ก๊อกๆ..ขออนุญาตเคาะประตูใจ เพื่อจะบอกว่า วันแห่งมิตรภาพเคลื่อนคล้อยไต่ต้อยมาถึงชาวเฮฮาศาสตร์แล้ว ขอเรียนเชิญมาร่วมสังสรรค์ส่งสุภาพบุรุษผู้มีฉายาว่า“กามนิตหนุ่ม” ไปแสวงหาคนรู้ใจยังดินแดนอันไกลโพ้น ที่มีชื่อว่ารัฐโอเรกอน ในเวลา1ปี ถ้าไม่มีคู่เคียงใจมาให้ชื่นชม เราจะเชิญอาจารย์กฤษณา สำเร็จ ทำพิธีดมยาผ่าหัวใจให้ใหญ่ขึ้น จะได้มีพื้นที่รองรับความรักมากขึ้น กิจกรรมต่างๆประกอบด้วยรายการดังนี้
วันที่ 28
12.00 น. มหาชีวาลัยตั้งตารอรับอาคันตุกะ
12.30 น. อาหารกลางวัน
· เราเชิญกุ๊กระดับตะหลิวทองคำฝังเพชรมาแสดงฝีมือ
· ผัดหมี่โคราช อื้อฮือ..โดยท่านสะ-มะ-นึ-กะ- (เจ้าเก่าแต่ไม่แก่)
· อาหารเลิศรสฝีมือพี่องุ่น (ตำหรับพยาธิถามหา)
14.00-15.00น. ชวนไปปลูกต้นไม้ เจ้าภาพจะขุดหลุมใส่ปุ๋ยเตรียมต้นไม้ล้อมไว้รอ มีต้นมะฮอกกานี ตะเคียนทอง ตะแบก สาละ ต้นจันทร์ ฯลฯ
17.00 น. เลี้ยงรับรองชาวเฮฮาศาสตร์
· อาหารพิเศษ เห็ดตีนแรดย่าง
· ต้มยำไก่ดำ
· กุ้งย่าง
· ชิมตำแยแมว และจิ้งกุ้ยหลาน มีชะอมสดๆเยอะมาก ทำอะไรดีครับ
19.00-23.00 น. ภาคกลางคืน มีการเสวนาล้อมวง 1 หัวข้อ
· “ทำอย่างไรกามมิตหนุ่มจะมีคู่ที่รู้ใจเสียที”(รับสมัครผู้ อภิปรายนำ)
· เชิญทุกท่านเขียนกลอนสั้นๆใส่แผ่นกระดาษที่บอร์ด เนื้อหา เกี่ยวกับตัวตนคนชื่อขจิตที่เรารู้จัก เพื่อมอบเป็นที่ระลึก
· เชิญทุกท่านกล่าวความนัยคนละเล็กละน้อย “เรื่องอะไรก็ได้ เกี่ยวกับคนชื่อขจิต”
วันที่29
7.00 น. ตื่นเช้าๆมาฟังนกหัวเราะร้องเพลง เดินชมรอบบริเวณ เรียนถ่ายภาพสวยๆกับอาจารย์แป๋ว
8.00 น. รับประทานอาหารเช้า ชิมขนมครกที่ชวนกันหยอดเอง
8.00-10.30 น. ไปทำบุญตักบาตรที่วัดละหาร ชมนกยูง เจดีย์ใหญ่ ล้างห้องน้ำวัด เสี่ยงเซียมซี สนทนากับเจ้าอาวาส
11.00-12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่บุรีรัมย์
12.00-14.00 น. ไปเยี่ยมฤๅษี ชิมแคนตาลูปหวานกรอบ
16.30 น. กลับถึงมหาชีวาลัย
16.30-18.30 น. แบ่งกลุ่มทำอาหาร มีกติกาดังนี้
· ทุกกลุ่มต้องหุงข้าวด้วยหม้อดิน
· ทำอาหารกลุ่มละ 2 ชนิด
· ขนม ของหวาน ผลไม้ พี่องุ่นจะจัดการให้
· นำอาหารมาจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์
20.00-22.00 น. คุยกันเรื่อง
“ข้อแนะนำเทคนิค วิธี กรณีการเขียนบล็อก”
“ชาวบล็อกจะพัฒนาไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างไร”
“หารือการเดินทางไปร่วมงานชุมนุมชาวบล็อกที่เชียงใหม่”
22.00-23.00น. พักผ่อน ส่งบล็อกตามอัธยาศัย
วันที่ 30
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. แยกย้ายเดินทางกลับ ท่านที่ต้องการไปชมปราสาทเขาพนมรุ้ง เราจะจัดรายการให้เป็นพิเศษ
การเตรียมความพร้อม
1. ยืนยันการเดินทางกับ อ.ขจิต ขอทราบจำนวน
2. เตรียมโน้ตบุกส์ กล้องถ่ายภาพ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม มาด้วย
3. ของใช้ส่วนตัว
รายนามผู้ที่มาตามหาความฝันกับอ.ขจิต ฝอยทอง
1 ท่านบางทราย 2 คนที่ท่านบางทรายรัก 3 ท่านสายลม 4 ท่านสายใจมากับสายลม 5 ท่านเม็กดำ1 6 ท่านที่เม็กดำรัก 7 หนูหนิง 8 หนูเอก 9 อ.สำเนียง 10 อ.พันดา 11 อ.แป๋ว 12 อ.อ้อย 13 สะ-มะ-นึ-กะ 14 ครูเสือ 15 แตงโม 16 พี่องุ่น 17อ.สมพิศ 18คุณดอกแก้ว 19 หนูนิด 20 ครอบครัวดร.กมลวัลย์ 21ครอบครัวหมอเบริด 22 ศน.กุ้ง 23 ตาหยู 24 ท่านสิงห์ป่าสัก 25คุณKra pook ฯลฯ อ.ขจิต เติมๆๆๆ..
