจัดสัมมนาฟรีเพื่อให้ความรู้เยาวชนคนไทย  อังคาร ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตั้งแต่ ๘.๓๐ – ๑๕.๓๐ น. พวกเราจะไปรับใช้ให้ความรู้คนรุ่นใหม่ในเรื่องแหล่งพลอยใหม่ๆ ของโลก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา ที่ห้องประชุมชั้น ๑ กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก กทม. ท่านจะได้พบกับ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก นายอิทธิพงษ์ พลบุตร ประธานคณะอนุกรรมการจัดหาวัตถุดิบอัญมณีและความร่วมมือระหว่างประเทศ นายอดิสัย ธรรมคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมเจรจาการค้า กระทรวงพาณิชย์ นายซุ่ยไฮ้ แซ่เอง เลขาธิการสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยฯ นายอภิสิทธิ์ จรัลทรัพย์ อุปนายกสมาคมผู้ผลิตอัญมณีฯ นายธนาเศรษฐ์ อุดมรัตนะมณี ผจก. บริษัท Thai Jewelry Advance ผศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ ทปษ.สถาบันิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) มีภาพยนตร์เหมืองพลอยในสาธารณรัฐโมซัมบิกมาฉาย มีการแนะนำการเข้าสู่อาชีพอัญมณี อาชีพที่จะต้องสงวนไว้ให้คนไทยเป็นเบอร์หนึ่งของโลก มี workshop ลักษณะของพลอยจากแหล่งต่างๆ ในทวีปแอฟริกา ฯลฯ นิติภูมิของท่านผู้อ่านก็ไปพูดด้วย ในฐานะอุปนายกสมาคมผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับไทย และที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ท่านใดสนใจเชิญโทรศัพท์ไปที่คุณยุพดี ๐๒ ๙๖๕ ๒๒๒๓ ถึง ๔ ทุกอย่างฟรี ความมุ่งมั่นของผู้คนในกระทรวงพาณิชย์คือ ‘พลอยต้องเป็นอาชีพที่มนุษย์พันธุ์ไทยมีความชำนาญที่สุดในโลก’

พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของผู้บริหารหรือผู้นำ

ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างสูง

 

สวัสดี ผนส.และท่นผู้อ่านทุกท่านครับ

หวังว่า ทุกท่านคงสบายดีน๊ะครับ ผมไม่ได้พบคุณเกรียงไกรหลายวันแล้ว หวังว่าคุณเกรียงไกรคงสบายดีน๊ะ  บันทึกของผมฉบับนี้ กล่าวถึง "พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของผู้นำ" ทั้งนี้ไม่มีเจตนาจะกล่าวว่าใครทั้งสิ้น  เราพูดถึงผู้นำขั้นสูงแน่นอนว่าต้องมีขีดความสามารถในการคิดเชิงบวกหรือคิดกว้าหน้าสร้างสรรค์น๊ะครับ

ในบันทึกนี้ ผมได้อ่านบทความหนึ่งในหนังสือ  What got you here, won’t get you there  ของ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิธ ได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับผู้บริหารหรือผู้นำไว้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่อง "พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของผู้นำ"  ด้วยเหตุจูงใจให้อ่านคือ การค้นคว้าเพิ่มเติมประจำวัน ค้นคว้าหาข้อคิดไว้เตือนตนและเป็นการเตรียมพัฒนาปรับปรุงการทำงานของผมในปีใหม่ พ.ศ. 2553

ดร.มาร์แชล ผู้เขียนหนังสือดังกล่าว เป็นโค้ชให้กับผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์การ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพทั้งสิ้น  ดร.มาร์แชลยังเคยเป็นกรรมการบริหารใน "มูลนิธิปีเตอร์ ดรั๊คเกอร์" มาหลายปี เขาเคยได้พบเห็น Peter Drucker ซึ่งเป็นบรมครูของบรรดา ครู อาจารย์ ที่สอนในสาขาการบริหาร โดยได้ให้แง่คิดไว้หลากหลาย แต่ที่ ดร.มาร์แชล ชื่นชอบในความเห็นของ Peter Drucker มาที่สุดก็คือคำพูดของ Peter Drucker ที่กล่าวว่า

“พวกเราใช้เวลา แรงกายและแรงใจมากมายไปกับการสอนสั่งบรรดาผู้บริหาร หรือผู้นำในเรื่อง ใหม่ ๆ แต่ว่าเราให้ความสำคัญน้อยมากกับการสอนให้ผู้นำของเราเลิกพฤติกรรมบางอย่าง กว่าครึ่งของผู้นำที่เราพบ เขาเป็นผู้รอบรู้มากพออยู่แล้ว พวกเขาควรจะเรียนรู้ว่าจะเลิกพฤติกรรมอะไร (พฤติกรรมไม่พึงประสงค์) ต่างหาก”  พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ได้แก่

1. ความอยากจะเอาชนะมากเกินไป คือการที่ต้องการจะชนะในทุกที่ทุกเวลาทุกคน โดยไม่สนใจว่าจะถูก จะเหมาะ จะควรหรือไม่ ไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้าง

2. ความต้องการมีส่วนแสดงความเห็นในทุกเรื่องทุกโอกาส คือคิดว่าตนเองปราถนาดี หวังดีต่อองค์กร ต่อการทำงานของทุกคนในองค์กร จึงเสนอแนะความเห็นไปเสียทุกเรื่อง ขอให้ได้บอก แม้ว่าจะพูดเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่หารู้ไม่ว่า "ถ้าผู้บริหารหรือผุ้นำยิ่งมีตำแหน่งสูงมากเท่าใด การออกความเห็นของเขาเพียงคำสองคำก็อาจจะกลายเป็นคำสั่งไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นก็ตาม"

3. การด่วนสรุปตราหน้าผู้อื่นเร็วเกินไป คือการที่ใช้มาตรฐานของตนเองเป็นใหญ่ในการประเมินคนอื่น ที่มีพฤติกรรมหรือผลงานไม่ดีหรือสูงเท่ากับของเขาเอง

4. การชอบวิจารณ์ในทางที่ไม่สร้างสรรค์ ชอบเสียดสี หรือการแสดงความคิดเห็นแบบสอดแทรกในลักษณะที่ทำให้คนอื่นดูว่าเราฉลาดกว่าคนอื่น

5. การเริ่ม บทสนทนาด้วยคำพูดว่า “ที่เสนอมาน่ะ ก็ โอเคน๊ะ แต่ผมไม่เห็นด้วยนะ” “แต่ว่า” หรือ “อย่างไรก็ตาม” คือขอแสดงความเห็นคัดค้านไว้ก่อน เสมือนประหนึ่งว่า “ที่คุณทำ คุณพูดน่ะถูก แต่ของผมถูกกว่าก ถ้าขืนทำไปคุณอาจผิด (I'm OK, You're not OK”

6.ต้องการบอกให้โลกรู้ว่า ข้านี้ฉลาดหรือเก่งเพียงใด”

7. การพูดด้วยความโกรธ ใช้อารมณ์ในการบริหารหรือการนำ

8. การชอบแสดงความเห็นแง่ลบไว้ก่อน แม้ว่าคนอื่นยังไม่ถามความเห็นเลย

9. การเก็บข้อมูลไว้ไม่แชร์กับคนอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้ตนเองมีข้อมูลเป็นอำนาจต่อรอง

10. การไม่ชมเชยคนทำงาน ตกหล่นการยกย่องชมเชยและให้รางวัลเมื่อคนของตนทำงานได้ดี

11. การเอา ความดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นผลงานคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่มองว่าตนเองมีส่วนสร้างสรรค์ผลงานและความสำเร็จสูงเกินความ เป็นจริง

12.การชอบมีข้ออ้างแก้ตัวว่า "ไม่ใช่ความผิดของตน" เช่น มาช้าเพราะวางแผนเวลาไม่ดีก็อ้างว่ารถติด

13. ชอบโทษอดีตชะตากรรม มักยกเรื่องราวในอดีตเพื่อจะเป็นข้อแก้ตัวว่าตนเองไม่ใช่สาเหตุ “ผมเป็นลูกคนกลาง เลยชอบเรียกร้องความสนใจ ทำให้หงุดหงิดง่ายไปหน่อย...”

14. การไม่มีความยุติธรรม ชอบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างเห็นได้ชัด

15. การขอโทษคนไม่เป็น เมื่อทำอะไรพลาดลงไปก็ไม่ยอมรับ และไม่แสดงความรับผิดชอบขอโทษคนที่ได้รับผลกระทบ

16. การไม่ยอมรับฟังความเห็นจากคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่ไม่แสดงความเคารพคนอื่นด้วยการไม่ฟังเขาเหล่านั้น  

17. การขอบคุณผู้คนไม่เป็น ไม่ขอบคุณคนอื่นที่เขาให้ความช่วยเหลือ เป็นเรื่องความบกพร่องพื้นๆ ที่มองข้ามไป

18. การทำร้ายคนที่บอกข่าว เมื่อมีคนพยายามจะบอกเราในเรื่องที่ไม่ดี แทนที่จะขอบคุณเขา กลับตำหนิเขากลับอย่างรุนแรง

19. การโบ้ยความผิดไปให้ผู้อื่น ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นสาเหตุ

20. มีอัตตาสูง มีความเป็น “ตัวกู ของกู” มากจนเกินไป ยึดมั่นในตนเองสูง ไม่ยอมจะทำในเรื่องต่างๆ ที่ง่ายๆ เช่น การไม่อยากชมคนอื่นเพียงเพราะว่า “ก็ฉันเป็นคนไม่ชอบชมคนนี่น่า ฉันเป็นของฉันอย่างนี้เอง...”  

พฤติกรรมที่เป็นหลุมพรางของนักบริหารหรือผู้นำขั้นสูง เหล่านี้ จะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าและความสำเร็จของผู้บริหารหรือผู้นำ คือเคยรุ่ง เคยสำเร็จมาแล้ว แต่หากมีพฤติกรรมดังกล่าว อาจทำให้ตกต่ำลงได้ ดังคำกล่าวที่ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิธ กล่าวไว้ในหนังสือว่า  What got you here..Won’t get you there”  หนทางในอดีตอาจไม่ใช่เส้นทางไปสู่จุดมุ่งหมายของอนาคต

“How Successful People Even Become More Successful?”  ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจะสามารถประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้บริหาร ผู้นำที่มีวุฒิภาวะผู้นำที่ต้องการประสบความสุขความสำเร็จมาแล้ว และยังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความสุข ความสำเร็จอย่างยั่งยืนมักให้ความสำคัญเสมอ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาขีดความสามารถของผู้นำทุกระดับ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูงรุ่นที่ 4 ทุกท่าน ที่ใกล้วันที่จะต้องเตรียมการเสนอโครงการ เตรียมการจัดสัมมนาใหญ่ การเตรียมตัวกับการแสดงของรุ่นเพื่อเตรียมฉลองความสำเร็จในการอบรม ผู้นำสหกรณ์ชั้นสูง...ครับ

ขอความสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน

 


อ้างอิง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทบาทของผู้บริหารที่แท้จริง

ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มใจถือเป็นเพราะบุคลิกลักษณะพิเศษประการหนึ่ง คือผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำจะไม่มีการเลือกปฏิบัติไม่ว่าที่มาของผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานจะเป็นอย่างไร ไม่แยกเขาแยกเรา   ดังคำกล่าวของ เติ้ง เสี่ยวผิง  ที่ว่า “ ไม่ว่าแมวสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้เป็นใช้ได้” ความลำบากใจของผู้บริหารจึงอยู่ที่จะกำกับดูแลให้คนของตนเองไม่ไปรังแกคนอื่น โดยอ้างอำนาจนายได้อย่างไร ผู้บริหารที่ไม่มีภาวะผู้นำนอกจากไม่กำกับดูแลแล้วยังไม่ท้ายอีกต่างหาก ในทางปฎิบัติที่เป็นจริง การที่ผู้บริหารไม่ไว้ใจคนในองค์กรที่มีอยู่เท่ากับผู้บริหารไม่ไว้ใจผู้อื่น สิ่งที่ได้คือคนอื่นก็ไม่ไว้วางใจผู้บริหารเป็นการตอบแทนเช่นกัน ตามหลักกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาหรือหลักฟิสิกส์ คือปฏิกิริยา Action เท่ากับ Reaction ความคิดไม่ไว้วางใจใครจึงเป็นจุดเริ่มของการขาดภาวะความเป็นผู้นำแต่นี้เป็นต้นไป

การจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จผู้บริหารต้องมีภาวะผู้นำ ซึ่งปฏิเสธมิได้เช่นกันว่าผู้บริหารในเมืองไทยโดยเฉพาะในองค์กรของรัฐ ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำในความหมายของสากลหาได้ยาก อย่างไรก็ดี การศึกษาเรียนรู้ภาวะผู้นำอาจช่วยให้ผู้บริหารฉุกคิดได้เช่นกันว่า ถ้าตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารจะต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของความมีภาวะผู้นำ อย่างน้อยเป็นการเตือนสติหรือชี้นำแนวทางในการบริหารจัดการองค์กรไปในทิศทางที่พึงปรารถนาขององค์กร โดยทั่วไปผู้บริหารควรมีลักษณะบทบาทดังนี้

1. วางเงื่อนไขและจัดการคนในกลุ่ม ฝ่ายงาน ส่วนงาน ให้ปฎิบัติตาม
2. สร้างวิธีคิด วิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
3. ชอบแก้ไขปัญหา อาสาแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางพฤตินัย นิตินัยและ / หรือการปฏิบัติงาน
4. กำหนดทิศทางขององค์กร กำหนดวัตถุประสงค์ของฝ่ายงานส่วนงานที่สอดคล้องกับทิศทางขององค์กร
5. เป็นผู้จัดการทรัพยากรขององค์กรในการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรให้บรรลุเป้าหมาย
 6. กำหนดงาน กิจกรรมกระบวนการปฏิบัติที่ดีที่สุด (Optimal Mean)
 7. มีบทบาทต่อการตัดสินใจขององค์กร
 8. กำกับให้มีการปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง การติดตามประเมินผลและเข้าไปแก้ปัญหาเมื่อเกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน
 9. มีทักษะและความช่ำชองในการปฏิบัติงาน ดังนั้น ต้องมีความรู้ในศาสตร์บริหาร

10. คิดและปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่องและแสวงหาโอกาสที่จะพัฒนางานขององค์กร ฝ่ายงาน ส่วนงาน หรือหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ
 11. จูงใจและกระตุ้นส่งเสริมพนักงานให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
 12. เป็นผู้นำในการทำงานให้ผู้อื่นได้เอาแบบอย่างและร่วมกันทำงานอย่างมีประสิทธิผล
 13. สามารถประสานงาน ประสานแผนและประสานงานกับองค์กรอื่นได้ดี
 14. มีคุณธรรมของผู้บริหาร คือมีพรหมวิหารสี่ ได้แก่ ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา 


ลักษณะบทบาททั้ง 14 บทบาท เป็นปัจจัยบ่งชี้ภาวะผู้นำได้เป็นอย่างดี และมิได้หมายความว่าผู้นำจะมีลักษณะบทบาทอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น อาจมีหลายลักษณะบทบาทผสมผสานมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้นำแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังหมายถึงระดับของภาวะผู้นำที่ดีอาจจะประกอบด้วยบุคลิกลักษณะหลายบทบาทอยู่ในตัวคนๆ เดียวในลักษณะของความเข้มข้นต่างกันด้วย กล่าวคือมิได้หมายความว่าผู้บริหารมีบทบาทครบทั้ง 14 บทบาทจะเป็นผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำเหมือนกัน ยังต้องดูองค์ประกอบหรือปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดบทบาทดังกล่าวข้างต้นอาจมีไม่เท่ากัน

กำหนดการสัมมนา/ปิดการฝึกอบรม
โครงการพัฒนาผู้นำสหกรณ์
หลักสูตร "ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง รุ่นที่ 4" (ผนส. 4)
เรื่อง "พ.ร.บ.สหกรณ์ใหม่ สังคมไทยจะได้อะไร"
ณ ห้องประชุมศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตสหกรณ์ฯ
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2552
จัดโดย...ผนส. 4

***********************

07.30-08.30 น.    ลงทะเบียน ณ ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส
08.30-09.00 น.    ปฐมนิเทศ / พิธีเปิดการสัมมนา
09.00-09.15 น.    ประธานในพิธีกล่าวเปิดการสัมมนาฯ  พณฯอลงกรณ์   พลบุตร 

                         (รมช.กระทรวงพาณิชย์)

09.15-11.00 น.    อภิปราย เรื่อง "พ.ร.บ.สหกรณ์ใหม่ สังคมไทย จะได้อะไร"
                          โดย..
                           1.รศ.ดร.สวัสดิ์      แสงบางปลา
                           2.รศ.ฉายศิลป์      เชี่ยวชาญพิพัฒน์
                           3.นายชาติ           ฟ้าประกาศิต    (ผู้ทรงคุณวุฒิใน คพช.)
                          ประธานดำเนินการอภิปราย โดย.. ศ.ดร.จีระ   หงส์ลดารมภ์
                          วิพากย์โดย..
                          1.ฯพณฯอลงกรณ์   พลบุตร  (รมช.กระทรวงพาณิชย์)
                          2.ผู้แทนจากสมาชิกวุฒิสภา
                          3.อัยการปรเมศร์     อินทรชุมนุม (อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 
                                                     สำนักงานอัยการสูงสุด)
                          4.คุณเอ็นนู            ซื่อสุวรรณ  (รองผู้จัดการ ธกส.)
11.00 น.        พิธีปิดการสัมมนา/พิธีปิดการอบรม/มอบวุฒิบัตร ผนส. 4

                    (รมช.ศุภชัย  โพธิ์สุ)

สวัสดีส่งท้ายปีเก่าครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ 

วันนี้เป็นวันจันทร์สุดท้ายของปีนี้(พ.ศ. 2552) ผมถือโอกาสไปทำบุญเลี้ยงพระเพล ถวายสังฆทานพระประมาณ 200 รูป เป็นการทำบุญส่งท้ายปีเก่า ขอแสดงความยินดีกับ ผนส.รุ่น 4 ทุกท่านที่ผ่านการอบรมไปด้วยดี ชื่นชมคุณสายสมร คุขุนทด สาวน้อย ณ โคราช กล่าวถึงผมและคณาจารย์ในแง่ดีเสมอมา ขอบใจสำหรับคำชื่นชมยกย่องที่เขียนมาครับ

สิ่งที่ผมขอให้พวกเราอย่าลืมขอบคุณและระลึกถึงด้วย ก็คือ "ท่านพิทยาลงกรณ์" ที่ท่านนั่งอยู่ด้านหน้าสันนิบาตสหกรณ์ ผมคิดว่าพวกเราต้องขอบคุณทาง สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ โดยประธานคณะกรรมการบริหาร(คุณน้อย) และทีมงาน ด้วยครับ ที่มีส่วนริเริ่มให้เกิดโครงการ "ผนส." ขึ้น โดยเฉพาะท่านอดีต ผู้อำนวยการสันนิบาตฯ ที่เราเรียกกันว่า "ผอ.วิทย์" ที่ผมเองยังนึกถึงและคิดถึงในคุณงามความดีของอดีตผอ.วิทย์ อยู่เสมอ ซึ่งผมจำได้ว่า ทีมนี้ได้มาพบ ศ.ดร.จีระ เพื่อขอคำแนะนำในการทำหลักสูตรนี้

สำหรับคุณภานุรัตน์ ถนอมทรัพย์ ซึ่งผมและตัวแทน ผนส. 4 และสันนิบาตฯ ได้มีโอกาสไปร่วมงานบิดาของท่านที่อ่างทอง นั้น คุณภานุรัตน์ ให้การต้อนรับที่ดี ผมได้รู้จักกับบุคลลที่น่าสนใจอีกหลายคน สำหรับ "พระ" ที่ผมพูดคุยด้วยนั้น ปรากฎว่าเป็นญาติกัน ไม่ได้พบเจอกันมากว่า 20 ปีแล้วครับ  นับว่าโชคดีมาก ผมจำพระ....พระครูท่านนี้ไม่ได้ แต่ท่านจำผมได้แม่นยำ

ดีใจที่ คุณนพคุณ ผนส. 2 เข้ามาเยี่ยมและเขียน สวัสดีปีใหม่ ในบันทึกของ ผนส. 4 แห่งนี้  ผนส.2 นี่เขาม่เอกลักษณ์แห่งความดีงามที่หลากหลาย  จุดเด่นที่ผมประทับใจคือ ทุกครั้งที่ ผนส.2 เข้ามาเขียนในบล็อก ผนส. 2 ทุกคน จะกล่าวทักทายคณาจารย์เสมอ ลองเข้าไปชมบล็อกของ ผนส. 2 ได้ที่ http://gotoknow.org/blog/leadersship/238209  ซึ่งมีการพัฒนาการต่อยอดการเขียนบล็อก โดยสามารถจัดทำบล็อกและบริหารจัดการบล็อกได้เอง เยี่ยมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ  ครับ น่าศึกษาและปราถนาจะเห็น ผนส. 4 พัฒนาต่อยอดได้เช่นกัน

คุณปาณิสรา แวะเข้ามาทักทายแบบว่า มีพัฒนาการโดดเด่นกว่าเพื่อน คือ เปิดบล็อกได้เอง และมีรูปถ่ายทุกครั้งเวลาเข้ามาเขียนบล็อก ขอแสดงความยินดีกับขีดความสามารถการใช้บล็อกที่เพิ่มขึ้น ครับ ขอบใจสำหรับความมุ่งมั่น ขยัน อดทนและมีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ ลุยไปอ่างทอง โดยไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อย ง่วงนอนแต่อย่างใด

คุณศุภารณ์ คุณน้อย ผนส. 4 ก็เช่นกันได้แสดงความมีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ โดยการสละเวลาพักผ่อนไปร่วมงานบิดาของคุณภานุรัตน์ อยางตั้งใจ และคอยเป็นกำลังใจให้กัน

การเขียนบันทึกต่าง ๆ ลงบล็อก ขอให้พวกเราคิดถึงสังคมแห่งการเรียนรู้แห่งนี้ด้วย ครับ พยายามสอดแทรกสาระที่ดีมีประโยชน์  บล็อกของ ศ.ดร.จีระ มีผู้ชมมากมาย จะได้เกิดประโยชน์สูงสุด มอบสิ่งดีงามให้กันและกัน คือ การแชร์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ที่ดี

ส่งท้ายปีเก่านี้ สิ่งใดที่ผมอาจจะเผลอดพรั้งพลาดไป ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ ขออำนาจสิ่งศักสิทธิ์ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสงฆ์คุณ อำนวยพรให้ทุกท่านเจริญด้วยศีล สมาธิ สติ ปัญญา พร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ มีความสำเร็จและความสุข ..ตลอดไป ครับ

สวัสดีปีใหม่ 2553 ครับ.....