เมื่อ จ. 23 ก.ค. 2550 @ 01:03 [ 327707 ]
สวัสดีจ๊ะเบิร์ด
ตอนล็อกอินเข้าบันทึกเบิร์ด พี่แอมป์ตามหลัง ท่านเซอร์พอลฯ มา ....เท่ชะมัด... (คือหมายถึงการได้ต่อคิวหลังท่านเซอร์น่ะเท่ชะมัด : ) ) แต่พอพิมพ์เสร็จก็ไม่ทราบว่าจะตามหลังท่านใด อ้อ...แทบจะใจตรงกับท่านเซอร์ฯ อีกต่างหากเพราะพี่เอาศัพท์ว่าด้วยการโกงมาฝากอะค่ะ
พี่แอมป์เปิดดูหนังสือ "คลังคำ" จัดทำโดย ดร.นววรรณ พันธุเมธา พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2544 ได้ให้ความหมายของคำที่น่าสนใจดังนี้
ชุดคำที่หมายถึงการใช้เล่ห์เหลี่ยมให้ได้ทรัพย์สิน
โกง : ใช้อุบายหรือเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง ให้ได้ทรัพย์สินของผู้อื่น
ฉ้อโกง : หลอกลวงโดยกล่าวคำเท็จ หรือแกล้งปกปิดเหตุการณ์ที่ควรบอกเพื่อโกงทรัพย์
ฉ้อฉล : ใช้อุบายหลอกลวงโดยกล่าวคำเท็จเพื่อให้เขาหลงผิด เช่น ใช้อุบายฉ้อฉลจนเพื่อนหมดตัว
ชุดคำที่หมายถึง การเอาทรัพย์สินที่ดูแลมาเป็นของตน
ยัก : แยกหรือกันเอาไว้เสียเอง เช่น ยักค่ากับข้าวไปซื้อเสื้อ (ได้อารมณ์ดีแฮะ จะพอเหรอเนี่ย - พี่แอมป์)
เบียดบัง : ยักเอาไว้เป็นประโยชน์ของตัว
ยักยอก : ยักเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่มอบให้ดูแล เช่น ยักยอกเงินของบริษัท
ฉ้อราษฎร์บังหลวง : เบียดบังเงินหลวงหรือเก็บจากราษฎรแล้วไม่ส่งหลวง
คอรัปชั่น : เบียดบังเงินหลวงหรือหาประโยชน์ให้แก่ตนหรือพวกพ้องโดยอาศัยอำนาจในหน้าที่ราชการ
ชุดคำที่หมายถึงลักษณะและสภาพของบุคคลในด้านความประพฤติ
สุจริต (เอาไว้เทียบกับคำข้างล่าง)
ประพฤติชอบ เช่น คนสุจริตย่อมไม่กลัวคำกล่าวหา
ทุจริต (เอาไว้เทียบกับคำข้างบน...ตัดกันดี)
ประพฤติมิชอบ
และแถมคำจากพจนานุกรมฉบับมติชน พ.ศ2547
กินตามน้ำ : ฉวยโอกาสผสมผเสการฉ้อราษฎร์บังหลวงไปกับการทำงานตามหน้าที่
กินนอกกินใน : เบียดบังเอาผลประโยชน์จากหน้าที่ทั้งสองฝ่าย
งาบ : ยักยอกฉ้อฉลเงินหรือสิ่งของ เช่น งาบหัวคิว
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคำและความหมายเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมโกงอีกหลายคำในภาษาไทย คือการฝึกให้เด็กไทยรับรู้ความหมายของการโกง แปลความหมายของการโกง และการวางท่าทีความสัมพันธ์ต่อความหมายของการโกงให้ถูกต้อง
การฝึกอย่างเข้มข้นในครอบครัวตั้งแต่เด็ก ก็อาจพอจะเป็นภูมิคุ้มกันสำหรับเด็กไทยได้บ้างในวันหน้า
วิธีฝึกที่ดูเหมือนง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่หากปลูกฝังให้หยั่งรากลึกลงไปในใจคนแล้วก็ยากที่จะทำให้ใจสั่นคลอนได้