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกนี้ จงดลบันดาลให้ เจ้าหน้าที่และพนักงานสถาบันพิทยาลงกรณ์ ทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญในหน้าที่และก้าวหน้าในการงานและขอให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง

และขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาดีงามจงทุกประการตลอดปี พ.ศ.2553 และตลอดไป

ขอบคุณครับ

นก ปากช่อง(ผนส.3)

สวัสดีปีใหม่ ทีมงานพิทยาลงกรณ์ คณะกรรมการบริหารสันนิบาตสหกรณ์แอหงประเทศไทยและท่านผู้อ่านทุกท่าน

ขอขอบใจคุณดิศักดิ์สำหรับคำอวยพรในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2553

ตลอดการฝึกอบรมสัมมนา ผนส.รุ่น 4 ที่ผ่านมา ผมขอบใจ ทางทีมงานพิทยาลงกรณและวิชาการ ที่ได้มอบความดีงาม ความรูสึกที่ดีๆ ให้กับผม  ตลอดมาครับ

ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2553 ขออาราธนาบารมีแห่งพระรัตนตรัย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จงประสิทธิ์ประสาทพรให้ คณะกรรมการบริหารฯ และทีมงานทุกท่านและครอบครัวเจริญด้วยศีล สมาธิ สติ ปัญญา ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขอให้เจริญด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ มีสุขภาพกาย และใจที่ดี  มีอายุขัยยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี มีลาภ ยศ สรรเสริญสุขให้ได้มีโอกาสทำบุญสร้างบารมีรุดหน้าไปทุกภพ ทุกชาติ ตราบถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ

จากใจจริง อาจารย์ยม

http://gotoknow.org/blog/yom-nark11/234646

http://gotoknow.org/blog/leadersship/238209

http://gotoknow.org/blog/yom-11/324547

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/295678

สวัสดีปีใหม่  2553 

ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ  จงอำนวยพรให้  ผนส.ทุกรุ่น /ท่าน  มีความสุข  สุขภาพแข็งแรง  นำความคิดที่ดีไปสู่การพัฒนาตนเอง  ครอบครัว  และองค์กรที่ทุกท่านบริหาร

และขอส่งรายชื่อ สายที่  44 สันนิบาตสหกรณ์ฯ  (สถาบันพิทยาลงกรณ)

1.นายเกรียงไกร  ขำอินทร์

2.น.ส.อรนุช  กันภัย

3.น.ส.ชไมพร  ตันกุล

4.นางน้ำฝน  สัมดี

5.น.ส.ชนาภัทร  กลิ่นพุดตาล

6.น.ส.กฤษณา  ขำอินทร์

7.นายก่อเกียรติ  ขำอินทร์

8.นายขจรศักดิ์  ขำอินทร์

9.นางธิดา  ขำอินทร์

10.นายภานุวัฒน์  แว่นระเว

11.นายบรรดิษฐ์  เทนอิสระ

12.นายภูมินทร์  เจือไทย

เรียน   ผนส. 1-4 ทุกท่าน
           หากมีการเปลี่ยนแปลง/แก้ไข/เพิ่มเติมชื่อ ที่อยู่ / e-mail/โทรศัพท์ โปรดแจ้งสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการด้วย  อนึ่ง หากมีปัญหาเรื่องการดาวน์โหลดไฟล์ ช่วยแจ้งด้วย 

"Kaizen"

          เรามักได้ยินคำว่า "Kaizen" ในมุมมองของข้อเสนอแนะ ซึ่งนับว่าเป็นมุมมองที่แคบไปหน่อย  Kaizen ในมุมมองของ TQM จะเป็นเรื่องที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ "ข้อเสนอแนะ" แต่เป็นเรื่องของ "การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง" อันไม่จำกัดแต่เพียงการมีส่วนร่วมของพนักงานเท่านั้น แต่ทุกคนในองค์การต้องดำเนินการปรับปรุงงานของตนเองอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง

Kaizen หรือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องนั้น แบ่งกว้างๆ ออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะการปรับปรุง คือ

1.การรักษามาตรฐานการปฏิบัติงาน  
        ในประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทุกองค์การต้องมีเป็นพื้นฐาน แม้ว่าองค์การจะมีมาตรฐานการปฏิบัติงานแต่ในความเป็นจริงก็มีหน่วยงานย่อยไม่น้อยที่ไม่ได้ทำตามมาตรฐานที่มี คำถามคือ ทำไมหรือ ผู้คนจึงไม่ทำตามมาตรฐานที่มี เหตุผลที่พอจะพบในความเป็นจริงคือ
-ความไม่ทันยุคทันสมัยของมาตรฐาน ที่เป็นเช่นนี้คือการขาดการปรับมาตรฐาน เพราะคิดว่ามาตรฐานเป็นสิ่งที่ปรับไม่ได้ แท้จริงแล้วคิดแบบนี้ถือว่าผิดถนัดเลยครับ มาตรฐานเป็นสิ่งที่คนเขียนขึ้นดังนั้นคนนั่นแหละที่จะต้องปรับแก้ให้ทันสมัย
-ความที่มาตรฐานนั้นขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ปกติมาตรฐานการปฏิบัติงานใดๆต้องมีวัตถุประสงค์ของงานที่ชัดเจน เมื่อชัดเจน ตัวมาตรฐานเองจะเป็นแนวทางที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายที่ง่ายขึ้น
-มาตรฐานขาดความยืดหยุ่น ทำผู้คนที่ปฏิบัติตามรู้สึกอึดอัดในการปฏิบัติ
-มาตรฐานเป็นเหมือนกฎ ที่พร้อมจะให้แหก เพราะหากใครแหกได้ มักจะเด่น อันเป็นความคิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมไม่ได้ (คนไทยก็แปลก ชอบยกย่องคนที่แหกกฎได้ว่า "เก่ง" เช่นยกย่อง ศรีธนญชัย ว่าเป็นคนเก่ง แต่ถ้าพิจารณาให้ดี พบว่า ความเก่งที่ปรากฎเป็นเรื่องเก่งแกมโกง)
-ความที่ขาดการฝึกอบรม Training ให้เป็นแนวทางเดียวกัน เพราะะลักษณะการฝึกอบรมของอุตสาหกรรมไทยไม่ค่อยมีระบบ แต่เป็นการฝากให้หน้างานอบรมกันเอง เพราะคิดแต่เพียงว่าถ้าใส่คนลงไป งานจะออกมา มากขึ้น อันเป็นการมองเป้าหมายแต่เพียงตัวเลข แต่ขาดการมองภาพรวม ว่า งานเสียจะมีมากขึ้นหรือไม่  ฯลฯ

สรุปว่า แม้แต่การให้ทำงานตามที่มาตรฐานที่กำหนดไว้ ก็ต้องทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง หากใคร หน่วยงานใด ทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน ก็ต้องดึงขึ้นมาให้ทำงานอยู่บนมาตรฐานให้ได้
2. การปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อย
        ในประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ให้ทุกคนในองค์การได้รู้จักการ เลิก ลด เปลี่ยน กระบวนการทำงานที่ไม่เหมาะสม เครื่องจักรที่ซื้อมาแต่ใช้งานไม่เต็มที่ หรือไม่เหมาะกับงาน การจัดเก็บวัสดุ การเคลื่อนย้ายที่มากเกินไป การเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดความเมื่อยล้า การวิเคราะห์หาสาเหตุเล็กน้อยๆที่ทำตามมาตรฐานแล้วก็ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ นับเป็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ดังนั้น แต่ละหน่วยงานต้องกลับมาพิจารณาว่าหน่วยงานของตนในแต่ละงาน สามารถปรับปรุงอะไรได้บ้าง หรือสามารถแก้ไขปัญหาอะไรเล็กๆน้อยๆ ได้บ้าง หากบริษัทใด มีมาตรฐานมาก่อน ก็จะทำข้อนี้ง่ายขึ้น

3. การปรับปรุงที่ยกระดับชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ (Breakthrough)
        ในประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่เป็นการปรับปรุงเรื่องใหญ่ๆ และส่วนมากแล้วผู้ที่จะมาทำการปรับปรุงเรื่องแบบนี้ มักเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับล่างเป็นต้นไป ใครยิ่งสูงยิ่งต้องปรับปรุงเรื่องใหญ่มากขึ้น เช่น การกำหนดนโยบายใหม่ๆ การเปลี่ยนกระบวนการผลิตใหม่ การวาง line layout การวาง line balancing การกำหนดจำนวนคนในการปฏิบัติงาน การยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า การแก้ไขปัญหาทางการเงิน การสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆที่ดีขององค์การ การกำหนดกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจที่ดีต่อการทำงาน ฯลฯ

          ไม่ว่าจะเป็นการ Kaizen แบบไหน ก็ต้องบริหารให้เป็น หลักการบริหารก็ต้องนำแนวคิด PDCA มาเป็นแนวทางในการดำเนินการครับ

อย่ามองเพียงว่า Kaizen คือ ข้อเสนอแนะ ครับ มันแคบไปหน่อย และปัดความรับผิดชอบไปให้เด็กๆพนักงาน ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะไปปรับปรุงเรื่องใหญ่ๆเลยครับ

 

ไคโรแพรคเตอร์แนะ 8 วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด

การนั่งแบบไม่มีพนักพิงจากเก้าอี้ นั่งจมลงไปในเก้าอี้ นั่งชิดแป้นพิมพ์หรือเมาส์เกินไป เท้าไม่สัมผัสพื้น นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมทั้งโต๊ะทำงาน โต๊ะคอมพิวเตอร์ นั่งนานๆ โดยไม่มีการหยุดพัก รวมไปถึงการยกของหนักผิดวิธี ซึ่งทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ดร.นิโคล ลีเดอท ไคโรแพรคเตอร์ จากประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในทีมแพทย์ของคลีนิกกายภาพบำบัดดีสปายน์ ไคโรแพรคติก บอกว่านั่นคือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

ดร.นิโคล กล่าวว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง นั่นก็คือ การนั่ง และการยกของที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าการนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานๆ โดยไม่ลุกขึ้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อนั้น อาจจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ เนื่องจากมีการเกร็งกล้ามเนื้อมากเกินไป อีกทั้งการยกของหนักๆ โดยใช้ท่ายกที่ผิดลักษณะแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดการเจ็บปวดหลังได้เช่นเดียวกัน

สำหรับใครที่มีอาการปวดหลังเนื่องจากสาเหตุการนั่งเก้าอี้ และการยกของหนักๆ ดร.นิโคล แนะนำว่า พฤติกรรมการนั่งเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ปวดหลัง อีกทั้งเก้าอี้ที่ดีมีส่วนทำให้ลดการปวดหลังลงได้ ซึ่งหลักของการนั่งที่ถูกวิธีนั้น มีดังต่อไปนี้

1. ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง โดยมีความกว้างและลึกที่ทำให้ผู้นั่ง นั่งให้หลังชนเก้าอี้ได้ โดยที่เท้าสัมผัสกับพื้น หากไม่สามารถนั่งเช่นนี้ ได้ให้หาที่วางขาให้เข่าอยู่ในลักษณะเท่ากัน และวางเมาส์ไว้ใกล้ตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องเอื้อมไปจับ พัก 1-2 นาที ทุกๆ 20-30 นาที ลุกขึ้นและผ่อนคลาย

2. พยายามนั่งให้หลังชิดพนักเก้าอี้ทุกครั้ง ไม่ควรนั่งจมลงไปในเก้าอี้ เพราะจะทำให้หลังงอได้

3. หากต้องอ่านหนังสือ หรือ เอกสาร และพบว่าเก้าอี้อยู่สูงกว่าวัตถุ ควรหาแฟ้มเอกสาร หรือกล่องมารองหนังสือเพื่อให้หนังสืออยู่ระดับเดียวกับสายตา เพราะถ้าหากอยู่ต่ำกว่าสายตาก็จะทำให้เวลาอ่านต้องมองขึ้นมองลง อาจทำให้เกิดอาการปวดที่คอและหลังท่อนบนได้

4. ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักเก้าอี้ใหญ่มากเกินไป เพราะจะทำให้ต้องเขยิบเข้าไปนั่งกลางเก้าอี้ ทำให้ขาไม่ได้รับน้ำหนัก ก็อาจทำให้ปวดหลังได้ สำหรับพนักเก้าอี้ที่เหมาะสมจะต้องทำให้หลังของคุณพิงพนักเก้าอี้ได้ และทำให้รู้สึกสบาย ไม่ทำให้หลังโค้งงอมากเกินไป ถ้าหากว่าคุณเป็นคนตัวสูง ให้หาเบาะรองนั่งมารองเพราะว่าจะช่วยรับน้ำหนักที่ขาของคุณได้มากขึ้น

สำหรับวิธีการถนอมหลัง เนื่องจากการยกของหนักๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหลังนั้น ดร.นิโคล ได้แนะเทคนิควิธีเกี่ยวกับการยกของหนักอย่างถูกต้องดังต่อไปนี้

5. ในการยกของแต่ละครั้งควรพยายามให้หลังโค้งตามธรรมชาติอยู่เสมอ เพราะส่วนโค้งของหลังเป็นส่วนที่รับน้ำหนักและพยุงหลังได้ดีที่สุด สันหลังจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากเมื่อคุณต้องยกของ วิธีการที่ดีและช่วยป้องกันไม่ให้ปวดหลังก็คือการยกสะโพกและงอเข่าช่วยทุกครั้งเมื่อยกของหนัก

6. ควรแยกขาออกจากกัน ในขณะที่ยกของเพราะจะช่วยทำให้คุณอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลเมื่อต้องยกของ เพราะระยะห่างระหว่างขาที่กว้างขึ้นจะเป็นประโยชน์มากในการรองรับน้ำหนักตัวและจากวัตถุที่ยก

7. พยายามเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องก่อนยกของทุกครั้ง เพราะว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องจะช่วยพยุงหลังของคุณ ในขณะที่คุณยกของหนักๆ ก็จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บหรืออาการปวดที่เกิดจากการยกของได้

8. ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการยกโดยมีวิธีการยกของที่ถูกต้อง คือการถือของห่างจากลำตัวเพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มแรงดัน และในขณะที่ยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของนั้นควรหมุนตัวไปทั้งตัวแทนที่จะหมุนแค่กระดูกสันหลัง ควรวางของให้อยู่ในตำแหน่งสมดุลในขณะที่ยก ไม่ควรยกของให้ประชิดแนบลำตัว เพราะหลังของคุณสามารถรับน้ำหนักได้เพียง 100 ปอนด์เท่านั้น

รศ.ฉายศิลป์      เชี่ยวชาญพิพัฒน์   ผนส.4

เชิญ  ร.ต.อ.นิติภูมิ  นวรัตน์  บรรยาย  เรื่อง "สหกรณ์กับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ"

วันเสาร์ที่  9  มกราคม  2553  เวลา 14.00-16.00 น.

ที่ร้านสหกรณ์กรุงเทพ  สาขาเอกมัย  ถ.สุขุมวิท  กทม.

เรียนอาจารย์ และคณะสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการทุกท่าน

        ขอเข้ามาเยี่ยมชม และทักทายกับทุกท่าน หน่อยนะ

สหกรณ์ช่วยให้พัฒนาอย่างยั่งยืน

อังคาร ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

 อังคารวันนี้เป็นวันที่ ๒ แล้วนะครับ ที่รายการ Dr. Nitipoom @ the crossroads แพร่ภาพทางจานดาวเทียม DTV ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง ABAC Channel รายการของผมมีทุกคืนๆ ละ ๑ ชั่วโมง ระหว่าง ๒๐.๐๐-๒๑.๐๐ น.

 ในฐานะหัวหน้านักวิจัยโครงการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหน่วยงานที่กำกับ ดูแล และพัฒนาสหกรณ์ อังคารวันนี้ เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. นิติภูมิจะบินขึ้นไปเพื่อนำเสนอรูปแบบของสหกรณ์ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและการบริหารจัดการหน่วยงานต้นแบบภายในประเทศไทย  ที่ห้องมัณฑะเลย์ สำนักบริการวิชาการ ม.เชียงใหม่ ผู้ใดมีความเห็นเป็นประการใดและอยากให้สหกรณ์ไทยพัฒนาไปแบบไหน ผมขอเชิญเข้าร่วมด้วยครับ

ความเห็นส่วนตัว อย่างหนึ่งซึ่งผมอยากเห็นก็คือ สหกรณ์แต่ละประเภท ก็น่าจะมีหน่วยงานที่ส่งเสริม กำกับ และดูแลแตกต่างกันไป อย่างสหกรณ์การเกษตร อยู่กับกระทรวงเกษตรน่ะดีแล้ว แต่สหกรณ์ออมทรัพย์ ก็น่าจะเกี่ยวดองหนองยุ่งกับกระทรวงการคลัง สหกรณ์ร้านค้า ก็ควรจะไปอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ

ไม่อยากจะเขียนมากละครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นการชี้นำ แต่ผมอยากจะเดินทางไประดมความเห็นทั่วประเทศมากกว่า ยอมเหนื่อย แต่ได้ความเห็นที่หลากหลาย อย่างพฤหัสบดีวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี่ ผมก็จะบินไปทำแบบเดียวกับที่ทำที่เชียงใหม่นี่แหละ แต่ไปที่จังหวัดนครสวรรค์ ท่านผู้ใดสนใจก็ไปได้ครับ ที่ห้องแม่น้ำปิง ศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพธุรกิจ มรภ.นครสวรรค์ ต่อไป จะไปสุราษฎร์ธานี เพชรบุรี นครราชสีมา สงขลา อุดรธานี ฯลฯ ซึ่งผมจะทยอยเรียนรับใช้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง

จากการเดินทางเทียวเที่ยวไปทั่วประเทศ ไปมาครบจบหมดทุกจังหวัด และเกือบจะครบทุกอำเภอ อยากจะเรียนว่า ผมพอทราบปัญหาของประเทศได้บ้างในระดับหนึ่ง ทุกวันนี้ ประเทศไทยของเราพึ่งพาการส่งออกมากกว่าร้อยละ ๗๐ ของจีดีพีแล้วนะครับ อันนี้อันตรายมาก ในห้วงช่วงไหนเศรษฐกิจโลกแย่ ประเทศไทยของเราก็จะพลอยโดนกระทบไปด้วย และไม่อยู่ในความควบคุมของเราเองได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ภายนอกประเทศเป็นหลัก ไม่เหมือนอินเดียและอินโดนีเซีย ที่พึ่งพาการบริโภคภายใน หลายประเทศขณะนี้จึงหาวิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ผมเรียนรับใช้ไปหลายครั้งแล้วว่า ทุนนิยมจะทำให้โลกของเราร้อนเป็นไฟ ส่วนระบอบคอมมิวนิสต์ พวกสังคมนิยมจ๋ามากทั้งหลาย ก็จะทำให้คนขี้เกียจมาก ประเทศไม่เจริญ ขอเรียนว่า ชาติที่เราคิดว่าเจริญมากๆ นั้น ใช้ทุนนิยมจ๋าทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ครับ พวกนี้มีระบบสหกรณ์ซ่อนอยู่เป็นโครงสร้างที่แข็งแรงมากทั้งนั้น อย่างในประเทศอังกฤษ สหกรณ์มีบทบาทต่อผู้คนชนอังกฤษสูง

โครงสร้างการบริหารสหกรณ์ในอังกฤษมีสหกรณ์ผู้บริโภคเป็นตัวเชื่อมโยงกับสหกรณ์อื่นๆ โดยใช้การลงหุ้นในสหกรณ์ก่อตั้งเป็นชุมนุมสหกรณ์ ในการจัดตั้งสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์ผู้ค้าส่ง รวมถึงร้านสหกรณ์ค้าปลีก จะมีกฎหมายการค้าซึ่งกำหนดให้อยู่ในรูปของสาธารณะเป็นเจ้าของ ห้ามไม่ให้มีผู้ถือหุ้นคนเดียว

โครงสร้างสหกรณ์ในอังกฤษมีการจัดเป็น ๒ ส่วน คือสหกรณ์ค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่พัฒนาสินค้า ผลิต ขนส่ง และสนับสนุนร้านค้าย่อยในด้านเทคโนโลยีการพัฒนาองค์การ การกระจายสินค้า การเจาะตลาด การโฆษณา และจัดตั้งร้านค้าปลีกในพื้นที่ชนบท ส่วนสหกรณ์ขายปลีกขนาดเล็กจะมีหน้าที่ขายสินค้า ให้คำปรึกษา เป็นตัวแทนประกัน และรับคำแนะนำจากสมาชิก