ผู้ใหญ่รอบข้างต้องคอยเตือน (สื่อสาร) คอยบอก (สื่อสาร) คอยพร่ำสอน (สื่อสาร) และปฏิเสธพฤติกรรมโกงอย่างจริงจัง
และต้องสื่อสารเป็นความถี่ซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง ให้รู้เท่าทัน ว่าการโกงเป็นสิ่งไม่ดี สมควรละอายใจ พูดให้ดังก้องอยู่ในหูลูกตั้งแต่เล็ก (แปลว่าความหมายชุดนี้ต้องดังก้องอยู่ในหูพ่อแม่ด้วย)
ขณะเดียวกันก็พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างสม่ำเสมอ จนเด็กเชื่อและศรัทธาในแบบอย่างนั้น มาตรฐานศีลธรรม จริยธรรมของพ่อแม่ ก็ส่งผลต่อวิธีคิดเรื่องศีลธรรม จริยธรรมของลูกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงต้องช่วยกันทุกครอบครัว ไม่พึงละเลยเป็นอันขาด
กระบวนการขัดเกลาทางสังคมก็มีผลคู่ขนานกันไป เด็กไม่ได้อยู่ในบ้านกับพ่อแม่เท่านั้น เขาต้องออกมาเจอคนอื่นๆด้วย เขาก็จะเรียนรู้จากสังคมรอบข้าง เขาจะเห็นตัวอย่างที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งดีและไม่ดี
อย่างไรก็ตาม คนที่ใกล้ชิดเด็กที่สุด จะมีอิทธิพลที่สุด ในการ"โปรแกรม"วิธีคิดเรื่องการโกงในสมองเด็ก พ่อแม่ที่รู้เท่าทัน จะรีบ "โปรแกรม" ภูมิคุ้มกัน ใส่ความหมายดีๆ ตัวอย่างดีๆลงในสมองของลูกก่อน ตั้งแต่ยังเล็ก
การฝึกให้คนตัวเล็กๆรู้จักละอายใจ ผู้ใหญ่ต้องรู้จักตั้งคำถาม นำไปสู่จุดที่ทำให้เขารู้สึกละอายเอง เด็กเล็กๆอาจไม่เข้าใจถ้อยคำ ผู้ใหญ่จึงต้องกล่าวห้ามอย่างชัดเจน
โตขึ้นมาอีกหน่อย จึงใช้วิธีบอกเหตุผลและความจำเป็น ตลอดจนมีมาตรการให้คุณให้โทษตามสมควร เพื่อฝึกให้เขารู้ว่า อะไรบ้างที่ควรละอายใจอย่างยิ่ง และต้องไม่ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด
ความละอายใจ การรู้สึกละอายต่อบาป เป็นมาตรการกำกับใจตนเองขั้นสูงสุด ที่ไม่มีใครรู้และไม่มีใครบังคับได้นอกจากเจ้าตัวเท่านั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเรื่องที่เราทุกคนรู้กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องช่วยกันสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เป็นความถี่ซ้ำๆ และลงมือทำอย่างจริงจังกันต่อไป ให้เห็นผลในครอบครัวของเราก่อนจะไปหวังผลนอกบ้าน
การมองไม่เห็นความสำคัญ ของการฝึกให้คนตัวเล็กๆ รู้จักละอายใจ เมื่อไปหยิบฉวยเอาของผู้อื่นมาเป็นของตัว โดยเห็นเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆนั้น อาจทำให้กลายเป็นวิธีคิด "โกงไม่ผิด ทุจริตไม่เป็นไร" ในสักวันหนึ่ง ซึ่งอันตรายมากต่ออนาคตของชาติ และต่อชาติในอนาคต
เพราะ "บริษัทซึ่งอะไรๆก็หยวนนั้น ....จะลงท้ายด้วยการไม่มีอะไรให้หยวนอีกต่อไป" อะค่ะ