โครงสร้างการบริหารจะแบ่งออกเป็น ๗ ภูมิภาค มีศูนย์กระจายสินค้า ๘ แห่ง มีผู้บริหารศูนย์ละ ๑๕-๒๕ คน แต่ละภูมิภาคจะมีการส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการรวมทั้งหมด ๓๐ คน และมีการเลือกประธาน ๑ คน แต่ละภูมิภาคต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า ๒๗๕,๐๐๐ ครัวเรือน หรือกลุ่มบุคคล

แต่ละคนต้องถือหุ้นอย่างน้อย ๑๐ หุ้น โดยมีหุ้น ๒ ประเภท คือ หุ้นที่เป็นสมาชิกสามัญ พวกนี้มีสิทธิลงคะแนนได้ มีปันผลแบบไม่ตายตัว ส่วนอีกอย่างมีบุคคล หรือนิติบุคคลเข้าถือหุ้นซึ่งจำกัดจำนวน หุ้นอย่างนี้จะไม่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนได้ แต่มีปันผลแบบตายตัว

พอไปถึงเรื่องสหกรณ์การเกษตร ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสหกรณ์การเกษตรมีมากจริงๆ เพราะรัฐบาลอังกฤษมีนโยบายปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจภาคเกษตรให้เข้มแข็ง โดยใช้มาตรการหลายอย่างเพื่อให้เกษตรกรผลิตอาหารบริโภคภายในประเทศได้มากขึ้น เช่น ลดต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับผลิตผลจากต่างประเทศได้ รัฐบาลอังกฤษพยุงราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม แม้แต่ความช่วยเหลือทางการเงิน รัฐบาลอังกฤษก็ช่วยสหกรณ์การเกษตรมากจริงๆ แถมยังให้สหกรณ์มีส่วนร่วมกับรัฐบาลในโครงการผลิตสินค้าบางอย่าง และยังมีอะไรอีกหลายอย่าง จากตัวอย่างอีกหลายประเทศครับ ซึ่งไม่สามารถนำมาเขียนรับใช้ในหน้าหนังสือพิมพ์ได้หมด ผมตั้งใจว่า ถ้าวิจัยฉบับนี้ซึ่งจะมีความยาวประมาณ ๓๐๐ หน้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะขออนุญาตทางราชการนำไปใส่ไว้ในเว็บไซต์ nitipoom.com เพื่อท่านทั้งหลายจะได้นำไปใช้ประโยชน์กัน  แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอความกรุณาท่านทั้งหลายไปแสดงความเห็นตามจังหวัดที่ผมเรียนรับใช้ไปแล้วกันให้มากๆ นะครับ

(ผนส.1-4  อ่านแล้วอย่าลืมไปร่วมแสดงความคิดเห็นตามจังหวัด ที่ท่านนิติภูมิกล่าวด้วยครับ......เกรียงไกร)

สวัสดีค่ะ อาจารย์จีระ อาจารย์ยม คณะสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ และท่านผู้อ่านทุกท่าน

โครงการทอดผ้าป่าการศึกษา ของผนส.4 ณ โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ 2553 ได้สำเร็จลุล่วงไปเรียบร้อยแล้ว ได้เงินทำบุญจาก 45 สาย เป็นเงิน 142,000 บาท จากชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ 100,000 บาท รวมเป็นเงินที่โรงเรียนได้รับทั้งหมด 242,000 บาท ต้องขอขอบคุณทุกท่าน และทุกองค์กรที่มีส่วนร่วมทำให้โครงการนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์

ขอขอบคุณ ท่านอาจารย์จีระ ที่มาให้กำลังใจและเป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าการศึกษาในครั้งนี้

ขอขอบคุณ ท่านอาจารย์ยม ที่เสียสละเวลามาเป็นที่ปรึกษาโครงการและมาร่วมประชุมเตรียมงานกับพวกเรา (ท่านคงเห็นใจว่าเป็นโครงการแรก ยังเด็กใหม่อยู่ โครงการต่อ ๆ ไปขอเชิญท่านเป็นที่ปรึกษาด้วยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้า) หลังจากนั้นท่านยังไปร่วมทำกิจกรรมกับพวกเราที่แม่กลองตลอดรายการ พวกเรารู้สึกอบอุ่นและซาบซึ้งในน้ำใจของท่านที่เสียสละเวลามาร่วมทำกิจกรรมกับพวกเรา

ขอขอบคุณท่านประธานมงคลัตถ์ ประธานสันนิบาตแห่งประเทศไทย ที่ท่านได้อนุเคราะห์ห้องพัก ในคืนแรกที่ตั้งกองผ้าป่าและรถตู้ที่ใช้ในการเดินทางไปทอดผ้าป่าและทำกิจกรรมตลอดรายการ และมอบหมายให้คุณชินชัย รองประธานสันนิบาตเป็นตัวแทนในการดูแลการทำกิจกรรมในครั้งนี้

ขอขอบคุณคุณชินชัย รองประธานสันนิบาตและตัวแทนผนส.1 ที่ดูแลในเรื่องที่พัก อาหาร และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดรายการจนเดินทางกลับกรุงเทพฯ (ประทับใจจริง ๆ )

ขอขอบคุณ ดร.สุวิชัย ผู้อำนวยการสันนิบาตแห่งประเทศไทย ที่อนุมัติให้ใช้ห้องประชุมในการเตรียมงานและให้เจ้าหน้าที่สันนิบาตร่วมเดินทางไปทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

ขอขอบคุณหัวหน้าเกรียงไกร คุณอรนุช น้องภูมินทร์ และเจ้าหน้าที่สันนิบาตทุกท่านที่ช่วยประสานงานทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ขอขอบคุณ ผนส.1 , 2 และ 3 ทุกท่านที่ให้กำลังใจและร่วมทำบุญกับพวกเราด้วย

และสุดท้าย ต้องขอขอบคุณ(เป็นอย่างมาก) สำหรับความร่วมแรงร่วมใจกันของพวกเราผนส.4 ทุกท่าน งานไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ต้องอาศัยพวกเราทุกคนที่ทำให้โครงการทอดผ้าป่าการศึกษาในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและบรรลุวัตถุประสงค์ที่เราตั้งกันไว้

จึงขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทั้งหลาย ที่ได้ร่วมทำบุญบริจาคทรัพย์และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ขอจิตอันเป็นกุศลด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงน้อมนำท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีความเจริญในธรรมเป็นนิตย์เทอญ

ปาณิสรา ชาวจีน

ตัวแทนคณะทำงานโครงการทอดผ้าป่าการศึกษาผนส.4

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์จีระ อาจารย์ยม คณะสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ และท่านผู้อ่านทุกท่าน

ขอเพิ่มยอดเงินทำบุญอีก 1 สาย คือ โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์ จำนวน 38,056 บาท ดังนั้น ยอดเงินทำบุญ

ทั้งหมดรวมเป็น 280,056 บาท

ปาณิสรา ชาวจีน

ตัวแทนคณะทำงานโครงการทอดผ้าป่าการศึกษาผนส.4

รูปกิจกรรมการทอดผ้าป่าการศึกษาของผนส.4 ที่โรงเรียนวัดราษฎร์รังสรรค์
ดูงานสหกรณ์ประมงแม่กลอง

ภาพบรรยากาศ สหกรณ์การเกษตร 5 เครือข่ายในจังหวัดสงขลา ร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย จัดโครงการฝึกอบรม การบริหารจัดการสหกรณ์แบบมืออาชีพ ณ โรงแรมหาดใหญ่พาราไดส แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 26 -27 มีนาคม 2552 โดยมีสหกรณ์การเกษตร ใน 7 จังหวัดภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล ตรัง พัทลุง) กว่า 200 คน เข้าร่วมอบรม โดยมีนายมงคลัตถ์ พุกะนัดด์ ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิด มีนายประจวบ อมแก้ว ประธานสหกรณ์การเกษตรสะเดา จำกัด ในนามตัวแทนสหกรณ์ เครือข่าย 5 สหกรณ์ กล่าวรายงาน ซึ่งโครงการนี้ก็เป็นการผลักดันของพี่ ผนส.3 และ ผนส.4และมี ผนส.2 เข้าร่วมด้วย

สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) รุกแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรสำหรับภาคสหกรณ์การเกษตร ระดมผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 100 คน ร่วมสัมมนาหาทางออกระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม 2553 ณ โรงแรมโฆษะ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

1. คู่มือการตรวจสอบกิจการ
    ดาวน์โหลดได้จากที่นี่....
http://gotoknow.org/file/cooptraning/Handbook-Standerdauditcoop.pdf

2. คู่มือภาษีอากรธุรกิจเฉพาะ (สหกรณ์)
    ดาวน์โหลดได้จากที่นี่....

เพิ่มช่องทางการสื่อสารกับสถาบันพิทยาลงกรณและวิชาการ

http://www.facebook.com/?ref=home#!/home.php?sk=lf

http://twitter.com/Insticlt

e-mail : [email protected]

 

ขอเชิญร่วมการสัมมนา Hot Issue

เรื่อง "เจาะลึกพระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับใหม่ สหกรณ์ไทย ได้-เสียอะไร"

วันที่ 22 มิถุนายน 2553

ณ ห้องประชุมศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส

สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย

http://gotoknow.org/file/cooptraning/Brochure-Project.doc

http://gotoknow.org/file/cooptraning/Hot-Issue.doc

http://gotoknow.org/file/cooptraning/Time-hot.d oc

http://gotoknow.org/file/cooptraning/From-doc1.doc

ประกาศ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย มีความประสงค์จะให้การสนับสนุนทุนวิจัยด้านการสหกรณ์ ระดับบัณฑิตศึกษา ทุนละไม่เกิน 20,000.-บาท
ตามประกาศและรายละเอียดด้านล่าง

http://gotoknow.org/file/cooptraning/re-search1.jpg

http://gotoknow.org/file/cooptraning/project-1.jpg

http://gotoknow.org/file/cooptraning/project-2.jpg

ไฟล์เอกสารประกอบคำบรรยาย "พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 สหกรณ์ได้ประโยชน์จริงหรือ"
ของอัยปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
สำนักงานอัยการสูงสุด
บรรยายในโครงการสัมมนาประเด็นเร่งด่วน (Hot Issue)
เรื่อง "พระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับใหม่ สหกรณ์ไทยได้-เสียอะไร"
วันที่ 22 มิถุนายน 2553
ดาวน์โหลดได้แล้วที่นี่....

http://gotoknow.org/file/cooptraning/cooplaw2-2553.pdf

http://gotoknow.org/file/cooptraning/cooplaw22553-Present.pdf

ประกาศ
รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการฝึกอบรม
หลักสูตร "ผู้นำสหกรณ์ ขั้นสูง"  รุ่นที่ 5
ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม - 9 ตุลาคม 2553
ดาวน์โหลดได้ที่นี่

http://gotoknow.org/file/cooptraning/NameOf-CoopLeader5.pdf

 

โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
เรื่อง "พระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
มีผลต่อการดำเนินธุรกิจสหกรณ์อย่างไร"
วันที่ 18-19 กรกฎาคม 2553
ณ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรเชียงใหม่ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่

http://gotoknow.org/file/cooptraning/coop-pr.pdf

จากการให้ความรู้ในครั้งแรกของวิทยากร มี 2 สิ่งที่ ผนส.5 ควรปฎิบัติ 1.อ่านหนังสือ“ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” แล้วสรุปว่า ได้ประโยชน์ในการพัฒนาคน และระบบสหกรณ์อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ (นำเสนอทาง BLOG และ facebook) 2. เรื่อง "ผู้นำกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม" ในช่วงเวลา 4 เดือนที่รับความรู้ ให้ยกตัวอย่างมา 2 เรื่องที่จะทำให้เป็นรูปธรรม

เรียน ผนส.5 ทุกท่าน

นอกจากการแสดงความคิดเห็นตามที่วิทยากรมอบหมาย 2 เรื่อง (ส่ง 15 ก.ค.53) ฝากทุกท่านพิจารณาบุคคล  เพื่อเป็นประธาน  รองประธาน  ปฎิคม  เหรัญญิก  เลขานุการ  ซึ่งจะเลือกตั้งในวันที่  23 ก.ค.53 นี้ด้วยครับ

 

รายชื่อผู้นำเสนอโครงการ  ผู้นำสหกรณ์ขั้นสูง รุ่นที่ 5  (ผนส.5)

ส่งต้นฉบับโครงการ  3 ชุด พร้อม CD PowerPoint  ภายในวันที่ 17 กันยายน 2553

Present  วันที่ 5- 8 ตุลาคม 2553

ลำดับที่

วันที่ส่ง

ชื่อ - นามสกุล

เรื่อง

1

24 ก.ค.53

นายชโลทร  สุวรรณลาภเจริญ

โครงการแก้ปัญหาหนี้สมาชิกสหกรณ์

2

นายศุภกร  ชูเกษม

โครงการสร้างกลุ่มต้นแบบในสหกรณ์

3

นางสาวสุมาลัย  รักเขตรการ

โครงการปั้มชุมชน

4

นางสาวภาวิณี  ตุวยานนท์

โครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีของสมาชิกต่อสหกรณ์อย่างยั่งยืน

5

นายสมคิด  ศรีพยัคฆ์

โครงการพัฒนาบุคลากรสหกรณ์

6

นายวิรัช  รมณีย์

โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจสหกรณ์

7

นายชัยณรงค์  กัณหา

โครงการโรงสีเล็กตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

8

นายอนุวรรตน์  อิ่มสมบูรณ์

โครงการปรับปรุงคุณภาพผลไม้ผ่านกลุ่มเกษตรกรรายย่อย

9

นายวีรศักดิ์  สงเคราะห์

โครงการสินค้าเพื่อการพัฒนาผลผลิต

10

นายอารี  ภู่สกุล

โครงการสวัสดิการสมาชิกสหกรณ์

11

นายทักษิณ  สารมณี

โครงการเชื่อมโยงผลิตผลแปรรูปผัก

12

นายรุ่งโรจน์  วรชมพู

โครงการให้ความสำคัญกับสมาชิกและลูกค้า

13

นางสิริพชนันท์  ชิตญาติ

โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์

14

พ.ต.อ.บุญชัย  ฤาชัยสา

โครงการใช้เทคโนโลยีและวิธีที่เหมาะสมในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต

-2-

ลำดับที่

วันที่ส่ง

ชื่อ - นามสกุล

เรื่อง

15

 นายศิริชัย  หลงจิตร

โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์

16

นายธวัชชัย  อินทรทัต

การพัฒนาระบบสหกรณ์

17

นายเจนวิทย์  อภิชัยนันท์

โครงการวางแผนเชิงกลยุทธ์

18

นายศิริพงษ์  มีประเสริฐ

โครงการพัฒนาสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง

19

นางเจริญศรี  โสระมัด

โครงการต้นกล้าพันธุ์ใหม่หัวใจสหกรณ์

20

นายถาวร  เนคมานุรักษ์

โครงการพัฒนากลุ่มอาชีพในสหกรณ์

21

นายสามารถ เอี่ยมวงษ์

โครงการ “สร้างการมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจของสมาชิก”

22

นายณฐกร  แก้วดี

โครงการ “เชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดชลบุรี”

23

นายคำนึง  โสตถิอุดม

โครงการนำกระบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์สู่ชุมชน

24

นายมานะ  สุดสงวน

โครงการหลักสูตรสหกรณ์สู่สถานศึกษา

25

นายสมชาย  ทองพันธุ์อยู่

โครงการให้ความสำคัญกับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย

26

นางยุวดี  เสือพันธุ์เจริญ

โครงการรณรงค์การจัดทำบัญชีแก่สมาชิกสหกรณ์

27

นายศรชัย  วิจิตรพร

โครงการออมเพิ่มทรัพย์มั่นคง

28

นายเติมศักดิ์  จันทะจร

โครงการมุ่งเน้นทรัพยากรมนุษย์

29

ไม่ระบุชื่อ

โครงการพัฒนาบุคลากรสหกรณ์

30

นายสันติ  ขจรเวชไพศาล

โครงการการวางแผนกลยุทธ์(แผ่นแม่บทสหกรณ์สู่ความยั่งยืน)

31

 

 

 

32

 

 

 

33

 

 

 

ผมต้องขอขอบพระคุณที่สถาบันพิทยาลงกรณ ได้เลือกสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด เป็นสถานที่ศึกษาดูงานให้ แก่ ผู้นำสหกรณ์ รุ่นที่ 5 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 เป็นอย่างสูง และขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่สันนิบาตสหกรณ์ฯ

เมื่อไหร่เปิดรุ่นใหม่ครับ

น่าจะดำเนินการได้ไตรมาสที่ 2 (ม.ค.-มี.ค.54) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบาบกรรมการ  และงบประมาณครับ



สวัสดี


หากคุณจำเป็นต้องกู้เงินที่คุณต้องส่งอีเมลฉันกับด้านล่างนี้ จะต้องจากคุณถ้าคุณมีความสนใจ


ชื่อของคุณ:
หมายเลขโทรศัพท์:
ประเทศ | ที่อยู่:
จำนวนเงินกู้:
ระยะเวลาสินเชื่อ:


[email protected]

 จงขอบพระคุณ พระเจ้า ยิ่งใหญ่ สำหรับ ความเมตตา และ ความดี ของเขา เมื่อ ชีวิตของฉัน สิ่งที่จะ ฉันได้ทำ ถ้าไม่ใช่เพราะ นาง แมรี ลิซ่า ที่ ฉันมัก จะเห็น เป็น พระเจ้า ที่ส่ง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ พระเจ้า ได้เลือกที่จะ ช่วยให้ผู้ที่ อยู่ในความต้องการ ทางการเงิน เช่นฉัน ไม่ดี ภรรยาม่ายของ คนที่ถูก ระบุไว้ใน ระยะสั้น และระยะสั้น ของเงินทุน ผู้หญิงที่มี ลูกสองคน และ มี ความรับผิดชอบ จำนวนมากดังนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่ สูญเสีย สามีของเธอ และ มี ค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่าย ประกอบด้วย ค่าเช่า บ้าน และ ค่าไฟฟ้า และได้รับ scammed ผลรวมของ $ 450,000 ฉันไม่เคย เชื่อว่า ว่ายังมีเงินกู้ ออนไลน์ Legit บริษัท ที่ยังคง เชื่อว่าคน ที่อยู่ใน ปัญหา ทางการเงิน และมีความ พร้อมที่จะช่วย หลังจาก รับ scammed $ 450,000 ฉันไม่เคย เชื่อ ว่ายังมี บริษัท เงินกู้Legit จนกระทั่ง i มาใน โพสต์ที่ ถูกโพสต์ โดยหนึ่งใน นาง แอนนา บนฟอรั่ เดียวกัน นี้ เธอ อธิบายว่า เธอได้ ยืมตัวมาจาก นาง มารี ลิซ่า ซึ่งเป็น บริษัท ซีอีโอของ นาง สินเชื่อ ของเธอ Mary จากนั้น ผมมี ตัวเลือก ไม่ มากเกินกว่า ที่จะลองโชค ของฉัน เป็นครั้งที่สาม เพื่อหลีกเลี่ยงการ สูญเสีย บ้านของฉัน ( ที่พัก ) ดังนั้นฉัน คิดเกี่ยวกับมัน ผม มาสรุปว่า ฉันควรจะ ลองอีกครั้ง ดังนั้นผมจึง ติดต่อกับ นาง แมรี่ ลิซ่า ผ่านทางอีเมล์ ที่พวกเขา เข้าร่วม กับผม ในเวลาน้อยกว่า 10 นาที แล้ว นำมาประยุกต์ใช้ สำหรับ เงินกู้ รวม ของ $ 5,000,00 เงินกู้ได้รับการอนุมัติ ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยต่ำ และหลัง การประมวลผลผมได้รับ เงินกู้ ในบัญชี ธนาคารของฉัน เมื่อวานนี้ ดังนั้นฉัน ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ใช้ สื่อนี้เพื่อ ให้คำแนะนำแก่ ผู้หา เงินกู้ ใด ๆ ออกมีการ ติดต่อกับ นาง แมรี่ ลิซ่า อีเมล์ : [email protected] เธอ แน่นอนจะให้ เงินกู้ ที่คุณต้องการโดยไม่ต้อง ความเครียด ใด ๆ อีกครั้ง จงขอบพระคุณ พระเจ้า สำหรับ ความเมตตาของพระองค์ เมื่อ ชีวิตของฉัน ผมจะ รอคอยที่จะ ได้ยิน คำเบิกความ ของคุณเอง เช่นเดียวกับ ฉัน

แอนนา นาง

ขอบคุณพระเจ้ายิ่งใหญ่สำหรับความมีน้ำใจและความดีของเขาเมื่อชีวิตของฉันสิ่งที่จะฉันได้ทำถ้าไม่ได้สำหรับนางสเตลล่า Rene ที่ฉันมักจะเห็นว่าพระเจ้าส่งผู้หญิงคนหนึ่งที่พระเจ้าได้เลือกที่จะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในความต้องการทางการเงินอย่างผมที่ไม่ดี ม่ายที่ถูกระบุไว้ในระยะสั้นและระยะสั้นของเงินทุนที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสองเด็กและมีความรับผิดชอบมากดังนั้นผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียสามีของเธอและมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายประกอบด้วยค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าและถูก scammed ผลรวมของ $ 4000 ผมไม่เคยเชื่อ ว่ายังมี บริษัท เงินกู้ Legit ออนไลน์ที่ยังคงเชื่อว่าคนที่อยู่ในปัญหาทางการเงินและพร้อมที่จะช่วยรับหลังจาก scammed $ 4000 ผมไม่เคยเชื่อว่ายังมี บริษัท เงินกู้ Legit จนฉันมาข้ามโพสต์ที่ถูกโพสต์โดยหนึ่งนาง Omoye บนฟอรั่เดียวกันนี้เธออธิบายว่าเธอได้รับเงินกู้ของเธอจากนางสเตลล่า Rene ที่เป็นซีอีโอนางสเตลล่า Rene สินเชื่อบ้านจากนั้นผมได้มีตัวเลือกไม่มากเกินกว่าที่จะลองโชคของฉันเป็นครั้งที่สามที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียบ้านของฉัน (ที่พัก ) ดังนั้นฉันคิดเกี่ยวกับมันฉันมาสรุปว่าฉันควรจะลองอีกครั้งดังนั้นผมจึงติดต่อนางสเตลล่า Rene ผ่านทางอีเมล์ที่พวกเขาเข้าร่วมกับผมในเวลาน้อยกว่า 5 นาทีฉันใช้สำหรับผลรวมเงินกู้ยืมของ $ 6,500,00 เงินกู้ได้รับการอนุมัติที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหลังการประมวลผลผมได้รับเงินกู้ยืมของฉันในบัญชีธนาคารของฉันเมื่อวานนี้ดังนั้นฉันต้องการได้อย่างรวดเร็วใช้สื่อนี้เพื่อให้คำแนะนำสำหรับผู้หาเงินกู้ที่ออกมีการติดต่อกับนางสเตลล่า Rene อีเมล์ [email protected] เธอแน่นอนจะให้เงินกู้ยืมที่คุณต้องการโดยไม่ต้องใด ๆ ความเครียดอีกครั้งขอบคุณพระเจ้าสำหรับความเมตตาของพระองค์เมื่อชีวิตของฉัน ฉันจะได้รับการรอคอยที่จะได้ยินคำเบิกความของคุณเองเช่นเดียวกับฉัน



นาง Alomukun

ขอบคุณพระเจ้ายิ่งใหญ่สำหรับความมีน้ำใจและความดีของเขาเมื่อชีวิตของฉันสิ่งที่จะฉันได้ทำถ้าไม่ได้สำหรับนางสเตลล่า Rene ที่ฉันมักจะเห็นว่าพระเจ้าส่งผู้หญิงคนหนึ่งที่พระเจ้าได้เลือกที่จะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในความต้องการทางการเงินอย่างผมที่ไม่ดี ม่ายที่ถูกระบุไว้ในระยะสั้นและระยะสั้นของเงินทุนที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสองเด็กและมีความรับผิดชอบมากดังนั้นผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียสามีของเธอและมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายประกอบด้วยค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าและถูก scammed ผลรวมของ $ 4000 ผมไม่เคยเชื่อ ว่ายังมี บริษัท เงินกู้ Legit ออนไลน์ที่ยังคงเชื่อว่าคนที่อยู่ในปัญหาทางการเงินและพร้อมที่จะช่วยรับหลังจาก scammed $ 4000 ผมไม่เคยเชื่อว่ายังมี บริษัท เงินกู้ Legit จนฉันมาข้ามโพสต์ที่ถูกโพสต์โดยหนึ่งนาง Omoye บนฟอรั่เดียวกันนี้เธออธิบายว่าเธอได้รับเงินกู้ของเธอจากนางสเตลล่า Rene ที่เป็นซีอีโอนางสเตลล่า Rene สินเชื่อบ้านจากนั้นผมได้มีตัวเลือกไม่มากเกินกว่าที่จะลองโชคของฉันเป็นครั้งที่สามที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียบ้านของฉัน (ที่พัก ) ดังนั้นฉันคิดเกี่ยวกับมันฉันมาสรุปว่าฉันควรจะลองอีกครั้งดังนั้นผมจึงติดต่อนางสเตลล่า Rene ผ่านทางอีเมล์ที่พวกเขาเข้าร่วมกับผมในเวลาน้อยกว่า 5 นาทีฉันใช้สำหรับผลรวมเงินกู้ยืมของ $ 6,500,00 เงินกู้ได้รับการอนุมัติที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และหลังการประมวลผลผมได้รับเงินกู้ยืมของฉันในบัญชีธนาคารของฉันเมื่อวานนี้ดังนั้นฉันต้องการได้อย่างรวดเร็วใช้สื่อนี้เพื่อให้คำแนะนำสำหรับผู้หาเงินกู้ที่ออกมีการติดต่อกับนางสเตลล่า Rene อีเมล์ [email protected] เธอแน่นอนจะให้เงินกู้ยืมที่คุณต้องการโดยไม่ต้องใด ๆ ความเครียดอีกครั้งขอบคุณพระเจ้าสำหรับความเมตตาของพระองค์เมื่อชีวิตของฉัน ฉันจะได้รับการรอคอยที่จะได้ยินคำเบิกความของคุณเองเช่นเดียวกับฉัน



นาง Alomukun

อาจสงบสุขของพระเจ้าอยู่กับคุณ

คุณเป็นนักธุรกิจหรือหญิง? คุณอยู่ในใด ๆ

ความเครียดทางการเงินหรือไม่หรือคุณต้องการเงินทุนเพื่อเริ่มต้นขึ้น

ธุรกิจของคุณเอง?

A) การขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

B) ธุรกิจและการศึกษาเริ่มต้นขึ้น

C) รวมหนี้

ชื่อ: ..........................................

ประเทศ: .........................................

สถานที่ตั้ง: ..........................................

สถานะ: .......................................

เพศ: ................................................ ...

อายุ ................................................. ....

การกู้ยืมเงินที่ต้องใช้: .........................

ระยะเวลากู้: ...................................

หมายเลขโทรศัพท์มือถือส่วนบุคคล: .......................

รายได้ต่อเดือน: .....................................

ขอขอบคุณและขอให้พระเจ้าคุ้มครอง

อีเมล์: [email protected]

อาจสงบสุขของพระเจ้าอยู่กับคุณ

คุณเป็นนักธุรกิจหรือหญิง? คุณอยู่ในใด ๆ

ความเครียดทางการเงินหรือไม่หรือคุณต้องการเงินทุนเพื่อเริ่มต้นขึ้น

ธุรกิจของคุณเอง?

A) การขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

B) ธุรกิจและการศึกษาเริ่มต้นขึ้น

C) รวมหนี้

ชื่อ: ..........................................

ประเทศ: .........................................

สถานที่ตั้ง: ..........................................

สถานะ: .......................................

เพศ: ................................................ ...

อายุ ................................................. ....

การกู้ยืมเงินที่ต้องใช้: .........................

ระยะเวลากู้: ...................................

หมายเลขโทรศัพท์มือถือส่วนบุคคล: .......................

รายได้ต่อเดือน: .....................................

ขอขอบคุณและขอให้พระเจ้าคุ้มครอง

อีเมล์: [email protected]

สวัสดี

คุณไม่จำเป็นต้องเงินกู้เร่งด่วนใด ๆ ? เงินให้กู้ยืมเพื่อล้างหนี้หรือคุณต้องการที่จะกู้เงินของคุณ

เพื่อปรับปรุงธุรกิจของคุณ

คุณได้รับการปฏิเสธโดย

ธนาคารและหน่วยงานทางการเงินอื่น ๆ ?

หนี้หรือการจำนองของคุณหรือไม่

ค้นหาไม่มากเท่าที่เราอยู่ที่นี่เพื่อทำสิ่งที่ทุกปัญหาทางการเงินของคุณ

ที่ผ่านมาเรายืมออกไปคน

ในความต้องการของความช่วยเหลือทางการเงินที่มีเครดิตไม่ดีหรืออยู่ในความต้องการของเงิน

จ่ายค่าใช้จ่ายของการลงทุนในธุรกิจที่มีอัตราที่เหมาะสม 2% ผมอยากจะใช้เวลานี้

ขนาดกลางจะแจ้งให้ทราบว่าเรามีความน่าเชื่อถือและให้ได้รับผลประโยชน์และความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรา

มีความตั้งใจที่จะให้ยืมเงินคุณ ดังนั้นติดต่อเราวันนี้ผ่านทางอีเมล์

[email protected]

ชื่อ:..................................

จำนวนเงินที่ต้องใช้:.............................

ระยะเวลา:.......................

ประเทศ:............................

ที่อยู่:....................

วัตถุประสงค์:..............................

หมายเลขโทรศัพท์:............................

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.anitabrisonloanscompany.com

เรารอคอยคำตอบของคุณ

ขอบคุณ

Mrs. Anita

คุณจำเป็นต้องกู้เร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาความต้องการทางการเงินของคุณ? เรามีเงินให้สินเชื่อตั้งแต่ 5000.00 ถึง 250,000,000.00 สูงสุดเรามีความน่าเชื่อถือมีประสิทธิภาพรวดเร็วและมีพลวัตโดยไม่มีการตรวจสอบเครดิตและเสนอเงินกู้ต่างประเทศที่รับประกัน 100% ในช่วงเวลาทั้งหมดที่นี่ เรายังมีเงินกู้ในสกุลเงินยูโร, สเตอริงและดอลล่าร์ของเงินให้สินเชื่อทั้งหมดคือ 2% หากคุณสนใจที่จะกลับไปหาเรา [email protected] พร้อมด้วยข้อมูลต่อไปนี้:
ข้อกำหนดการใช้งาน
ชื่อ:
ประเทศ:
เมือง:
ที่อยู่:
จำนวนเงินที่ขอ:
เวลา:
อายุ:
เพศ:
อาชีพ:
ไม่มีโทรศัพท์:
ขอบคุณ
คุณแมรี่

คุณต้องการเงินกู้เร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาความต้องการทางการเงินของคุณหรือไม่? เรามีเงินให้สินเชื่อตั้งแต่ 5000.00 ถึง 250,000,000.00 สูงสุดเรามีความน่าเชื่อถือมีประสิทธิภาพรวดเร็วและมีพลวัตโดยไม่มีการตรวจสอบเครดิตและเสนอเงินกู้ต่างประเทศที่รับประกัน 100% ตลอดระยะเวลาทั้งหมดที่นี่ นอกจากนี้เรายังนำออกเงินกู้ในสกุลเงินยูโรสเตอร์ลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของเงินให้สินเชื่อทั้งหมดเป็น 2% หากคุณสนใจจะได้รับกลับมาให้เราผ่าน [email protected] พร้อมข้อมูลต่อไปนี้:
ข้อกำหนดการใช้งาน
ชื่อ:
ประเทศ:
เมือง:
ที่อยู่:
จำนวนเงินที่ขอ:
เวลา:
อายุ:
เพศ:
อาชีพ:
ไม่มีโทรศัพท์:
ขอบคุณ
คุณ Mary

ขอให้เป็นวันที่ดี !!!

คุณเป็นนักธุรกิจ / ผู้หญิง? คุณอยู่ในระเบียบทางการเงินหรือต้องการระดมทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง? หรือชำระค่าตั๋วหรือเริ่มต้นได้ดี
ธุรกิจ? เราให้เงินกู้ 2% ติดต่อเราได้ที่:
[email protected]
ข้อมูลที่จำเป็น:
ชื่อ--
จำนวนเงิน -
ปี -
หมายเลขโทรศัพท์-
ประเทศ-
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.anitabrisonloancomp...
จาก: เงินกู้ บริษัท
ขอบคุณ
Mrs. Anita Brison

ขอให้เป็นวันที่ดี !!!

คุณเป็นนักธุรกิจ / ผู้หญิง?
 คุณอยู่ในระเบียบทางการเงินหรือต้องการระดมทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง?
 หรือชำระค่าตั๋วหรือเริ่มต้นได้ดี
ธุรกิจ? เราให้เงินกู้ 2% ติดต่อเราได้ที่:
[email protected]
ข้อมูลที่จำเป็น:
ชื่อ--
จำนวนเงิน -
ปี -
หมายเลขโทรศัพท์-
ประเทศ-
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.anitabrisonloancomp...
จาก: เงินกู้ บริษัท
ขอบคุณ
นาง. Anita Brison

ขอให้เป็นวันที่ดี !!!

คุณเป็นนักธุรกิจ / ผู้หญิง?
 คุณอยู่ในระเบียบทางการเงินหรือต้องการระดมทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง?
 หรือชำระค่าตั๋วหรือเริ่มต้นได้ดี
ธุรกิจ? เราให้เงินกู้ 2% ติดต่อเราได้ที่:
[email protected]
ข้อมูลที่จำเป็น:
ชื่อ--
จำนวนเงิน -
ปี -
หมายเลขโทรศัพท์-
ประเทศ-
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.anitabrisonloancomp...
จาก: เงินกู้ บริษัท
ขอบคุณ
นาง. Anita Brison

สวัสดีฉันเป็นดวงจันทร์เหรียญที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาประเทศไทย ฉันเป็นหญิงม่ายในขณะที่มีสี่เด็กและฉันก็ติดอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินในเดือนพฤษภาคม 2016 และฉันต้องการที่จะรีไฟแนนซ์และชำระค่าใช้จ่ายของฉัน ฉันพยายามหาเงินกู้จาก บริษัท เงินกู้หลายแห่งทั้งภาคเอกชนและองค์กร แต่ไม่ประสบความสำเร็จและธนาคารส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธเครดิตของฉัน แต่เป็นพระเจ้าจะมีฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งของพระเจ้า บริษัท เงินกู้ linda นางที่ให้ฉันเงินกู้ 50,000USD และวันนี้เป็นเจ้าของธุรกิจและเด็กของฉันกำลังทำดีในขณะนี้ถ้าคุณต้องติดต่อ บริษัท ใด ๆ โดยไม่มีหลักประกันไม่มีการตรวจสอบเครดิตไม่มีผู้ลงนามร่วมที่มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% และแผนการชำระหนี้ที่ดีกว่าและตารางเวลาโปรดติดต่อคุณลินดา

อีเมล conatact: ([email protected])

https://lightstreamloanfir.wix...

ด้วยความเคารพ,

สวัสดีฉันเป็นดวงจันทร์เหรียญที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาประเทศไทย ฉันเป็นหญิงม่ายในขณะที่มีสี่เด็กและฉันก็ติดอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินในเดือนพฤษภาคม 2016 และฉันต้องการที่จะรีไฟแนนซ์และชำระค่าใช้จ่ายของฉัน ฉันพยายามหาเงินกู้จาก บริษัท เงินกู้หลายแห่งทั้งภาคเอกชนและองค์กร แต่ไม่ประสบความสำเร็จและธนาคารส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธเครดิตของฉัน แต่เป็นพระเจ้าจะมีฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งของพระเจ้า บริษัท เงินกู้ linda นางที่ให้ฉันเงินกู้ 50,000USD และวันนี้เป็นเจ้าของธุรกิจและเด็กของฉันกำลังทำดีในขณะนี้ถ้าคุณต้องติดต่อ บริษัท ใด ๆ โดยไม่มีหลักประกันไม่มีการตรวจสอบเครดิตไม่มีผู้ลงนามร่วมที่มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% และแผนการชำระหนี้ที่ดีกว่าและตารางเวลาโปรดติดต่อคุณลินดา

อีเมล conatact: ([email protected])

https://lightstreamloanfir.wix...

ด้วยความเคารพ,

คุณต้องการเงินกู้เร่งด่วนสำหรับความต้องการทางการเงินของคุณหรือไม่? เราเสนอสินเชื่อตั้งแต่ 5000 ถึง 250,000,000.00 สูงสุดเรามีวิธีที่เชื่อถือได้มีประสิทธิภาพรวดเร็วและมีพลังโดยไม่ต้องตรวจสอบเครดิตและมีรายได้จากต่างประเทศ 100% เรายังใช้เงินกู้ยืมในสกุลเงินยูโรสเตอร์ลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าร์ของเงินให้สินเชื่อทั้งหมดคือ 2% หากคุณสนใจที่จะกลับมาหาเรา [email protected] พร้อมข้อมูลต่อไปนี้:ข้อกำหนดการใช้งานชื่อ:………………………..ประเทศ:………………………….เมือง:…………………………ที่อยู่: …………………………….จำนวนที่ต้องการ: ……………………………………….เวลา:………………………………..อายุ:………………………………….เพศ:…………………………………….อาชีพ:………………………………………… ..ไม่มีโทรศัพท์: ……………………………………….. …ขอขอบคุณMrs. Stella

คุณต้องการเงินกู้ถ้าสัญญา En. แอนโธนีผู้ช่วยฉันด้วยเงินกู้เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนฉันต้องแบ่งปันโลกนี้เพื่อบอกต่อสาธารณชนว่ายังมีคนดีในโลกนี้ ฉันทั้งหมดเสียเงินสำหรับกลโกงออนไลน์ทั้งหมดที่ฉันหมดหวังที่จะได้รับเงินกู้ จนกว่าฉันจะเห็นความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอติดต่อเธอไม่ได้เป็นความผิดพลาด แต่ความฝันมาหาฉัน ตอนนี้ฉันเป็นคนที่มีความสุขกับครอบครัวของฉัน ติดต่อเขาหากคุณต้องการกู้เงินที่: [email protected]

คุณกำลังมองหา บริษัท สินเชื่อทางการเงินที่แท้จริงในการจัดหาเงินกู้จาก 10,000 ยูโรถึง 10,000,000 ยูโร (สำหรับธุรกิจหรือสินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อจำนอง, สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อรวมหนี้, เงินร่วมลงทุน, สินเชื่อสุขภาพ ฯลฯ ))หรือคุณถูกปฏิเสธเงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งหรือไม่?สมัครตอนนี้และรับเงินกู้ทางการเงินจริงดำเนินการและอนุมัติภายใน 3 วันบริษัท เงินกู้ทางการเงินแปซิฟิกเราเป็นผู้ให้กู้สินเชื่อในระดับสากลซึ่งให้เงินกู้ทางการเงินที่แท้จริงแก่บุคคลและ บริษัท ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2% พร้อมรหัสที่ถูกต้องหรือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศของประเทศของคุณเพื่อตรวจสอบการชำระคืนเงินกู้จะเริ่มต้น 1 (หนึ่ง) ปีหลังจากได้รับเงินกู้และระยะเวลาการชำระคืนจาก 3 ถึง 35 ปี

สำหรับการตอบสนองทันทีและการประมวลผลใบสมัครของคุณเพื่อชายแดนภายใน 2 วันทำการติดต่อเราโดยตรงผ่านจดหมายนี้: pacificfinancialloanfi [email protected]

 ติดต่อเราด้วยข้อมูลต่อไปนี้:

ชื่อเต็ม: __________จำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นเงินกู้: ______ระยะเวลาการกู้ยืม: _________เป้าหมายของการกู้ยืม: ________วันเกิด: ___________เพศ: ____________ _สถานภาพการสมรส: __________ที่อยู่ติดต่อ: _________เมือง / รหัสไปรษณีย์: __________ประเทศ: ____________ _อาชีพ: __________โทรศัพท์มือถือ: __________

ส่งคำขอของคุณสำหรับการตอบสนองทันทีไปที่: pacificfinancialloanfirm @ gmail.com

 ขอบคุณ

CEO.Mrs VICTORIA JOHNSON

คุณกำลังมองหา บริษัท สินเชื่อทางการเงินที่แท้จริงในการจัดหาเงินกู้จาก 10,000 ยูโรถึง 10,000,000 ยูโร (สำหรับธุรกิจหรือสินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อจำนอง, สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อรวมหนี้, เงินร่วมลงทุน, สินเชื่อสุขภาพ ฯลฯ ))หรือคุณถูกปฏิเสธเงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งหรือไม่?สมัครตอนนี้และรับเงินกู้ทางการเงินจริงดำเนินการและอนุมัติภายใน 3 วันบริษัท เงินกู้ทางการเงินแปซิฟิกเราเป็นผู้ให้กู้สินเชื่อในระดับสากลซึ่งให้เงินกู้ทางการเงินที่แท้จริงแก่บุคคลและ บริษัท ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2% พร้อมรหัสที่ถูกต้องหรือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศของประเทศของคุณเพื่อตรวจสอบการชำระคืนเงินกู้จะเริ่มต้น 1 (หนึ่ง) ปีหลังจากได้รับเงินกู้และระยะเวลาการชำระคืนจาก 3 ถึง 35 ปี

สำหรับการตอบสนองทันทีและการประมวลผลใบสมัครของคุณเพื่อชายแดนภายใน 2 วันทำการติดต่อเราโดยตรงผ่านจดหมายนี้: pacificfinancialloanfi [email protected]

 ติดต่อเราด้วยข้อมูลต่อไปนี้:

ชื่อเต็ม: __________จำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นเงินกู้: ______ระยะเวลาการกู้ยืม: _________เป้าหมายของการกู้ยืม: ________วันเกิด: ___________เพศ: ____________ _สถานภาพการสมรส: __________ที่อยู่ติดต่อ: _________เมือง / รหัสไปรษณีย์: __________ประเทศ: ____________ _อาชีพ: __________โทรศัพท์มือถือ: __________

ส่งคำขอของคุณสำหรับการตอบสนองทันทีไปที่: pacificfinancialloanfirm @ gmail.com

 ขอบคุณ

CEO.Mrs VICTORIA JOHNSON

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ

คุณต้องการสินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อเพื่อการลงทุน, สินเชื่อเพื่อการพักผ่อน, สินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อนักเรียน, สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อประเภทใด? เราเสนอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ย 3% เราเสนอสินเชื่อราคาไม่แพงตั้งแต่ $5,000 ถึง $8000000 ติดต่อเรา อีเมล: [email protected] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ติดต่อเราทางอีเมล: [email protected]ขอแสดงความนับถืออย่างสูงนายไมเคิล สมิธ

Do you need a quick long or short term Loan with a relatively low interest rate as low as 3%? We offer business Loan, personal Loan, home Loan, auto Loan, student Loan, debt consolidation Loan etc.. no matter your credit score.Personal Loans (Secure and Unsecured)Business Loans (Secure and Unsecured)Consolidation Loan and many more.

Contact US for more information about Loan offer and we will solve yourfinancial problem. contact us via email: [email protected] number: +917428831341 (Call/What’s app)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท